บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1848 สำเร็จแล้ว
ป้าหลิวค่อยๆร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวด เหมือนเมื่อกี้ไม่มีเรี่ยวแรงแล้วหยุดไปสักพัก
ใจของทุกคนตื่นเต้นขึ้นมา แต่เมื่อฟังดูดีดีแล้ว ก็สามารถฟังออกว่าขาดเสียงของหญิงตั้งครรภ์อีกคนไป
เจ๋อหลานไม่วางใจ จึงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ไปดูกัน”
พวกเขาเข้ามาใกล้กระท่อม ตีผู้หญิงที่เฝ้าอยู่ด้านหลังกระท่อมสลบ มองผ่านหน้าต่างเล็ก แล้วก็เห็นสภาพย่ำแย่ภายในห้องทั้งหมด
มีเตียงสองเตียง มีหญิงตั้งครรภ์สองคน คนหนึ่งกำลังพยายามคลอดพร้อมเหงื่อไหลท่วมกาย ส่วนอีกคนหนึ่งร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ตรงกลางอกมีกรรไกรปักอยู่ จนขาดใจไปแล้ว
ผู้หญิงที่รับผิดชอบทำคลอดกำลังยืนอยู่ตรงหน้าหญิงตั้งครรภ์ที่ตายแล้วคนนั้น พร้อมขอความช่วยเหลือจากป้าหลิวว่า “พี่หลิว ไม่มีกรรไกรตัดสายสะดือแล้ว”
นางคิดไม่ถึงว่า หญิงตั้งครรภ์คนนี้จะใจกล้าแย่งกรรไกรตัดสายสะดือมาฆ่าตัวตาย
ป้าหลิวเดินมาตรงหน้าหญิงตั้งครรภ์ที่ตายแล้วยังโกรธโมโห แกะมือหญิงตั้งครรภ์ที่ถือกรรไกรไว้แน่น ดึงกรรไกรออกมาจากหน้าอกของนางด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ยื่นให้กับหมอทำคลอด พร้อมพูดขึ้นว่า “นางแย่งไปแล้ว เจ้าก็เอากลับมาไม่ได้แล้วหรือ?”
“อ่อ…” หมอทำคลอดตอบรับ ไม่กล้าหันไปมองหน้าหญิงตั้งครรภ์ที่ตายแล้วคนนั้น มือที่สั่นเทาตัดสายสะดือขาด แล้วก็อุ้มทารกผิวเหี่ยวขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นอย่างผิดหวังว่า “พี่หลิว เป็นทารกผู้หญิง ไม่มีลมหายใจแล้วด้วย”
ได้ยินเช่นนี้ ลูกสะใภ้คนโตของป้าหลิว ก็กระวนกระวายขึ้นมา คว้ามือจับแขนป้าหลิวไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ ทำไงดี นางคลอดเป็นลูกผู้หญิง”
“ไม่เป็นไร เจ้าจะต้องคลอดได้ผู้ชาย รีบคลอด แม่จะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเจ้า” ป้าหลิวพูดปลอบ แล้วก็หันไปพูดกับหมอทำคลอดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “เอาไปฟังด้านนอกเลย”
“ได้”
หมอทำคลอดฉีดผ้ามาจากหญิงตั้งครรภ์ที่ตายแล้ว มาห่อทารกหญิงไว้ อุ้มขึ้นมาแล้วก็ผลักประตูกระท่อมออกไป
เพิ่งเดินมาถึงในป่าทึบมืด ด้านหลังหมอทำคลอดก็รู้สึกเจ็บ สายตามืดแล้วก็หมดสติไป
เหลิ่งหมิงหยู่แย่งทารกมา เป็นก้อนผ้าที่เบามาก เมื่อเปิดดู ทารกหญิงหลับตาสนิท ผอมเหมือนยังหนูน้อยตัวหนึ่ง ทั้งๆที่ยังมีความอบอุ่น แต่หมอทำคลอดกลับพูดว่านางตายแล้ว
เขารีบหันไปมองเจ๋อหลานอย่างขอความช่วยเหลือ พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “พี่สาว ช่วยนางได้ไหม?”
เจ๋อหลานรับมา หูแนบชิดตรงหน้าอกทารก
เหลิ่งหมิงหยู่จับปลายเสื้อจิ่งเทียนไว้แน่น ทุกคนต่างก็กลั้นลมหายใจไม่กล้าหายใจดัง
“หัวใจเต้นอ่อนแรงมาก ข้าถามแม่ก่อน” เจ๋อหลานพูดขึ้นอย่างดีใจ
จิ่งเทียนรีบถอดเสื้อตัวนอกแล้วปูบนพื้น เขาไม่เข้าใจที่เจ๋อหลานพูดถึงการผายปอดคืออะไร แต่ฟังเข้าใจความหมายของเจ๋อหลาน ทารกน้อยคนนี้ยังสามารถช่วยได้
เห็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาหลายคนก็รีบช่วยกันขึ้นมา ถอดเสื้อตัวนอกของตนเองออก ล้อมวงเพื่อช่วยนางบังลม
เจ๋อหลานได้รับการตอบกลับจากแม่แล้ว อุ้มทารกขึ้นมา จับขาของนางไว้ แล้วตบหลังของนางเบาๆ
แต่หลังจากตบไปหลายทีแล้ว ทารกน้อยก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ใบหน้าน้อยห่อเหี่ยวเขียวม่วง
“แม่ ใช้ไม่ได้”
“กวากวา ใช้วิธีผายปอด ทำCPR แต่ร่างกายของทารกแรกเกิดบอบบาง เจ้าต้องปกป้องหน้าอกของนางด้วยพลังพิเศษก่อน”
เจ๋อหลานรีบวางทารกบนเสื้อผ้าของจิ่งเทียน ยกคอของนางขึ้นเล็กน้อย ทำตามขั้นตอนที่แม่สอนทีละขั้น พยายามเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อทารกแรกเกิดที่น่าสงสารคนนี้
ในป่าเงียบสงบราวกับกดปุ่มหยุด ทุกสิ่งรอบตัวกำลังกลั้นหายใจและภาวนาเพื่อเด็กคนนี้
ในที่สุด เสียงร้องที่อ่อนแอดังขึ้นมาทำลายความหนักอึ้ง
“สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้ว” น้ำตาอุ่นๆ หยดลงบนหน้าอกของทารกหญิง เจ๋อหลานใช้เสื้อตัวนอกของจิ่งเทียนห่อนางไว้เบาๆ พร้อมบอกแม่อย่างตื่นเต้นดีใจ
ทุกคนต่างโล่งอก มู่โถวกอดเหลิ่งหมิงหยู่แล้วก็ร้องไห้โฮ แม้แต่เหลิ่งหมิงหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะเช็ดน้ำตา
หนิงหงเจารับทารกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “อยากกลับไปในหมู่บ้านไปหาดูว่ามีนมแพะไหม”