บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1857 เรื่องของซาลาเปา
การแต่งงานของพี่หญิงหยวน มีการกำหนดแผนการไว้นานแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้จัดพิธี แต่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความเห็นพ้องกันโดยปริยาย และพี่หญิงหยวนก็ดูจะชอบพี่หู่มากเช่นกัน
ดังนั้น เจ้าห้าจึงอดใจไม่ได้ที่จะคุยเรื่องนี้กับหยวนชิงหลิง คุยไปพลางก็บ่นไปพลางว่า “เจ้าว่าตอนนี้พี่หญิงหยวนเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง? ก็เริ่มเตรียมสินเดิมเจ้าสาวกันให้วุ่นแล้ว จะเตรียมก็เตรียมกันไปสิ เตรียมกันแบบเงียบ ๆ หน่อยไม่ได้หรือไร ? ทำไมจะต้องพูดออกมาให้บรรยากาศมันตึงเครียดกังวลไปหมดด้วย พูดจนทำให้ข้ารู้สึกจิตตกไปด้วยแล้ว”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้พวกเราไม่รีบร้อน เมื่อสองวันก่อน ฮูหยินเหยาถึงขั้นมาคุยกับข้าเรื่องของซาลาเปา ว่าเขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท ไม่ใช่ว่าควรจะเริ่มคัดเลือกเพื่อกำหนดตัวพระชายารัชทายาทก่อนได้แล้วหรอกหรือ?”
“อันที่จริงเรื่องนี้ก็หารือกับราชสำนักมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ใคร ๆ ก็บอกให้ข้าระงับเอาไว้ก่อน” การที่พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของรัชทายาทล่าช้าออกไป ก็เพราะสาเหตุนี้นี่เอง
แต่หยู่เหวินเห้ารู้ว่า เวลาที่คนอื่นพูด ไม่แน่ว่าเจ้าหยวนจะเก็บมาใส่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าฮูหยินเหยาเป็นคนพูด นางมักจะเก็บมาพิจารณาเสมอ
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับเจ้าหยวนเงียบ ๆ แล้วถามออกไปตรง ๆ ว่า “เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร?”
“ที่ข้าคิดคือ อายุน้อยเกินไปแล้วแต่งงานไม่ใช่เรื่องดี”
แต่นางก็เข้าใจอยู่ ว่าหากมีการกำหนดตำแหน่งพระชายารัชทายาทออกมาได้เร็วสักหน่อย จะมีผลดีต่อความมั่นคงของสถานการณ์ภายในราชสำนัก
เป็นเพราะว่า เปาเอ๋อนั้นไม่ว่าในแง่ของบุคลิกภาพหรือรูปลักษณ์ ก็ล้วนจัดว่าเป็นชั้นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร มีขุนนางหลายคนที่หมายตามองอยู่ แอบสร้างความสัมพันธ์ลับหลัง คิดจะส่งรายชื่อลูกสาวของตัวเองไปอยู่ตรงหน้าเขา
เพื่อเรื่องนี้ จึงเกิดมีปัญหามากมายขึ้นมาพอสมควรทีเดียว
เมื่อไม่นานมานี้หยวนชิงผิงได้เข้าวัง มาเล่าให้ฟังว่ากู้ซือกลับมาบ้านแล้วบ่นไปหลายประโยค ว่ามีคนคิดจะสร้างความสัมพันธ์ในกองทัพ คิดจะแอบส่งลูกสาวมาที่ค่ายทหาร เพื่อจะสร้างโอกาสให้ได้พบกับเปาเอ๋อโดยบังเอิญ
แนวโน้มของเรื่องนี้จึงยิ่งมีทีท่าว่าจะเลวร้ายลงไปทุกขณะ
ค่ายทหารเป็นพื้นที่หวงห้ามเฉพาะ คนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่สามารถเข้าไปได้
ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิง ต่อให้เป็นขุนนางในราชสำนัก จะเข้าไปในค่ายทหารก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
การกระทำที่ประมาทเลินเล่อเช่นนี้ แสดงว่าไม่ได้เห็นความสำคัญของวินัยทหารอยู่ในสายตา
แต่เพราะเหตุนี้จึงทำให้เห็นได้ว่า มีคนจำนวนมากที่โลภตำแหน่งพระชายารัชทายาท ดังนั้น จึงทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ ยอมแหกกฎเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย
ราชสำนักไม่เคยสงบนิ่งอย่างแท้จริง ต่างคนก็ต่างจิตต่างใจ จำเป็นต้องถูกเคาะ ๆ เตือนสติให้ตื่นรู้อยู่เสมอ
นางยังไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้เจ้าห้า แต่ขอให้หรงเยว่แอบตรวจสอบเรื่องนี้อย่างลับ ๆ เพื่อจะดูว่าใครกันแน่ที่เป็นคนทำ และเคยทำได้จริงมาแล้วกี่เรื่อง
