บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1882 คนขององค์ชายรอง
กลับถึงในพระราชวัง หยู่เหวินเห้ามองดูสวีอีที่รูปร่างเปลี่ยนไป ทั้งดำทั้งผอม ก็ตกใจทันที เอ่ยถามด้วยความตกตะลึง “ทำไม? หยวนหยวนปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี ไม่ให้เจ้ากินข้าวหรือ? บอกให้เจ้าพกเงินติดตัวไปหน่อยตอนออกไป ก็ไม่ฟัง”
“ฝ่าบาท ข้าน้อยติดตามองค์ชายรองไม่ไหวจริงๆพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยอายุมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ” สวีอีถูหนังที่ลอกออกบนใบหน้าเล็กน้อย พระอาทิตย์นี้ก็ร้อนแรงมาก ผิวที่อิ่มเอิบของเขาตากแดดจนลอกแล้ว “ข้าน้อยคิดว่า ควรหาคนข้างกายให้พวกเขาแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
หยู่เหวินเห้าเรียกให้คนหยิบขี้ผึ้งหยกขาวมาให้เขาทาหน้า แล้วจัดขนมและน้ำชาให้เขาอีก ให้เขานั่งลงค่อยๆพูดความคับข้องใจที่อยู่ในใจออกมา
หยู่เหวินเห้าคิดอยากมองหาคนให้พวกเขาตั้งนานแล้ว อย่างไรเสีย ก็อยู่ในเมืองหลวงทั้งหมดแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้รับการจัดแบ่งพระราชทานจวน ก็ควรมีเรื่องเฉพาะกิจของตัวเอง ข้างกายจะขาดคนไม่ได้
รัชทายาททางนั้นไม่เป็นห่วงแล้ว อู๋ซ่างหวงจัดการเรื่องทั้งหมดเองไม่อนุญาตให้คนอื่นก้าวก่าย รัชทายาทเองก็มีความคิดเป็นของตัวเอง
“เรื่องนี้ ได้บอกให้ใต้เท้าทังไปจัดการแล้ว มองหาคนให้ทังหยวนน่ะ ก็หาจากตระกูลหยวนทางนั้น หลายปีมานี้ตระกูลหยวนทำการค้าขาย ได้ยินใต้เท้าทังบอกว่า พวกเขามีลูกหลานคนหนึ่งได้ไหว้วานให้เขาหาช่องทางให้ อายุพอๆกันกับทังหยวน อีกสองวันจะพาพวกเขามาพบกันสักหน่อย”
“หาคนเดียวเกรงว่าจะไม่พอน่ะสิพ่ะย่ะค่ะ?” สวีอีรู้สึกว่าด้วยนิสัยที่ชอบดั้นด้นขนาดนี้ขององค์ชายรอง หากว่าหาคนคนเดียว ไม่เกินหนึ่งเดือนก็เหนื่อยตายแล้ว
“ยังมีอีกคน เป็นคนต้าซิงที่หรงเยว่ทางนั้นแนะนำเข้ามา ก็ชอบทำการค้าเช่นกัน เป็นคนในราชนิกุลนับว่าเป็นญาติห่างๆรุ่นที่ห้าที่เกี่ยวข้องกับหรงเยว่ ฝืนใจเป็นอย่างมากชนิดนั้น”
สวีอีรู้สึกว่าได้ คนของตระกูลหยวนฉลาดปราดเปรื่อง และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ สำหรับคนที่พระชายาหวยแนะนำก็คงไม่แย่ไปกว่าเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่ได้รับการจัดแบ่งพระราชทานจวน ยังคงอยู่ในพระราชวัง มีคนติดตามทำงานด้วยสองคนก็ได้ อย่างไรเสียในวังก็มีคนปรนนิบัติดูแลอยู่ด้วย
หลังจากที่สวีอีฝากท้องไว้กับฮ่องเต้ของเขามื้อหนึ่งแล้ว จึงกลับไปพบกับภรรยา
อะซี่ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ทั้งสงสารทั้งอิจฉาจริงๆ หลังจากที่อะซี่ให้กำเนิดลูกสองคนก็อ้วนท้วนสมบูรณ์เล็กน้อย อยากลดความอ้วนมาโดยตลอด ทำอย่างไรก็ลดไม่ลง
เขาออกไปไม่กี่วัน ก็ลดลงไปตั้งหนึ่งรอบตัวใหญ่ๆแล้ว แต่สามีของตัวเองก็ไม่ได้อ้วนนี่นา ไม่จำเป็นต้องลดความอ้วน ผอมจนเป็นเช่นนี้ช่างทำให้คนสงสารยิ่งนัก
รีบสั่งการออกไปในตอนเย็นทันที ให้จัดเตรียมอาหารอร่อยที่มีครบทั้งรูปรสกลิ่นสีเต็มโต๊ะเลี้ยงฉลองให้สักหน่อย แต่เมื่ออาหารอร่อยที่มีครบทั้งรูปรสกลิ่นสีจัดวางอยู่เบื้องหน้า ตัวเองก็อดใจไม่ได้อีก บวกกับไม่สามารถปล่อยให้เขากินเพียงคนเดียวอย่างเหงาหงอยเช่นนี้ได้ จึงหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วกินกับเขา
