บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1860 จะต้องได้พบแน่
หลังจากที่ซาลาเปารู้เรื่องนี้ ก็ร้อนใจดั่งไฟลน รีบพาหมาป่าหิมะออกไปตามหาทันที
เขารู้สึกแปลกใจมาก น้องชายของเขาล้วนไม่ใช่คนธรรมดา การจะตามหาเจ้าตาทับทิมเป็นอะไรที่ง่ายมาก แต่ทำไมกลับหาไม่เจอ?
แต่เพียงไม่นานเขาก็ค้นพบว่า ไม่ใช่แค่น้องชายเท่านั้นที่หาไม่เจอ แม้แต่เขาเองก็ยังหาไม่เจอด้วย
เขาตามหาไม่หยุดจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น แต่กระทั่งร่องรอยเพียงเศษเสี้ยวของเจ้าตาทับทิมก็ยังหาไม่พบ
เขาขอความช่วยเหลือจากจวนอ๋องซู่ ให้กลุ่มชายชราชุดดำช่วยตามหาอีกแรง เพราะกลุ่มชายชราชุดดำชอบเจ้าตาทับทิมอย่างยิ่ง หลังจากบอกพวกเขาเรื่องที่เจ้าตาทับทิมหายไป พวกเขาก็ร้อนใจมาก รีบออกเดินทางค้นหาทันที
หนึ่งในกลุ่มชายชราชุดดำเหล่านั้น เดินไปพลางก็พร่ำบ่นไปพลางว่า “บอกตั้งนานแล้วแท้ ๆ ว่าให้ขายแลกเงินไปก็ไม่ฟัง มาตอนนี้หายจ้อยไปแล้วล่ะสิ? อดได้ทั้งเงินสูญเสียทั้งของแท้ ๆ”
ซาลาเปาได้ฟังแล้วก็ยิ้มแหย ๆ พลางส่ายหน้า รู้ว่าถึงแม้เขาจะพูดอย่างนั้น แต่เขาชอบเจ้าตาทับทิมมากที่สุด ก็แค่ทำปากเก่งพร่ำบ่นพ่นคำไม่น่าฟังไปตามเรื่องตามราวเท่านั้น
ท่านชายสี่ก็ส่งคนออกไปตามหาเช่นกัน สำนักเหลิ่งหลังไม่มีภารกิจในขณะนี้ ทั้งหมดจึงเข้าร่วมการค้นหาเจ้าตาทับทิมอย่างพร้อมเพรียง
พูดไปก็น่าแปลก เจ้าตาทับทิมที่กระโดดโลดเต้นออกไปแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง กลับกลายเป็นว่าทุกคนตามหากันอย่างไรก็หาไม่พบ
ท่านชายสี่ถึงกับส่งคนไปตามหาถึงเขตจื๋อลี่ ซาลาเปาก็กลับไปที่ค่ายทหารด้วย เพราะเจ้าตาทับทิมเคยอยู่กับเขาในค่ายทหารเป็นเวลานาน จึงเป็นไปได้มากที่มันจะกลับไปที่นั่น
แต่เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนก็มารวมตัวกันในสภาพมือเปล่าไม่ได้อะไรเลย
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดจนมาถึงตอนนี้ ที่ซาลาเปาได้เผชิญกับเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา เขาวิตกกังวลและร้อนรุ่มใจมาก กลัวว่าเจ้าตาทับทิมจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน กลัวว่าจะถูกลักพาตัว จับไปกินหรือเอาไปขาย ความคิดที่น่ากลัวทั้งหมดหลั่งไหลเข้ามาในสมอง ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวขึ้นไปเป็นเท่าทวี
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเคว้งคว้างหมดหนทาง เจ้าตาทับทิมติดตามอยู่ข้างกายเขามาระยะหนึ่งแล้ว เกิดเป็นสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งขึ้นมานานพอสมควรทีเดียว เรียกว่ามีฐานะไม่ต่างจากหมาป่าหิมะก็ว่าได้ ถ้าหากมันเกิดไปพบกับเรื่องเลวร้ายขึ้นมาจริง ๆ เขาจะต้องเสียใจอย่างสุดแสนแน่ ๆ
เมื่อไหร่ที่คนเป็นลูกรู้สึกอับจนหมดหนทาง มักจะไปหาแม่โดยไม่รู้ตัว
ซาลาเปาก็เช่นกัน เขาให้หมาป่าหิมะตามหาต่อ ส่วนเขากลับไปหาแม่ที่วัง
