บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1888 ชายหนุ่มฝันสลาย
เขากล่าว “พวกเราไม่ใช้วิธีนี้ วิธีนี้ได้ผลช้า ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ยังต้องค่อยๆเข้าหาผู้หญิงผู้นั้น”
เจ้าถวนกล่าว “วิธีนี้ไม่ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ หลังจากที่เผยตัวตนแล้ว ข้าค่อยแสดงให้เห็นว่าต้องการจะสู่ขอนางอย่างสุดหัวใจ จากนั้นให้นางดูถูกเจ้าฟู่ต่อหน้าอย่างรุนแรงรอบหนึ่ง ให้เขากลับไปขออภัยต่อท่านป้าจิ้งเหอเพื่อขอโทษอย่างตายใจ”
ทังหยวนส่ายหัว “เจ้าคิดว่าไปบอกผู้หญิงที่อยู่อันดับต้นว่าเจ้าต้องการแต่งงานกับนางพล่อยๆ นางจะเชื่อเจ้าหรือ? วิธีที่สิ้นเปลืองเวลานานไม่ใช่สิ่งที่จะเลือกเป็นอย่างแรก”
เขาชะงักแล้วกล่าวต่อเจ้าถวน “อีกทั้งเกรงว่านี่จะเป็นเพียงรักครั้งแรกของเจ้าฟู่ ผู้หญิงคนนั้นคุยโวยกย่องเขาขนาดนั้น บอกว่าเขาน่าทึ่งเพียงใด ดีเพียงใด ไม่รังเกียจข้อบกพร่องบนริมฝีปากของเขา หากเขาซาบซึ้งเพราะเหตุนี้ ก็เห็นได้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่มั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ในขณะที่พวกเราดึงเขากลับมา ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถกระทืบซ้ำอย่างหนักได้ ไม่เช่นนั้น จะทำให้ความคิดของเขาพัฒนารุนแรงถึงที่สุด เกิดข้อกังขาต่อความรู้สึกนึกคิดของคน”
ไม่สามารถเหยียบย่ำอย่างรุนแรงได้ แต่จำเป็นต้องเตะเบาๆเล็กน้อย เพียงแค่ต้องพูดกับเจ้าถวนอย่างมีเมตตาสักหน่อย ไม่ว่าอย่างไรก็จะสอนให้น้องชายเสียคนไม่ได้ นี่เป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ของพี่ชาย
เจ้าถวนไม่ได้คิดถึงปัญหาที่ลึกล้ำเช่นนี้ ฟังคำพูดของพี่ชาย อดกลุ้มใจไม่ได้ “เช่นนั้นจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? ควรใช้วิธีการใด?”
ทังหยวนหัวเราะขึ้นมาแล้ว “ท่านอาสะใภ้หรงเยว่และท่านแม่ของข้าล้วนคิดว่าไม่สามารถใช้ฐานะเชื้อพระวงศ์ข่มเหงหอชุนฮวาได้ นั่นก็เพราะพวกนางคุ้นชินกับการใช้ฐานะของเชื้อวงศ์มาไตร่ตรอง แต่ว่าความสามารถของพวกเราไม่ได้มีเพียงเชื้อพระวงศ์เท่านั้น สำนักเหลิ่งหลังเอย? องครักษ์ลับผีเอย? องครักษ์เงาดำเอย? องครักษ์ฟ้าผ่าเอย? ให้พวกเขาไปทำให้ความรู้สึกของแม่นางอันดับต้นหวั่นไหว ใช้หลักการทำให้คนเข้าใจล่ะ?”
ขณะที่พูดเช่นนี้ ทังหยวนกำหมัดแล้ว
“ทำให้จิตใจหวั่นไหวและใช้หลักการทำให้คนเข้าใจต้องไม่ได้เป็นแน่” เจ้าถวนกล่าว
ทังหยวนหัวเราะแล้ว “ก็ไม่แน่นะ คนล้วนมีเหตุผลหลักการ ถึงกระทั่ง ไม่ต้องออกไปลงมือด้วยตัวเอง หากว่าให้เงินนิดหน่อยก็จะมีคนช่วยชี้แจงเหตุผลแทนเจ้า”
เจ้าถวนเลื่อมใสขึ้นมาอย่างจริงจัง ท่านพี่ทังหยวนพูดคำนี้ได้อย่างเป็นผู้ใหญ่จริงๆ สมกับที่เป็นพี่ใหญ่ ต่อไปเขาก็ไม่สามารถสยบคนอื่นโดยใช้หมัดตลอดไปแล้ว สามารถลองใช้การพูดชี้แจงหลักการเหตุผลดูบ้าง
“แน่นอนว่า พูดชี้แจงหลักการเหตุผลก็ต้องทำให้ฝ่ายตรงข้ามยินยอมหมดทั้งใจ” ทังหยวนเห็นความเลื่อมใสในสายตาของลูกพี่ลูกน้อง จึงยิ้มบางๆแล้ว
เพื่อเรื่องนี้ ทังหยวนไปที่หมู่ตึกเหมย ไปหาชายชราเงาดำที่ทำงานยุ่งอย่างลำบาก เพราะชายชราเงาดำมีความช่ำชองพิเศษอย่างหนึ่ง ก็คือการกระจายข่าวลือ
ข่าวลือนี้น่ะ ก็คือหลังจากที่อ๋องเว่ยแห่งจวนเจียงเป่ยได้รับรู้เรื่องของชุยฟู่เจิ่นแล้ว ด้วยความโกรธจึงได้ออกหนังสือ ต้องการขับไล่ชุยฟู่เจิ่นออกจากจวนอ๋องเว่ย
เขาวางเงินแท่งหนึ่งบนฝ่ามือของชายชราเงาดำ แล้วกล่าว “ภายในหนึ่งวัน ข่าวนี้จะต้องแพร่ไปถึงหูของทุกคนในหอชุนฮวา”
ฝ่ามือของชายชราเงาดำปิดลง “ไม่มีปัญหา!”