สวีอีกินอย่างมีความสุขมาก อะซี่กินเสร็จแล้วก็น้ำตาอาบแก้ม แผนการจะลดความอ้วนได้ประกาศความล้มเหลวไปอีกครั้งแล้ว
คนที่ใต้เท้าทังแนะนำมา เป็นคนของครอบครัวเหล่าไท่จวินตระกูลหยวน ชื่อมู่ฉางฉาง ปีนี้อายุสิบหกปี ติดตามบิดาทำการค้าได้สามปี มีประสบการณ์หน้าร้านหนึ่งปี แต่เพราะทำงานอย่างอิสระไม่ชอบการผูดมัด มีความคิดของตัวเองมากเกินไป ในครอบครัวจึงคิดจะไล่เขาออกไป ให้เรียนรู้ก่อนสักสองสามปีแล้วค่อยกลับมาช่วยทำการค้าของครอบครัว
เกี่ยวกับแผนการที่ถูกสั่งให้ไปทำในด้านนี้ อย่างแรกที่เหล่าไท่จวินนึกถึงก็คือทังหยางลูกเขยของตัวเอง ทังหยางรับปากในคำเดียว ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้เคยรับสั่งว่า ต้องการมองหาบุคคลที่ได้รับคัดเลือกให้องค์ชาย
เขาก็สังเกตมู่ฉางฉาง ผู้นี้ก่อนเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะมีความเฉลียวฉลาดเล็กน้อย แต่ความคิดถูกต้อง ไม่มีความคิดคดโกง มีแนวความคิดใหม่ๆเฉียบแหลม น่าจะสอดคล้องกับรสนิยมขององค์ชายรองเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงได้บอกกับฮ่องเต้ก่อนและแนะนำอย่างสุดความสามารถ
ส่วนคนนั้นที่หรงเยว่แนะนำ ชื่อหยางชิงชิง ชื่อค่อนไปทางผู้หญิงเล็กน้อย หรงเยว่บอกว่าเป็นญาติจากต้าซิงทางนั้น หลังจากที่หนีออกจากบ้านแล้วก็มาพึ่งพิงนาง อยากหางานหนึ่งงาน และมีความสนใจต่อการทำการค้าเป็นพิเศษด้วย ดังนั้นจึงอยากแนะนำเขาให้กับทังหยวน ติดตามทังหยวนก่อนสักปีสองปี แล้วค่อยออกมาทำงานหากินเล็กๆน้อยๆ
หรงเยว่ให้การรับประกัน บอกว่าตรวจสอบเด็กผู้นี้แล้ว ไม่ได้มีความคิดคดโกงอะไร เหมือนกับชายหนุ่มตระกูลมู่คนนั้น ก็คือกระตือรือร้นในการทำการค้า แต่แนวความคิดที่แปลกใหม่เฉียบแหลม มักจะไม่ได้รับการยอมรับ ด้วยเหตุนี้จึงถูกตำหนิอยู่เสมอ
ใต้เท้าทังจึงได้จัดการให้ชายหนุ่มทั้งสองไปพบกับองค์ชายก่อน ก็พบกันที่จวนอ๋องฉู่
บนใบหน้าของมู่ฉางฉางมีฝ้ากระจำนวนมาก แต่หน้าตากลับดูดีเป็นที่สุด ฝีปากไหลลื่นมาก รู้สึกคุ้นเคยเหมือนรู้จักมานาน หลังจากคารวะองค์ชายแล้วจึงแนะนำตัวเองก่อน จากนั้นก็บอกว่าตัวเองเคยทำการค้าอะไรบ้าง มีอะไรที่คู่ควรให้ภาคภูมิใจ
หยางชิงชิงม้วนผมเป็นมวย อายุสิบห้าปี หน้ารูปไข่ห่าน ผิวสีเหลืองข้าวสาลีดูแล้วเป็นคนมีสุขภาพดีเป็นที่สุด แค่ตัวเตี้ยเล็กน้อย รูปร่างหน้าตาดูดี ท่าทางเปิดเผยตรงไปตรงมามาก ชอบยิ้ม พอยิ้มขึ้นมาก็มีลักยิ้มเล็กๆสองข้าง คิ้วยกขึ้นอย่างมีความสุข เผยให้เห็นดวงตาคู่หนึ่งที่สามารถสื่อสารได้
อาจเป็นเพราะหยางชิงชิงคิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองจะสง่างามรูปร่างสูงใหญ่เพียงนี้ นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่หลังจากที่ดึงสติกลับมาได้ ก็เริ่มทำความเคารพ และแนะนำตัวเองทันที
การพูดจายังไม่ได้เปลี่ยนเสียง แต่ตั้งใจทำให้แหบพร่าเล็กน้อย มู่ฉางฉางรู้สึกว่าเขาต้องการแสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่
แต่หลังจากที่ทังหยวนชำเลืองมองเขาสองสามครั้ง ยิ้มแล้วยิ้มอีก ก็ยังไม่ได้พูดอะไร