บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1886 ไม่สามารถปฏิเสธด้วยเหตุนี้ได้
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1886 ไม่สามารถปฏิเสธด้วยเหตุนี้ได้
เปิดเหมืองอยู่ทางนั้น พวกเด็กๆก็เฉยเมยต่อท่านแม่ผู้แก่ชราแล้ว หยวนชิงหลิงมีเวลาว่างลงจึงได้สังเกตเห็นว่าพระชายาซุนแปลกประหลาดไปเล็กน้อยแล้ว
เหล่าพี่น้องสะใภ้รวมตัวติดต่อกันสองสามครั้งนางล้วนไม่เข้าร่วม ถึงกระทั่งรายกายคุยกันสนุกสนานที่นางสนใจที่สุด นางก็ล้วนไม่เข้าร่วม ในวันปกตินางชื่นชอบการรวมตัวกันเพื่อพูดคุยว่าใครถูกใครผิดเป็นที่สุด
เช่นนี้ก็ช่างขัดกับสภาพปกติจริงๆ
ประจวบกับวันนี้ที่หรงเยว่เข้าวังมาพอดี นางจึงถามหรงเยว่เล็กน้อย หรงเยว่กล่าวว่า ได้ยินว่าสุขภาพไม่ดีเพคะ”
“สุขภาพไม่ดี? รุนแรงหรือไม่?”
“น่าจะไม่นับว่ารุนแรงเพคะ ไม่เช่นนั้นก็คงจะหาท่านแล้ว” หรงเยว่พิงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ทอดถอนใจทีหนึ่ง “เมื่อวานข้าไปที่จวนอ๋องเว่ย จิ้งเหอทางนั้นก็ยุ่งวุ่นวายยุ่งเหยิงเพคะ”
“ทำไมหรือ?” หยวนชิงหลิงนั่งตัวตรง เพราะว่าหมู่นี้นางส่งลูกๆไปที่ยุคปัจจุบันรอบหนึ่ง อีกทั้งบวกกับลูกชายสองคนและลูกสาวอยู่ข้างกาย จึงไถ่ถามถึงเรื่องของพวกนางน้อยมาก จึงไม่รู้เลยว่าจิ้งเหอทางนั้นเกิดปัญหาขึ้นอีกแล้ว “เป็นเรื่องท่านพี่สามฝืนบังคับให้คืนดีใช่หรือไม่……”
ทว่า เมื่อสองเดือนก่อนท่านพี่สามเพิ่งจะกลับไปที่จวนเจียงเป่ยนี่ น่าจะไม่ได้มีเรื่องนี้
หรงเยว่ส่ายหน้า “ไม่ใช่เพคะ เป็นลูกชายคนโตของนางชุยฟู่เจิ่น ต้องการจะแต่งงานเอาผู้หญิงที่หอนางโลมเข้าบ้านให้ได้ จิ้งเหอก็คัดค้านน่ะสิเพคะ”
“แต่งงาน? ข้าจำได้ว่าเขาเพิ่งจะอายุแค่สิบเจ็ดปี?” หยวนชิงหลิงนึกถึงตอนนั้นที่จิ้งเหอรับเลี้ยงเด็กสิบสามคนนั้นจากสำนักชี ขณะที่รับเลี้ยงในปีนั้น โตที่สุดก็เพิ่งจะขวบสองขวบ ถึงตอนนี้มากสุดก็คือสิบเจ็ดปี ชุยฟู่เจิ่นคือคนที่มีปากแหว่ง
หรงเยว่กล่าว “เดิมทีเรียนหนังสือก็เรียนอยู่ดีๆ ใครจะรู้ว่าครึ่งปีก่อนจะออกไปเดินเล่นครู่หนึ่งสถานที่เช่นนั้นกับเพื่อนร่วมชั้น ได้รู้จักกับคนรายชื่ออันดับต้นๆ โยนเงินไปเล็กน้อย รู้สึกว่าเข้าใจกันและรักกันกับคนรายชื่ออันดับต้นๆ ต้องการจะสู่ขอคนอื่นเขามาเป็นภรรยาหลวงให้ได้ จะพูดอย่างไรก็ไม่ฟัง หลังจากจิ้งเหอว่าเขาไปรอบหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะบอกว่าจิ้งเหอไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นลูกชายแท้ๆ ทำให้จิ้งเหอปวดใจเป็นที่สุด ความรักของชายหนุ่ม ก็บ้าคลั่งเช่นนี้ สูญเสียความคิดสติปัญญา”
หยวนชิงหลิงปวดหัวอย่างอดไม่ได้ อายุเท่านี้ กำลังเป็นช่วงกบฏ มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ถึงกระทั่งจงใจต่อต้านตัวเองหรือแม้แต่ญาติสนิท
จิ้งเหอปฏิบัติต่อเด็กๆอย่างไร หลายปีมานี้ทุกคนล้วนเห็นได้ด้วยตา สามารถพูดได้ว่ากำลังกายใจเลือดเนื้อทั้งหมดสิบกว่าปีนี้ล้วนทุ่มเทไว้บนตัวของพวกเด็กๆ
“แม่นางคนนั้น……ก็ชอบเขาหรือ?”