เขารู้ดี ว่าแม่แตกต่างจากพวกเขา บางครั้งแม่ก็ไม่ได้มีความสามารถมากมายนัก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องทำเรื่องอะไรที่ใหญ่โตจริง ๆ แม่จะสามารถทำได้จนสำเร็จเสมอ
หยวนชิงหลิงก็รู้เรื่องที่เจ้าตาทับทิมหายตัวไปแล้ว วันนั้นพอข้าวเหนียวกลับมาก็พูดเรื่องนี้ให้ฟัง แต่เรื่องนี้ค่อนข้างทำให้ลูกตกใจมาก ทั้งกลัวว่าพี่ชายจะดุเขา รู้สึกโทษตัวเองเป็นอย่างมาก
ดังนั้น แท้ที่จริงแล้วนางได้ลอบออกไปตามหาเจ้าตาทับทิมอย่างลับ ๆ เจ้าตาทับทิมนั้นปลอดภัยดีมาก แค่กลับไปยังที่ที่นางจากมาเท่านั้น
ดังนั้น ตอนที่ซาลาเปามาหานาง นางก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ลูกวางใจเถอะ เจ้าตาทับทิมไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย แล้วก็ไม่ได้ถูกลักพาตัวด้วย มันแค่ถูกฝูงจิ้งจอกตามหาจนพบ แล้วนำตัวกลับไป หากพวกลูกมีวาสนาต่อกัน จะต้องได้พบกันอีกแน่”
คำพูดของแม่ประโยคนี้ ช่างคล้ายกับคำพูดปลอบโยนในละครทีวีมาก ๆ แต่ซาลาเปากลับเชื่ออย่างอธิบายไม่ถูก เพราะเขารู้มาโดยตลอดว่าเจ้าตาทับทิมนั้นไม่ใช่ธรรมดา
ติดอยู่เพียงแค่ มันจากไปโดยไม่บอกลากันสักคำ ตั้งแต่ต้นจนจบในใจของซาลาเปาจึงรู้สึกโศกเศร้าไม่น้อย “ลูกยังจำได้ว่าตอนที่เก็บมันกลับมา เลี้ยงดูจนมันวิ่งได้เดินได้ ก็คิดจะส่งมันกลับคืนป่า แต่มันกลับรออยู่ที่เดิมเฝ้ารอให้ลูกกลับไปตามหามัน เพราะมันกลัวว่าลูกจะทิ้งมันไป ไม่ต้องการมันแล้ว แต่มาตอนนี้มันกลับจากไปง่าย ๆ แบบนี้ แค่ทิ้งลูกไปอย่างไม่ไยดีก็จบเลย”
“อย่าคิดอย่างนั้น ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจจะมีโอกาสได้พบกันอีกก็ได้” หยวนชิงหลิงจับมือลูกชายพลางพูดปลอบโยน
ซาลเปาเอนตัวเข้าไปซบไหล่แม่ พูดงึมงำเบา ๆ ว่า”ลูกก็แค่คิดถึงมันนิดหน่อยเอง”
“เจ้าตาทับทิมเองก็คงจะคิดถึงลูกเหมือนกัน ขอแค่มันคิดถึงลูก มันก็จะกลับมาหาลูกอีกแน่”
สำหรับซาลาเปา การต้องสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตไปเป็นครั้งแรก เป็นธรรมดาที่ชั่วขณะหนึ่งเขาจะไม่สามารถยอมรับมันได้
พลังเหนือธรรมชาติของเขา ไม่ได้สอนวิธีมองผ่านความสุขและความทุกข์ของโลกใบนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องมีประสบการณ์ด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจ
หยวนชิงหลิงตบไหล่ลูกชายเบา ๆ มองดูแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา พาดผ่านลงบนตัวของพวกเขา ด้ายสีทองบนเสื้อผ้าของนางเป็นประกายล้อแสงอาทิตย์ เกิดเป็นแสงเรืองรองระยิบระยับ
นางรู้สึกว่าช่วงเวลานี้มันดีมาก ลูกชายยังเอนซบอยู่ข้างตัวนาง บอกเล่าความทุกข์ใจของตัวเองให้ฟัง บางทีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เขาอาจจะต้องเผชิญกับมันเพียงลำพังแล้ว จะไม่มีวันเป็นแบบตอนนี้ได้อีก ที่เวลาเกิดอะไรขึ้น ก็จะมาหาแม่เพื่อปรึกษาหรือขอคำปลอบใจเช่นนี้
นางเข้าใจคำพูดที่เจ้าห้ามักพูดติดปากจนเป็นนิสัยประโยคนั้น ว่ากลัวพวกเขาจะไม่โต แต่ก็กลัวว่าพวกเขาจะโตเร็วเกินไปด้วย