บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1889 ความผิดเหล่านี้ยังสามารถกลับเนื้อกลับตัวได้
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1889 ความผิดเหล่านี้ยังสามารถกลับเนื้อกลับตัวได้
เขาปิดปาก ร้องไห้ไร้เสียง สุดท้ายถามออกมาหนึ่งคำ “เจ้าก็รังเกียจปมด้อยของข้า ใช่หรือไม่?”
แม่นางหยิงหยิงอยากบอกเป็นอย่างมากว่ารังเกียจ แต่นึกถึงหมัดของผู้เฒ่าคนนั้น ทำได้เพียงอดกลั้นความรังเกียจไว้ “นี่ไม่ได้มีอะไรให้รังเกียจ แต่ทุกคนล้วนมีความตั้งใจ ข้าอยากเสพสุขที่จวนอ๋องเว่ย ท่านให้ข้าไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพัวพันกันอีก ท่านเก็บของให้ดีแล้วออกไปเถอะ หอชุนฮวาไม่สามารถเลี้ยงดูท่านได้”
แม้ว่าชุยฟู่เจิ่นจะเสียใจมาก แต่ว่า อย่างน้อยความหยิ่งในศักดิ์ศรีก็ไม่ได้ถูกทำลายอย่างรุนแรง ปมด้อยเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจที่สุดในใจของเขามาตลอด
เขาออกจากหอชุนฮวาด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย ในมือมีเพียงเสื้อผ้าที่ซักเปลี่ยนสองชุด แม้แต่เงินก็ไม่มี กลับจวนก็ไม่ได้แล้ว ท่านแม่ไม่ต้องการเขาแล้ว เขาไม่มีที่ไปแล้ว
นึกถึงความดีที่ท่านแม่ปฏิบัติต่อตัวเองในอดีต เวลานี้ความเจ็บปวดเป็นที่สุดดั่งหัวใจถูกทิ่มแทงค่อยๆแผ่ซ่านขึ้นมา เขารู้ว่าตัวเองผิดอย่างไร้เหตุผลเพียงใด เขาทำร้ายท่านแม่ลึกล้ำเพียงใด
เขาเดินลังเลอยู่บนถนนเกือบสองชั่วโมง หิวเป็นอย่างมาก อยากไปหาเพื่อนร่วมชั้นเรียนในอดีต แต่ทุกคนล้วนรังเกียจที่เขาละทิ้งครอบครัวเพื่อผู้หญิงที่หอนางโลม ไม่เต็มใจพบเขา
เขารู้สึกว่าถูกทุกคนทอดทิ้งแล้ว จิตใจรู้สึกสิ้นหวัง ความคิดอยากจะตายก็เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ
หยวนชิงหลิงมองดูเขาอยู่บนตึกสูง บอกให้แม่นมข้างกายผู้หนึ่งไปเรียกเขาขึ้นมา ให้เขากินบะหมี่ถ้วยหนึ่งที่ชั้นสองก่อน
ชุยฟู่เจิ่นกำลังหิวจนทรมานพอดี กินอย่างมูมมามมื้อหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวขอบคุณต่อแม่นมเป็นพันหมื่นครั้งด้วยน้ำตาคลอเบ้า
หยวนชิงหลิงเข้ามาจากประตู เมื่อม่านยกขึ้น กล่าวด้วยเสียงเบาๆ “นางให้เจ้ากินบะหมี่ชามหนึ่ง เจ้ายังรู้จักขอบคุณ ท่านแม่ของเจ้าทำงานอย่างลำบากเลี้ยงดูเจ้ามากว่าสิบปี เจ้าปฏิบัติต่อนางอย่างไร?”
ชุยฟู่เจิ่นเงยหน้าขึ้นทันที ได้เห็นใบหน้าที่ดุดันขุ่นเคืองของฮองเฮานั่น เข่าสองข้างอ่อนลงอย่างอดไม่ได้ จึงคุกเข่าลง แล้วถกเถียงคำพูดของนางอย่างถี่ถ้วน รู้สึกเพียงความเจ็บปวดใจอย่างที่สุด ทำสิ่งที่น่าละอายใจต่อท่านแม่ ไม่สมกับการอบรมสั่งสอนและความรักใคร่ดูแลที่ทุกคนมีต่อเขา
ชั่วขณะหนึ่ง ความเศร้าโศกพรั่งพรู สะอึกสะอื้น ร้องไห้แล้วกล่าวด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง “ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว……”
หยวนชิงหลิงลากเก้าอี้มานั่งด้านหน้าของเขา มองดูเขา “ผิดตรงไหนล่ะ?”
ชุยฟู่เจิ่นไม่สามารถร้องไห้อีกครู่หนึ่งอย่างตั้งใจไว้ได้ จึงได้ตอบอย่างสะอึกสะอื้น “ผิดที่ไม่ฟังคำพูดของท่านแม่ ผิดที่คิดว่าหยิงหยิงชอบข้าด้วยใจจริง ผิดที่ทำร้ายจิตใจท่านแม่ พูดคำที่ไม่กตัญญูออกมามากมาย……ฮือฮือ ท่านแม่คงไม่ยกโทษให้ข้าแล้ว นางไล่ข้าออกมาแล้ว ข้าไม่สามารถกลับบ้านได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปดึงเขา มองดูเขาและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าผิดที่สุด คือการพูดกับนางว่าเจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆของนาง นางไม่ได้รักเจ้าจริงประโยคนี้ เจ้าถามใจที่มีมโนธรรมของตัวเองดูซิว่า หลายปีมานี้ท่านแม่ของเจ้าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร? เทียบกับลูกแท้ๆแล้วเป็นอย่างไร?”