หรงเยว่เปล่งเสียงไม่พอใจเสียงหนึ่ง ใบหน้าฉาบด้วยความท้อใจ “ชอบกับผีสิเพคะ ก็แค่มุ่งไปที่ฐานะของซื่อจื่อจวนอ๋องเว่ย บวกกับโยนเงินไปเล็กน้อย เด็กโง่นั่นบอกว่าคนอื่นเขาไม่รังเกียจที่เขาปากแหว่ง ดันทุรังบอกว่าเป็นการรักกันด้วยใจจริง ทำให้จิ้งเหอโกรธจนแทบจะตายแล้วเพคะ”
หยวนชิงหลิงกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หรงเยว่เจ้าไปช่วยพูดหน่อย เขาน่าจะฟังเจ้านะ”
หรงเยว่ดุ พวกเด็กๆล้วนกลัวนาง
“พูดแล้วเพคะ เขาถามข้ากลับ บอกว่าตัวข้าเองเดิมทีก็มีกิจการหอนางโลม ก็ดูถูกผู้หญิงหอนางโลมด้วยหรือ? ข้าก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้คำพูดนี้อย่างไรเพคะ” หรงเยว่กล่าวด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม หากว่าไม่ได้เห็นเขาเป็นเด็ก ก็อดไม่ได้ที่จะต้องลงไม้ลงมือแล้ว
หยวนชิงหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ช่วงเวลาที่หรงเยว่จะยอมแพ้เช่นนี้ก็ช่างเห็นได้ยากจริงๆนะ
“ได้ยินว่า แม่เล้าของหอนางโลมนั่นก็พูดว่า ต้องการส่งเสริมคู่ที่เหมาะสมกันนี้ ไม่ต้องการเงินไถ่ตัว เพียงแค่ชุยฟู่เจิ่นสู่ขออย่างเป็นทางการแต่งงานให้ผู้หญิงเข้าจวนอ๋องเว่ยเท่านั้น คราวนี้ ชุยฟู่เจิ่นก็ยิ่งโน้มเอียงไปทางนั้น บอกว่าคนอื่นเขาก็ต้องการส่งเสริมพวกเขาอย่างมีเหตุผลเช่นนี้แล้ว แต่ท่านแม่กลับคัดค้านโดยตลอด เป็นท่านแม่ที่ดื้อรั้นดูถูกคน”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว เด็กในช่วงกบฏนี้รับมือได้ไม่ง่ายจริงๆ แม้ว่าจิ้งเหอจะมีความอดทน แต่เด็กมากมาย ครั้งนี้เกรงว่าก็คงถูกทรมานจนย่ำแย่เพียงพอแล้ว
“ท่านว่าทำไมจิ้งเหอต้องรับเลี้ยงเด็กมากมายขนาดนี้ด้วยนะเพคะ? ตอนนี้เลี้ยงจนโตแล้ว กลับไม่รู้จักความกตัญญูเช่นนี้” หรงเยว่อดตัดพ้อไม่ได้
หยวนชิงหลิงกล่าว “พูดเช่นนี้ไม่ได้ ลูกแท้ๆก็มีที่เป็นกบฏ และมีที่ไม่กตัญญู ไม่สามารถนำสิ่งนี้มาตัดสินเรื่องที่จิ้งเหอทำได้ เด็กไม่เชื่อฟัง อันที่จริงก็เป็นแค่เรื่องปกติธรรมดา”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าเจ้าหนุ่มน้อยนั่นเพียงแค่สติเลอะเลือนไปเท่านั้น และไม่ได้ใจจืดใจดำไร้ความรู้สึกเช่นนี้จริงๆ เด็กที่จิ้งเหออบรมสั่งสอนออกมาคงจะไม่แย่เกินไป
เหมือนดั่งที่หรงเยว่กล่าว ความรักของเด็กหนุ่ม มักจะบ้าคลั่งเช่นนั้นอยู่เสมอ