บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1853 พาเด็ก ๆ ไปเที่ยว
หยวนชิงหลิงกับฮูหยินเหยาเดินอยู่ข้างหลังพวกเขา เมื่อเห็นท่าทางร่าเริงแจ่มใสของพวกเขา ฮูหยินเหยาก็รู้สึกเปรมปรีดิ์ไปด้วย
ตอนนี้แฝดสามตัวสูงสง่าอกผายไหล่ผึ่ง ซาลาเปาเริ่มมีบรรยากาศที่ดูดุดันน่าเกรงขามแล้ว เผยท่าทางที่สมกับเป็นพี่ชายคนโต แต่ก็ไม่ตระหนี่ถี่เหนียวกับน้อง ๆ คอยใส่ใจอยู่เสมอ
แฝดสองยังไม่สูงขนาดพี่ชายทั้งสาม แต่ก็สูงและสง่างาม ทั้งยังหล่อเหลา กิริยาท่าทางความประพฤติ ล้วนเหมือนพวกลูกหลานที่ได้รับการอบรมมาตามแบบราชนิกุล
เจ๋อหลานก็มีอากัปกิริยาเหมือนเด็กสาวที่เติบโตจนเป็นผู้ใหญ่แล้ว งดงามผุดผาด พูดจานุ่มนวลอ่อนโยน ทั้งรู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือห่วงใยใส่ใจมารดามาก ที่โบราณกล่าวไว้ว่า ลูกสาวคือเสื้อนวมตัวน้อยของพ่อแม่ นางช่างคู่ควรกับคำกล่าวนี้จริง ๆ
ผ่านไปเพียงพริบตาเดียว พวกเด็ก ๆ ก็โตกันหมดแล้ว กุศลผลบุญที่คอยเกื้อหนุนฮองเฮา ตอนนี้ล้วนมารวมกันจนเข้าที่เข้าทางดีแล้ว
“พอได้เห็นพวกเขาแล้ว ข้าก็เอาแต่รู้สึกว่า ทำไมวันเวลามันถึงได้ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกินนะ?” ฮูหยินเหยาพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ไม่ได้มีแต่เจ้าที่รู้สึกหรอกนะ แม้แต่ข้าเองก็รู้สึก เหมือนผ่านไปแค่ชั่วพริบตาจริง ๆ พวกเขาก็เติบโตกันหมดแล้ว”
“เจ้าเป็นคนมีโชคมีวาสนาดีจริง ๆ” ฮูหยินเหยาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ายังจดจำเรื่องแต่ก่อนได้เสมอ เรื่องที่ทำผิดต่อเจ้า…..”
หยวนชิงหลิงปรามนาง “จะพูดถึงเรื่องพวกนั้นไปทำไมกัน? หลายปีมานี้เรื่องที่พวกเราได้ประสบร่วมกันมายังไม่พอทดแทนอีกหรือ?”
“เจ้าอย่าโกรธสิ ข้าก็แค่ทบทวนตัวเองเท่านั้น เกิดมาเป็นคนทั้งที เราควรพิจารณาตัวเองวันละสามครั้งไม่ใช่รึ” เสียงของฮูหยินเหยาค่อย ๆ เบาลง แต่กลับมีความแข็งขันในที “ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นล่ะก็ ตอนนั้นที่ข้าทำเรื่องพวกนั้นลงไป พอถูกโรคภัยรุมเร้า คนส่วนใหญ่ต้องไม่สนใจแล้ว ไม่แน่ว่ายังอาจก่นด่าซ้ำเติมว่าสมน้ำหน้ามาอีกประโยค หรืออาจตามมาล้างแค้น แต่มีแค่เจ้าคนเดียวนี่ล่ะที่โง่เขลาซื่อบื้อ ยินดียื่นมือมาช่วยดึงข้าออกจากด่านประตูผีไปจนได้ ชีวิตที่เป็นสุขของข้าในวันนี้ ล้วนได้มาเพราะเจ้าแท้ ๆ”
หยวนชิงหลิงตบ ๆ ลงบนหลังมือของนางเบา ๆ “ไม่มีความสุขของใครที่ได้มาเพราะคนอื่นหรอกนะ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะตัวเองแย่งชิงมันจนได้มาเองต่างหาก ในวันนั้นที่ข้าช่วยเจ้า ไม่ใช่เพราะความเมตตาสงสารจึงได้ช่วย แต่ข้าแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากเส้นสายการเชื่อมโยงที่เจ้ามี มาทำให้สถานการณ์ของเจ้าห้ามีเสถียรภาพ พูดได้ว่าต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากกันและกัน เช่นนั้นจึงพูดไม่ได้ว่าใครติดค้างน้ำใจใคร เราก็อย่าพูดถึงมันอีกเลยนะ เรื่องแค่นี้ถ้าเจ้าหยิบมันขึ้นมาพูดบ่อย ๆ เจ้าไม่รำคาญ แต่ข้านี่ล่ะที่จะรำคาญเสียก่อน”
ฮูหยินเหยาหลุดหัวเราะเบา ๆ “ต่อให้เจ้ารำคาญกว่านี้ข้าก็จะพูดอยู่ดี ให้ผ่านไปอีกนานแค่ไหนข้าก็จะพูด เพราะข้ากลัวอยู่เสมอว่าตัวเองจะเนรคุณคนที่มีบุญคุณ ไม่จดจำเรื่องราวที่ตัวเองได้ทำกับเจ้าไว้เมื่อก่อน หากวันหลังยังกล้าทำเรื่องที่ต่ำช้ายิ่งกว่าหมูหมาพรรคนั้นอีก เช่นนั้นก็คงจะ….”
