บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1874 ฉีดยากันคนละเข็ม
หลังจากข้าวเหนียวกลับไป ก็รีบไปหาพ่อกับแม่ทันที บอกว่าเขาตัดสินใจว่าจะเรียนหมอ รอให้น้องชายทั้งสองคนหมดปิดเทอมหน้าร้อน เขาจะกลับไปกับน้อง ๆ แล้วไปเข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์แผนปัจจุบันที่เปิดโดยหยางหรูไห่
โรงเรียนแพทย์ของหยางหรูไห่ จะรับเฉพาะนักเรียนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นพิเศษเท่านั้น ไม่ใช่เพราะเขาเป็นลูกชายของหยวนชิงหลิงแล้วจะมาอ้างชื่อแม่ ก็หวังจะได้โควต้าเข้าเรียนนั้นไป
ดังนั้นหลังจากที่เขากลับไป ก็จะต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบที่ค่อนข้างเข้มงวดอยู่ไม่น้อย
ก่อนการสอบ เขาต้องศึกษาความรู้เชิงทฤษฎีอย่างบ้าคลั่งเพื่อรับมือกับการเข้าสอบ ซึ่งเรื่องเหล่านี้หยวนชิงหลิงสามารถช่วยแนะนำเขาได้
หยวนชิงหลิงสนับสนุนข้าวเหนียวอย่างเต็มที่ในการเรียนหมอ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยพูดว่าเขาอยากเรียน ติดอยู่แค่ว่าไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ก็ล้มเลิกไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
ปิดเทอมฤดูร้อนใกล้จะหมดลงแล้ว หยวนชิงหลิงจึงไปที่จวนอ๋องซู่ เพื่อจะถามสามยักษ์ใหญ่ว่าพวกเขายังอยากจะไปด้วยหรือไม่? ถ้าพวกเขาจะไป ก็ถึงเวลาเตรียมตัวกันได้แล้ว
ท่านฉู่บอกว่าไม่ไปแล้ว อยากอยู่ที่นี่กับทุกคน ที่สำคัญที่สุดคืออยากอยู่กับแม่นมสี่
สามยักษ์ใหญ่จะขาดคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้ พอเขาไม่ไป อู๋ซ่างหวงกับเซียวเหยากงก็ไม่ไปเช่นกัน
โลกทางนั้นที่เต็มไปด้วยสีสันมันดีมาก แต่ว่าเมื่อล่วงเข้าสู่วัยชรา อย่างไรก็ควรอยู่ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขที่บ้านเกิดจะดีกว่า
ท่านฉู่ถ่ายวิดีโอไว้เยอะมาก แล้วขอให้เด็ก ๆ เอากลับไป พอถึงเวลาตัดต่อสักนิดก็อัพเดทได้เป็นปีแล้ว อย่างไรบัญชีก็ยังต้องดูแลเคลื่อนไหว ไม่ควรปล่อยให้แฟนๆ ต้องรอนานเกินไป
ไม่อย่างนั้น แฟน ๆ ก็อาจจะคิดไปว่าพวกเขาตายแล้วก็เป็นได้
วิดีโอครั้งนี้ โดยพื้นฐานแล้วจะถ่ายกันภายในจวนอ๋องซู่ทั้งหมด ทั้งทิวทัศน์ฉากหลัง เสื้อผ้า ผู้คนทั้งหมดล้วนเป็นของที่นี่ โดยบอกกับสาธารณะว่าเป็นการถ่ายแบบกลุ่ม ระยะเวลาถ่ายทำคือสองปี
ถ้าหลังจากผ่านไปสองปีแล้วยังมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าเขาจะกลับไปที่นั่นอีก
แต่หยวนชิงหลิงได้รู้จากกลุ่มชายชราชุดดำ ว่าเหตุผลที่อู๋ซ่างหวงกับเซียวเหยากงไม่ไป ไม่ใช่เพราะว่าท่านฉู่ไม่ไป แต่เป็นเพราะรัชทายาท
พวกเขาอยากช่วยให้รัชทายาทยืนหยัดอย่างมั่นคง กุมใจประชาชน และทำให้เหล่าขุนนางเชื่อถือและยอมรับพระองค์โดยดุษฎี
แน่นอนว่า ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่ต้องลงมือช่วย ทุกอย่างยังต้องให้รัชทายาทลงมือสะสางงานด้วยองค์เอง พวกเขาในฐานะพระประธานใหญ่ทั้งสามก็แค่นั่งกอดเข่าเฝ้ามองดูอยู่ที่นี่ บางครั้งก็ออกมาพูดให้กำลังใจบ้างสักประโยคสองประโยค แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้ ไม่ว่าสถานการณ์จะดีกว่านี้สักแค่ไหน ก็ไม่สามารถห้ามใจคนไม่ให้คิดต่างได้ เดิมทีแวดวงขุนน้ำขุนนางก็เป็นดั่งสนามรบอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะสงบสุขอย่างถาวร