หยู่เหวินเห้ามองนาง “ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เหลิ่งจิ้งเหยียนก็แอบมากระซิบกับข้า ตั้งใจมาเตือนว่าการแต่งงานของเปาเอ๋อ ไม่ใช่แค่เรื่องของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“อื้ม” หยวนชิงหลิงก็รู้ว่า แม้สิ่งที่เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดมาจะเป็นความจริง แต่นางที่อยู่ในฐานะแม่ ในใจก็รู้สึกทรมานไม่น้อย เพราะเรื่องที่เปาเอ๋อจะเลือกได้ในชีวิตของตัวเอง มีไม่มากเลยจริง ๆ
กระทั่งเจ้าห้าเอง เขาก็ยังต้องทนรับแรงกดดันในระดับหนึ่ง
ทุกวันนี้ในราชสำนัก ก็ยังมีคนที่เสนอให้รับสนมเข้าวังหลังเป็นครั้งคราว เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่ฮองเฮาจะได้รับความโปรดปรานแต่เพียงผู้เดียว
แต่เนื่องจากนางให้กำเนิดองค์ชายถึงห้า องค์หญิงอีกหนึ่ง บวกกับไม่มีญาติที่ไหนมาก่อเรื่องราวใหญ่โต สิ่งเหล่านี้จึงสามารถอุดปากของพวกนั้นไว้ได้
แต่ก็มีคนบางกลุ่ม ที่ฝังใจว่านี่เป็นการฝ่าฝืนกฎธรรมเนียมที่ปฎิบัติกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เป็นการทำลายศักดิ์ศรีของฮ่องเต้
หากว่าเจ้าห้าต้องต่อสู้ตัวคนเดียวเพียงลำพัง ก็อาจต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากการวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ แต่โชคดีที่เขาได้รับการสนับสนุนจากโสวฝู่เหลิ่ง ท่านชายสี่และแม้แต่บรรดาอ๋องชินทั้งหลาย ที่ต่างก็ไม่มีใครรับชายารอง ทุกคนให้การสนับสนุนเป็นเสียงเดียวกัน จึงกดความคิดเห็นของสาธารณชนลงไปได้ในที่สุด
แต่ในที่ลับจะมีคนมากน้อยเท่าไหร่ที่คิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสม ใครจะรู้?
“ช่างเถอะ ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง พวกเราช่วยลดแรงกดดันให้เขาไปก่อน ให้เขาไปฝึกฝนตัวเองในกองทัพสักระยะ” หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย ไม่อยากให้เจ้าหยวนต้องเดือดร้อนใจ จึงตัดสินใจระงับเรื่องนี้ไว้ก่อน
ยังโชคดีที่เด็กๆ ทั้งเชื่อฟังว่าง่ายและรู้ความยิ่งนัก ช่วงเวลาที่อยู่ในเมืองหลวง ขอเพียงเจ้าห้ากลับมาจากราชสำนัก พวกเขาก็มักจะอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่เสมอๆ
เวลาที่พ่อยุ่ง ๆ พวกเขาก็จะเดินไปรอบ ๆ เมืองหลวงเพื่อสังเกตความเป็นอยู่ของประชาชน
การเดินเตร่ในลักษณะนี้ ก็มีผลดีเช่นกัน ซาลาเปาได้รู้จักเพื่อนบางคนซึ่งเป็นนักเรียนที่จะไปสอบที่เมืองหลวง พวกเขาพักอยู่ในโรงเตี๊ยมเกาเซิง นอกจากอ่านหนังสือแล้ว พวกเขายังไปนั่งในร้านน้ำชาฟังเรื่องเล่าใหม่ ๆ ทุกวัน
พวกเขาจะมาพบปะรวมตัวกันเป็นครั้งคราว เพื่อถกกันเกี่ยวกับคำถามที่เอินเคอน่าจะออกสอบ
* ( อธิบายเพิ่มเติม เอินเคอหมายถึงระบบการสอบในสมัยโบราณ จัดขึ้นเพื่อเปิดรับนักวิชาการผู้มีความรู้ มีปรากฏคำเรียกนี้ในสมัยราชวงศ์ซ่ง)
ซาลาเปาก็ชอบไปร้านน้ำชาเพื่อฟังเรื่องเล่าเช่นกัน เพราะบางเรื่องถูกแต่งขึ้นมา แต่ก็มีบางเรื่องที่ได้รับการแก้ไขและดัดแปลงใหม่ โดยอิงจากการเหตุการณ์จริงที่น่าตื่นเต้นในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งยังมีโอกาสได้ฟังความรู้สึกของชาวบ้านร้านตลาดด้วย
เนื่องจากซาลาเปาได้ฟังมามาก จึงพอจะพูดเสริมได้นิดหน่อย เขามักจะพูดถึงข้อมูลเชิงลึกที่รู้มา ซึ่งดึงดูดความสนใจของพวกนักเรียนได้เป็นธรรมดา
หลังจากนั้นสองสามวันต่อมา ก็ได้รู้จักกับเพื่อนที่เป็นนักวิชาการอีกหลายคน ร่วมดื่มชาแลกเปลี่ยนความรู้กับพวกเขา มีความสุขอย่างยิ่ง