“ยังมี……” ทังหยวนหยิบทองคำออกมาอีกแท่งหนึ่ง ดวงตาของชายชราเงาดำจ้องมองนิ่งๆ รอให้เขาพูดต่อไป “ข้าหวังว่าขณะที่คนอันดับต้นนั่นพูดทุกอย่างกับเจ้าฟู่ สีหน้าคำพูดคำจาที่ทำให้คนอื่นเจ็บปวดนั้น พอประมาณก็พอ การโจมตีเรื่องชาติกำเนิดหรือการโจมตีเรื่องหน้าตาก็ไม่จำเป็น พูดเรื่องจริงที่สามารถพูดได้เล็กน้อย ฉะนั้นต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสไปพูดชี้แจงเหตุผลกับนางด้วย”
ชายชราเงาดำหยิบทองคำใส่ไว้ในแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว กล่าวคล้อยตามความคิดเห็นที่ดี “เรื่องชี้แจงเหตุผล ข้าก็ทำเป็น”
นี่เป็นอาชีพเก่า ไม่ยากสำหรับเขา
เป็นดังคาด ภายในหนึ่งวัน ข่าวชุยฟู่เจิ่นถูกขับไล่ออกจากจวนอ๋องเว่ยก็แพร่ไปถึงหอชุนฮวา และจุดที่เรื่องนี้จัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ก็คือคนภายนอกไม่มีผู้ใดรับรู้เรื่องนี้ นี่คือข่าวที่เตรียมขึ้นเพื่อใช้ที่หอชุนฮวาโดยเฉพาะเพียงแห่งเดียว แม้แต่ชุยฟู่เจิ่นที่อาศัยอยู่ที่หอชุนฮวาก็รู้แล้ว
แม่นางอันดับต้นชื่อหยิงหยิง ก่อนหน้าที่หยิงหยิงยังไม่ได้ทำปฏิกิริยาตอบสนองใดๆต่อเรื่องนี้ ชุยฟู่เจิ่นเองก็จิตใจย่ำแย่ก่อนแล้ว นั่งร้องไห้เสียงดังอยู่บนพื้น
เขาคิดว่า คนของหอชุนฮวาจะมาปลอบโยนเขา ผลสุดท้าย ทุกคนล้วนได้ยินเขาร้องไห้ แต่ไม่มีสักคนที่เข้ามา แม้กระทั่งมองก็ไม่มีใครสักคนที่จะหันมามองดูเขาสักแวบ
แม้แต่แม่นางหยิงหยิงก็ไม่มา
ไม่ใช่ว่าแม่นางหยิงหยิงไม่อยากมา ความฝันอันงดงามของแม่นางหยิงหยิงล้มเหลว อยากจะเข้ามาเยาะเย้ยเหยียดหยามสักรอบแทบจะไม่ไหว เพียงแต่ถูกชายชราเงาดำรั้งไว้ ไม่มีทางมาได้เท่านั้น
รอจนชี้แจงเหตุผลเสร็จ ขณะที่ชุยฟู่เจิ่นร้องไห้จนแทบจะหมดสติ แม่นางหยิงหยิงก็ปรากฏตัวด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่มีความอ่อนโยนและความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นที่เขาเห็นจนชินตานั่นอีกแล้ว
ชุยฟู่เจิ่นอยากเข้าไปกอดนาง ก็ถูกนางผลักออกไปอย่างเฉยเมย
ชายหนุ่มสับสนงงงัน!
หยิงหยิงนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของชายชุดดำที่หมัดใหญ่กว่าชามผู้นั้น พยายามเก็บซ่อนความรังเกียจในแววตาไว้ กล่าวอย่างเย็นชา “เรื่องที่เสด็จพ่อของท่านต้องการขับไล่ท่านออกจากบ้าน ท่านก็น่าจะรู้สินะ? เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ท่านอยู่แล้ว ข้าก็จะไม่แต่งงานกับท่าน เดิมทีก็ข้าหวังเพียงฐานะซื่อจื่อของอ๋องเว่ยของท่านเท่านั้น หากว่าท่านไม่ใช่ ก็ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป ข้าอยู่ที่หอชุนฮวายังจะดีซะกว่า เป็นคนอันดับต้นของข้าต่อไป ก็ยังสามารถใช้ชีวิตที่หรูหราร่ำรวยได้”
ชุยฟู่เจิ่นมองนางด้วยความเหลือเชื่อ นัยน์ตาแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