บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1850 กลับเมืองหลวงไปเยี่ยมพ่อ
ตอนกลางคืน
เหลิ่งหมิงหยู่นั่งอยู่หน้ากองไฟ มองดูเปลวไฟที่ริบหรี่อย่างเหม่อลอย
เจ๋อหลานนั่งลงด้านข้างเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องชาย เหม่อลอยอะไรหรือ?”
“พี่สาว ข้ากำลังคิดว่า ทั้งๆที่ป้าหลิวคือลูกสาวเศรษฐีมั่งคั่งที่เลี่ยวป้าเทียนทำร้าย ในทางกลับกัน ช่วยเลี่ยวป้าเทียนทำความชั่ว คลอดลูกชายให้เขาสองคนกับเลี่ยวหงจวง และข่มเหงผู้หญิงอ่อนแอที่อยู่ในสถานการณ์ที่น่าสงสารเหมือนตัวเองทำไม?” เหลิ่งหมิงหยู่ไม่เข้าใจ
เจ๋อหลานลูบหัวของเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว เราแค่ต้องรู้เพียงว่า ทำความชั่ว จะต้องได้รับกรรมจากสวรรค์ก็พอแล้ว”
“อืม”
สองพี่น้องนั่งอยู่สักพัก เหลิ่งหมิงหยู่กิดดาบ เอนพิงต้นไม้ด้านข้างนางแล้วก็นอนหลับไป
จิ่งเทียนเขี่ยกองไฟ แล้วเอาเสื้อคลุมมาให้เจ๋อหลาน พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ให้น้องชายของเจ้าเข้าไปนอนข้างในหรือ?”
เจ๋อหลานส่ายหัว พร้อมกระซิบข้างหูของเพราะว่า “ข้าจะกลับไปแล้ว”
“เร็วขนาดนี้เลยหรือ?” จิ่งเทียนถามขึ้นอย่างตกใจ
เจ๋อหลานพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ชายสี่กับพี่ชายห้าของข้ากลับมาแล้ว ข้าอยากไปเจอพวกเขา”
“งั้นพวกเรา…” จะได้เจอกันอีกไหม? จิ่งเทียนลังเลไม่พูดออกมา รู้แต่แรกแล้วว่าเจ๋อหลานจะต้องมีวันกลับไป แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้
ไม่รู้ว่าจากกันครั้งนี้ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเพราะหนอนน้ำแข็ง ยังจะสามารถได้เจอเจ๋อหลานอีกสักครั้งไหม
เจ๋อหลานจับมือของเขาไว้ พร้อมพูดให้กำลังใจว่า “จะต้องได้เจอกันอีกแน่”
นัยน์ตาของนางเป็นประกายดั่งดวงดาว ความร้อนจากฝ่ามือของนาง ส่งไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเขา ชะล้างความมืดมิดอันเย็นยะเยือกในทันที เมล็ดพืชที่มีชื่อเรียกว่าความหวังก่อเกิดขึ้น
“ได้ แล้วเจอกัน” จิ่งเทียนยิ้มพูด
เจ๋อหลานปล่อยมือเขาอย่างยิ้มแย้ม แล้วก็เรียกน้องฟีนิกซ์มา
เดินทางกลับ
กลับมาถึงเมืองโร่ตู พี่ชายก็มาถึงแล้ว ดูเหมือนจะรู้ว่านางไปทลายกองโจรกับจิ่งเทียน เดิมคิดอยากที่จะตำหนิ แต่เห็นสีหน้านางดีใจมีความสุข จึงแล้วไป
ทังหยวนพูดว่า “เรากลับเมืองหลวงกันเถอะ โค้กกับเซเว่นอัพ สอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จแล้ว เรากลับไปฉลองกัน”
ตอนนี้ในเมืองไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว ดังนั้นจึงควรที่จะกลับไปได้แล้ว
ระหว่างพี่น้อง ไม่ได้รวมตัวกันนานมากแล้ว
เจ๋อหลานดีใจมาก รีบเข้าไปเก็บข้าวของ แล้วก็ตามพี่ชายกลับบ้าน
ก่อนออกเดินทาง ข้าวเหนียวยังพูดกำชับว่า ไม่ต้องบอกพ่อ เรากลับไปให้พ่อตกใจ
เจ๋อหลานชอบแบบนี้ที่สุด นางอยากเห็นหน้าพ่อปีติยินดีเป็นพิเศษ สนุกมาก
“เราบอกแม่ก่อน” ทังหยวนพูดขึ้น ยังไงพวกเขาก็คิดว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามไม่ควรปิดบังแม่
“แต่แม่กับพ่อเป็นดั่งคนคนเดียวกัน แม่ต้องบอกพ่อแม่” ข้าวเหนียวพูดขึ้น
“ไม่หรอก เรื่องที่แม่กับเราปิดบังพ่อยังมีน้อยหรือ?” ทังหยวนพยักหัวอย่างได้ใจ แต่แล้วเจ๋อหลานก็พูดขึ้นว่า “ไม่ใช่เผื่อช่วยปกปิดให้กับพวกเราหรือ? เจ้ายังมีหน้าพูดอีก?”
ทังหยวนหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าผิดไปแล้ว”
เมื่อผิดก็รู้จักยอมรับผิด เป็นกฎของบ้านตระกูลหยู่เหวิน
แต่รู้ว่าผิดแล้วไม่แก้ไข ก็เป็นกฎของบ้านตระกูลหยู่เหวิน
โชคดีที่ พวกเขามีแม่ที่ฉลาด มีพ่อฉลาดเฉลียว หลาย 10 ปีมานี้ถึงค่อยมีความสุขเช่นนี้
หยวนชิงหลิงได้รับข่าวว่าพวกลูกๆจะกลับมาเมืองหลวง นางไม่ได้ปิดบังเจ้าห้า เรื่องน่ายินดีขนาดนี้ บอกเขาล่วงหน้า เขาจะได้มีความสุขหลายวันหน่อย
ช่วงนี้เจ้าห้าค่อนข้างงานยุ่ง ได้จัดตั้งทีมสืบสวนพิเศษขึ้นมา เขาที่เคยเป็นเจ้ากรมการพระนคร ให้ข้อเสนอแนะที่ใช้ได้มากมาย ปกติหลังจากเสร็จงานในราชสำนักแล้ว ก็ประชุมกับพวกหงเย่ เอาบันทึกคดีรวมมาวิเคราะห์
รู้ว่าลูกสาวกับลูกชายจะกลับมา เขาก็ดีใจอย่างมาก คืนนั้นไม่ทำงานล่วงเวลา อยู่ฉลองกับภรรยา
หยู่เหวินเย่กับหยู่เหวินหวง ไปอยู่กับพี่ชายคนโตในค่ายทหาร พวกเขาพาเสือของตนเอง เล่นกับเจ้าตาทับทิมอย่างมีความสุข ปลื้มใจอย่างที่สุด
แต่ตอนนี้พี่ใหญ่เข้มงวดกว่าเดิมนิดหน่อย ดูมีสง่าผ่าเผยแบบที่พ่อเท่านั้นที่มี ในเวลากลางคืน ก็มักจะชอบพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องประเทศบ้านเมือง แผนการในอนาคต
พวกเขารู้สึกว่าพี่ใหญ่เติบโตแล้ว โดยเฉพาะวันนี้หลังจากฝึกฝนกลับมา เขาสวมเครื่องแบบ เดินกลับมาอย่างเชื่องช้า ภายใต้พระอาทิตย์ตก พวกเขายังนึกว่ามองเห็นพ่อ
แต่ที่จริงพี่ใหญ่ก็ชอบเล่นมาก เมื่อมีเวลาว่าง ก็พาพวกเขาวิ่งไปทั่วหุบเขา เจ้าตาทับทิมก็ชอบพี่ใหญ่ ตอนที่พี่ใหญ่กระโดดลงแม่น้ำ มันก็กระโดดตามไปด้วย จนเกือบจมน้ำตาย
จากนั้นพี่ใหญ่ยังสอนเจ้าตาทับทิมว่ายน้ำด้วย โดยบอกมันว่า สุนัขจิ้งจอกที่ว่ายน้ำไม่เป็นถือว่าไม่ใช่สุนัขจิ้งจอกที่ดี เจ้าตาทับทิมตั้งใจอย่างมาก เรียนแป๊บเดียวก็ว่ายเป็นแล้ว ขนสีแดงเพลิงที่ลอยอยู่บนน้ำ เหมือนดั่งไฟที่ซ่อนอยู่ในน้ำ