อันที่จริง ราชสำนักก็ถูกแบ่งออกเป็นฝักเป็นฝ่าย ขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงต่างก็พยายามดึงตัวขุนนางในหัวเมืองต่าง ๆ มาเป็นพวกอย่างเต็มที่เพื่อส่วนแบ่งผลประโยชน์ สร้างฐานอำนาจที่มั่นคงให้กับตำแหน่งของตัวเอง
แน่นอนว่าเจ้าห้าเองก็มองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่จะว่าไป การคานอำนาจกันแบบนี้จริง ๆ แล้วก็เป็นวิธีที่ค่อนข้างดี เพราะจะไม่มีใครที่เด่นขึ้นมาเป็นหนึ่ง เขาที่เป็นฮ่องเต้ก็แค่คอยจับตาดู ถ้าใครที่ข้ามเส้นแดงมา เพราะหวังในอำนาจและประโยชน์ส่วนตน จนแย่งชิงหรือทำลายผลประโยชน์ของประชาชนรวมถึงราชสำนัก เขาก็จะออกมาทุบให้ร่วง
เวลานี้มีการแต่งตั้งรัชทายาทแล้ว ย่อมจะต้องดึงดูดผู้คนจำนวนมากไม่ต่างจากแมลงวันให้บินมารุมล้อม หรืออาจให้ลูกหลานในตระกูลมาสร้างความสนิทสนม เลื่อนตัวเองมาเป็นสหายกับรัชทายาท ได้เป็นขุนนางเพราะฮ่องเต้เลือกเอง ดีกว่าไปแข่งขันในสนามสอบคัดเลือกเป็นไหน ๆ
รัชทายาทอายุยังน้อย การตัดสินใจอาจผิดพลาดได้ง่าย ในจวนอ๋องซู่มีคนที่อยู่ว่างไม่น้อย ทันทีที่มีใครก็ตามเข้ามาเกาะติดรัชทายาท ก็จะเริ่มการตรวจสอบแบบรอบด้านทันที เริ่มตั้งแต่บรรพบุรุษต้นตระกูลขึ้นไปสิบแปดรุ่นยาวลงมาจนถึงบ้านลุงป้าน้าอา ลามไปถึงหมาตัวเมียในบ้านลุงกับป้าข้างบ้านที่เลี้ยงไว้ ว่ามีหมาตัวผู้ของบ้านไหนมาทำให้ท้องป่อง เรียกได้ว่าสืบเสาะจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถึงจะสามารถคลายความกังวลใจ สามารถลดความเสี่ยงได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาทั้งสามเวลานี้ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองได้อย่างสมบทบาทเป็นพิเศษเลยทีเดียว
ทิวทัศน์จะงดงามสักแค่ไหน ก็ทำให้พวกเขาโลดแล่นไปหาไม่ได้ แต่เรื่องของรัชทายาทต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเอามาใส่ใจเป็นอันดับแรก
หลังจากที่หยวนชิงหลิงได้ยินแล้ว ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งมาก จึงตัดสินใจว่าจะให้รางวัลเแก่พวกเขาสักเล็กน้อย นั่นคือทุกคนจะได้รับการฉีดแคลเซียมคนละเข็ม
หลังจากฉีดยาเสร็จ สามยักษ์ใหญ่ก็ทำหน้าพะอืดพะอม แม่นมสี่ที่มองดูอยู่อีกด้านถึงกับหลุดหัวเราะออกมาดัง ๆ เลยทีเดียว
หยวนชิงหลิงตระเตรียมข้าวของอย่างช้า ๆ แล้วปรายตามองนาง “ไม่ต้องหัวเราะหรอก เดี๋ยวก็ถึงตาท่านแล้ว”
แม่นมสี่รีบพูดว่า “ไม่ต้องหรอกเพคะ ข้าฟังคำแนะนำของท่านทุกวัน อาบแดด กับดื่มนมแพะอย่างสม่ำเสมอ”
หลอดเข็มฉีดยาส่องประกายภายใต้แสงอาทิตย์ หยวนชิงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อื้ม เชื่อฟังดีมาก นั่งลงเถอะ”
ท่านฉู่เอื้อมมือออกไปดึงแม่นมสี่ “ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บหรอก”
แม่นมสี่ถอนหายใจ “ไม่ใช่ว่าข้ากลัวเจ็บหรอกเจ้าค่ะ ได้ยินมาว่าหลังจากฉีดยานี้แล้ว กระดูกก็จะดีขึ้น ของดี ๆ ขนาดนี้ไม่ควรเอามาใช้สิ้นเปลืองกับข้า ควรเอาไปฉีดให้คนในจวนอ๋องซู่เพิ่มอีกสักคนยังจะดีเสียกว่า”
“วางใจเถอะ มีพอแน่นอน พรุ่งนี้จะฉีดให้ครบหมดทุกคนเลย” หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไป สีหน้าของทุกคนในจวนอ๋องซู่ก็หนักอึ้งดำคล้ำ กินยาก็กินยาสิ ยังต้องฉีดยาอะไรอีก? เอาดาบมาแทงกันให้จบ ๆ ไปยังไม่ร้ายกาจขนาดนี้เลย!