บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1852 พี่ใหญ่ดีมากจริง ๆ
ครอบครัวของหยู่เหวินเห้ากลับมารวมกันอีกครั้ง แต่จวนอ๋องซุนกลับเกิดความขัดแย้งขึ้นมา
พระชายาซุนก็ไม่บอกว่าเพราะอะไร กลับกันนางเพียงแต่ชักสีหน้ามึนตึงใส่อ๋องซุน
พระชายาซุนไม่ได้มึนตึงแค่เพราะเรื่องบนเตียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เมื่อนางได้เห็นชีวิตหลังแต่งงานของพี่น้องสะใภ้คนอื่น ๆ แล้วมาคิดถึงชีวิตหลังแต่งงานของตัวเอง มันเหมือนแอ่งน้ำนิ่ง ไม่มีช่วงเวลาที่ตื่นเต้นเร้าใจอะไรบ้างเลย
วันเวลาที่ใช้แสดงถึงความรักหวานชื่นที่สุดของพวกเขา สามารถใช้คำว่า “เคารพซึ่งกันและกันในฐานะแขก” มาอธิบายได้เท่านั้น
ที่ผ่านมา นางไม่เคยเห็นความรักอันร้อนแรงแผดเผาในสายตาของเจ้าอ้วนน่าตายคนนั้นเลย
นางเคยเห็นสายตาที่เจ้าห้ามองฮองเฮา เคยเห็นสายตาของเจ้าหกที่มองหรงเยว่ สายตาของเจ้าเจ็ดที่มองหยวนหย่งอี้ สายตาที่ฮุ่ยเทียนที่มองฮูหยินเหยา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสายตาของพี่สามอ๋องเว่ยในเวลาที่มองจิ้งเหอ มันเหมือนกับสายตาของเสือดาวที่หิวจัด จ้องมองเหยื่อของมันอย่างไรอย่างนั้น
แต่สายตาของเจ้าอ้วนน่าตายเวลาที่มองนาง ที่ผ่านมามีแค่ความเรียบเฉยไม่มีอะไรความรู้สึกอะไร
เหมือนสายตาคนตายก็ไม่ปาน
ถ้าเป็นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว พระชายาซุนอาจรู้สึกว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกคนก็ใช้ชีวิตแบบนี้กันทั้งนั้น
ระหว่างสามีภรรยา การให้เกียรติกันเหมือนแขกผู้มาเยือนได้ ย่อมเป็นที่อิจฉาของผู้อื่นแน่แล้ว
แต่นางได้เห็นแล้วว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดของสามีภรรยาเป็นอย่างไร ในใจก็รู้สึกว่านี่มันไม่ยุติธรรมเลย รู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมาใช้ไปอย่างน่าเบื่อหน่ายไร้รสชาติเกินไปหรือไม่?
คิดว่าชีวิตนี้ใช้ไปอย่างสูญเปล่าหรือไม่?
นางถึงขั้นสงสัยในตัวเองว่า หรือบางทีตัวนางอาจไม่คู่ควรถึงขนาดนั้นเลย?
ไม่อาจได้รับความรักจากเขาแม้เพียงเศษเสี้ยวอันน้อยนิด?
ตอนนี้เพิ่งย่างเข้าวัยกลางคน มีฮองเฮาที่เก่งกาจประดุจหมอเทพอยู่ทั้งคน นางจะใช้ชีวิตอยู่จนถึงเจ็ดสิบหรือแปดสิบปีก็ไม่มีปัญหา ดีกว่าต้องอยู่อย่างน่าเบื่อหน่ายไปเป็นเวลาหลายสิบปี
พระชายาซุนเองก็หดหู่ใจ ทั้งไม่ได้บอกใคร เอาจริง ๆ คือไม่กล้าเอ่ยปากมากกว่า นางจะพูดได้หรือว่าอายุก็ตั้งหลายสิบปีแล้ว ยังอยากให้คนมาโอ๋มาเอาใจเหมือนเด็กสาว ๆ อยู่อีก?
หรือเพราะเจ้าอ้วนนั่นไม่ได้ทำให้นางพอใจเรื่องบนเตียง นางจึงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง?