“ช่างจู้จี้ร่ำไรเสียจริง” หยวนชิงหลิงดุด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ถ้าเจ้าพูดอีก วันหลังถ้าข้าจะไปเที่ยวไหน ข้าจะไม่เรียกเจ้าไปด้วยแล้ว”
ฮูหยินเหยาคว้าแขนนางหมับ “เอาเถอะ ไม่พูดถึงแล้ว หาได้ยากที่เราสองคนจะมีโอกาสได้ออกมาคุยกันเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีพวกน้องสะใภ้ทั้งหลายมาคุยกันเจื้อยแจ้วไม่หยุดเช่นนี้”
“ไม่ใช่ว่าเราสองคนออกมากันเงียบ ๆ หรอก พวกเราออกมาดูแลเด็ก ๆ ต่างหาก” หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เจ้าน่าจะพาลูกชายออกมาด้วยนะ เจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ”
“ให้พ่อของเขาเลี้ยงบ้างเถอะ หายากนักที่ข้าจะได้แอบออกมาใช้เวลาว่างแบบนี้”
ท้องแรกคือสมบัติล้ำค่า ส่วนท้องสองท้องสามล้วนเป็นต้นหญ้าหาได้ดาษดื่น นางไม่ค่อยจะหวงแหนสักเท่าไรหรอก
ยิ่งไปไกลเท่าไหร่ คนก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ของแฝดสามกับแฝดสอง ย่อมดึงดูดความสนใจของเด็กสาวหลายคนเป็นธรรมดา ต่างก็สงสัยกันว่าพวกเขาเป็นลูกหลานบ้านใคร ทำไมถึงได้ดูหล่อเหลางามสง่าได้ถึงขนาดนี้?
ข้าวเหนียวไม่ค่อยชอบให้ใครมาจ้องมอง ด้วยเหตุนั้นจึงไปดึงน้องสาวมาอยู่ข้างๆ
แต่เพราะทำอย่างนี้ เขากลับยิ่งถูกบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จ้องเขม็งแทน แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เจ้าหนูนี่ช่างมีบุญมีวาสนาดีแท้
เดินกันจนถึงยามอู่ (ช่วงเวลาเที่ยงวัน) พวกเขาก็เข้าไปกินข้าวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เถ้าแก่ร้านจำฮูหยินเหยาได้ รู้ว่านางเป็นฮูหยินของใต้เท้าฮุ่ยเทียน รีบเข้ามาต้อนรับขับสู้ด้วยความสุภาพและให้เกียรติ ทั้งยังให้ขนมหวานฟรีเป็นน้ำใจอีกด้วย
หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ฮุ่ยเทียนมีชื่อเสียงมีหน้าตาขนาดนี้แล้ว? พวกเราได้อานิสงจากเขาถึงได้มีโอกาสกินขนมเหล่านี้ฟรี ๆ เชียวนะ”
“ตอนนี้ได้ออกมาทำธุระของราชสำนักกับท่านชายสี่ เข้า ๆ ออก ๆ หลายที่ ย่อมมีคนรู้จักเขาเป็นธรรมดา เขามาได้ถึงขนาดนี้ข้าก็ดีใจมากแล้ว แต่ก็ขอให้เขาช่วยทำงานให้ราชสำนักอย่างจริงจังอีกนิด ก็คงพอจะนับได้ว่าช่วยชดเชยความรู้สึกผิดในใจข้าที่มีต่อพวกเจ้าได้”
“เจ้าช่วยหุบปากเสียทีเถอะ ขนมอร่อยขนาดนี้ยังอุดปากเจ้าไม่ได้อีกหรือนี่?” หยวนชิงหลิงดุ
เจ๋อหลานรีบคีบขนมให้ฮูหยินเหยา พลางกะพริบตาปริบๆ “ท่านป้ารีบกินเถอะ ถ้าแม่ของข้าโกรธขึ้นมา นางจะบ่นเป็นชุดแบบไม่หยุดเลย พวกเราจะไม่ได้กินแล้วนะ”
ฮูหยินเหยาหันมามองเจ๋อหลาน ในใจนึกชอบใจมากจนบอกไม่ถูก ถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่าสาวน้อยคนนี้ใจดีมีเมตตา นิสัยเหมือนแม่ของนางมากจริงๆ
ในชามของเจ๋อหลานเอง ก็มีขนมมากมาย ล้วนมาจากความรักใคร่ใส่ใจของพวกพี่ชาย พวกเขามักรู้สึกว่าน้องสาวของพวกเขาเตี้ยเกินไป ต้องกินให้เยอะกว่านี้เพื่อให้ตัวสูง ๆ ถึงจะดี