หากพูดเรื่องพวกนี้ออกไป แค่น้ำลายที่พ่นมาจากปากคนอื่น ก็มากพอจะทำให้นางจมน้ำตายได้แล้ว
นางรู้สึกหดหู่อยู่เพียงลำพังหลายวัน ทั้งยังคร้านจะออกไปพบปะสังสรรค์กับใคร กระทั่งตอนที่หรงเยว่มาชวนนางออกไปร่วมงานเลี้ยง นางก็ไม่ยอมไป
ประจวบกับช่วงนี้หยวนชิงหลิงก็ยุ่งกับเด็ก ๆ ที่กลับมาบ้านพอดี การที่ลูกทั้งหกคนมาอยู่ตรงหน้า มันทำให้นางรู้สึกมีความสุขจนไม่อาจคิดถึงเรื่องอื่นได้อีก
หยวนชิงหลิงเรียกฮูหยินเหยามาด้วย จากนั้นก็พาพวกเขาออกจากวัง ไปเที่ยวชมทัศนียภาพรอบ ๆ เมืองหลวง
เป่ยถังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เมืองหลวงก็เปลี่ยนแปลงไปทุกปี ตอนนี้แม้แต่แถบชานเมืองก็ถูกสร้างขึ้นใหม่เช่นกัน
ทุกคนเดินเที่ยวชมเพียงผ่านตา แต่ทังหยวนกลับดูแล้วเก็บมาใส่ใจ เขามองไปตามท้องถนนที่การค้าขายไหลลื่นคล่องแคล่ว ของชนิดไหนขายได้ง่าย ของชนิดไหนเป็นที่นิยม
ตอนที่อยู่ในเมืองปราการ จุดประสงค์ในการเปิดถนนการค้า ก็เพื่อดึงดูดผู้คนจากเมืองใกล้เคียงมาลงทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่เมื่อมาถึงเมืองหลวง จำเป็นต้องให้ความสนใจกับนักธุรกิจที่สามารถแสวงหาและมอบผลกำไรได้ การค้าการขายใดที่ไม่ทำเงิน ยกเว้นเสียแต่ว่าจะเป็นประโยชน์กับคนในชุมชน ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ทำ
แน่นอนว่า สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการกุศล ก็จำเป็นต้องมีเงินเต็มกระเป๋าตัวเองเสียก่อนถึงจะทำได้
ซาลาเปามองความคิดของเขาออก จึงถามเขาว่า “อยากกลับมาทำการค้าหรือ?”
ทังหยวนแค่นยิ้ม “แค่ดู ๆ เท่านั้นเอง ตอนนี้แค่ดูไว้ก่อน ถ้ามีอะไรเหมาะ ๆ หลังจากนี้ ค่อยลองทำดูสักหน่อย”
“พี่ใหญ่สนับสนุนเจ้า” ซาลาเปาพูดพลางตบไหล่เขา
“พี่ใหญ่ ถ้าข้าทำเงินได้ ข้าจะแบ่งให้พี่ใช้อย่างแน่นอน” ทังหยวนพูด
“นั่นไม่จำเป็น การพัฒนาเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีผู้นำเป็นหัวหอกหลายคน มีการแข่งขัน ถึงจะมีความก้าวหน้า” ซาลาเปารู้จักใช้สายตาในด้านการพัฒนามามองปัญหาแล้ว
ตอนนี้ เป่ยถังมีพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่อยู่สองคน คนแรกคือท่านชายสี่ อีกคนคือหูชิงหยุนแห่งต้าโจว
อุตสาหกรรมของท่านชายสี่ เวลานี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยถังแล้ว แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาท่านชายสี่เหน็ดเหนื่อยมากแล้ว เริ่มมีความตั้งใจที่จะจำกัดให้แคบลง แต่ทางตระกูลหูกลับเจริญรุ่งเรืองดุจดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า
ไม่ได้ถึงขั้นว่าจะจำกัดการพัฒนาของหูชิงหยุน แต่เพื่อจะป้องกันไม่ให้ตระกูลหนึ่งมีอำนาจโดดเด่นเหนือกว่าคนอื่น
เส้นชีพจรทางเศรษฐกิจของเป่ยถัง ไม่อาจปล่อยให้ไปอยู่ในมือของชาวต้าโจวได้
ตอนอยู่ในเมืองปราการ ทังหยวนเริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ ไม่ได้ไปเบียดบังเงินจากเหมืองของน้องสาว เขาใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในเมือง กับกลไกที่ปลอดภาษีของราชสำนัก มาดึงดูดการลงทุนและสร้างถนนการค้า หลังการพัฒนา อุตสาหกรรมหลักทั้งหมดอยู่ในมือของเขาเอง เพื่อป้องกันชิ้นเค้กที่ใหญ่เกินไป อาจก่อให้เกิดการแย่งชิงผลประโยชน์กันจนนองเลือด
ตอนนี้เขามีทรัพย์สินถาวรอยู่ในมือจำนวนหนึ่ง สามารถกลับมาลงหลักปักฐานที่เมืองหลวงได้แล้ว
“พี่ใหญ่ ข้านึกว่าพี่จะอยากให้ข้าช่วยจัดการเรื่องงานในราชสำนักเสียอีก ” ทังหยวนพูด
“เจ้าอยากทำอะไรก็ทำสิ่งนั้นเถอะ คนที่อยู่ในราชสำนักตอนนี้ล้วนมากความสามารถเก่งกาจและคู่ควรกับงานที่ทำ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ากล้ำกลืนฝืนใจทำในสิ่งที่เจ้าไม่ชอบหรอก” ซาลาเปาพูดอย่างอ่อนโยน
ทังหยวนพูดอย่างตื่นเต้นยินดี “พี่ชาย พี่ช่างดีมากจริง ๆ!”
ซาลาเปายิ้ม ใบหน้าอันอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความห่วงใย รักใคร่ใจใส่น้องชายอย่างเต็มเปี่ยม