ชุยฟู่เจิ่นรู้สึกละอายใจเป็นที่สุด “เทียบกับลูกแท้ๆแล้ว ยังเหนือกว่าอย่างเทียบไม่ได้”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดนี้ของเขา ก็เห็นได้ว่าเด็กคนนี้ยังเข้าใจความผิดชอบชั่วดี จึงกล่าว “เจ้านั่ง อาสะใภ้จะพูดกับเจ้า”
ชุยฟู่เจิ่นไม่นั่ง ก็ยืนอยู่ต่อหน้าของหยวนชิงหลิง “เชิญท่านอาสะใภ้สั่งสอนพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่สั่งสอนเจ้า แค่จะพูดกับเจ้า” หยวนชิงหลิงเงยหน้ามองเขา เจ้าเด็กคนนี้ก็สูงมาก หากว่าบนปากไม่ได้มีปมด้อย ก็เป็นเด็กหนุ่มตัวโตรูปงามเช่นกัน แต่ความไม่มั่นใจในตัวเองอันนี้ที่มาจากร่างกายที่มีปมด้อย จะต้องสยบให้ได้ “ตอนที่ท่านแม่ของเจ้ารับเลี้ยงพวกเจ้า นางได้เผชิญกับเรื่องที่ขมขื่นมากมาย คนทั่วไปได้เผชิญกับเรื่องเช่นนี้ มากกว่าครึ่งล้มแล้วลุกไม่ได้ แต่นางเลือกที่จะใช้ความรักมาเติมเต็มความเจ็บปวดใจของตัวเอง รับเลี้ยงพวกเจ้า การตัดสินใจนี้ไม่ง่าย ตั้งใจอย่างแน่วแน่ก็ยิ่งไม่ง่าย มองพวกเจ้าเหมือนเป็นลูกแท้ๆ ก็ยิ่งมีไม่กี่คนที่สามารถทำได้ ท่านแม่ของเจ้ายอดเยี่ยมมาก เจ้ารู้หรือไม่?”
“รู้พ่ะย่ะค่ะ!” ชุยฟู่เจิ่นน้ำตาไหลรินอีกครั้ง คิดถึงท่านแม่ขึ้นมา ในใจก็ยังคงเจ็บปวดมาก
“นางไม่ได้หวังให้พวกเจ้าตอบแทนสิ่งใดๆในอนาคต นางคิดเพียงแค่จะปลูกฝังพวกเจ้าทุกคนให้เติบโต นี่เป็นความปรารถนาที่เหมือนกันของแม่ทุกคนบนโลก เจ้าถึงช่วงอายุที่จะแสวงหาความรัก ชอบหญิงสาวผู้หนึ่งเดิมก็ไม่ได้ผิด สมัยนี้ เพียงแค่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ท่านแม่ของเจ้าเคยขัดขวางเจ้าหรือไม่? ข้าเชื่อว่านางไม่มี แต่ทำไมเรื่องนี้นางถึงได้ขัดขวาง? ไม่ใช่เพราะนางดูถูกหญิงสาวที่มาจากหอนางโลม แต่เพราะนางรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้จริงใจต่อเจ้า นางกลัวว่าเจ้าจะเสียเปรียบ กลัวว่าเจ้าจะเจ็บปวด จึงได้พยายามกีดกันเป็นที่สุด หากเจ้ามั่นใจในตัวนางมากพอ เชื่อว่านางจะเป็นเหมือนแม่ทุกคนในโลก เช่นนั้นอย่างน้อยเจ้าก็สามารถพูดคุยกับนางสักหน่อยได้ ฟังนางวิเคราะห์ แต่เจ้าไม่ได้ทำ นางคัดค้าน เจ้าก็โกรธ เจ้าพูดคำพูดนั้นออกมา ความจริงก็เป็นสิ่งที่เจ้าคิดอยู่ในก้นบึ้งจิตใจมาโดยตลอด เจ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆของนาง เป็นไปไม่ได้ที่นางจะดีกับเจ้าจริงๆ เจ้าฟู่ นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้นางเสียใจอย่างลึกซึ้งที่สุดนะ”
ดวงตาของชุยฟู่เจิ่นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด กล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “ข้าทำผิดต่อท่านแม่ แต่ข้าไม่สามารถแสดงความกตัญญูต่อหน้านางได้อีกต่อไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงตบมือของเขา “เด็กโง่ คนเป็นแม่ไม่สามารถไล่ลูกตัวเองออกไปได้จริงๆ ลงไปเถอะ รถม้าของที่บ้านรอเจ้าอยู่ข้างล่าง”
ชุยฟู่เจิ่นงงงัน ไม่ทันได้สนใจว่าจะเสียมารยาท รีบพุ่งลงไปด้านล่างทันที พอได้เห็นรถม้าที่รออยู่ชั้นล่างจริงๆ ม่านถูกเปิดอย่างช้าๆ เป็นใบหน้าที่ยังคงอ่อนโยนของท่านแม่ กล่าวเสียงอันนุ่มนวลเหมือนที่ผ่านมา “กลับบ้านเถอะ”
ชุยฟู่เจิ่นร้องไห้และคุกเข่า ร้องไห้เสียงหลงอย่างขมขื่น “ท่านแม่ ลูกผิดไปแล้ว!”
จิ้งเหอลงจากรถม้า ประคองเขาขึ้น เช็ดน้ำตาให้เขาด้วยนิ้วมือผอมเรียวเย็นเฉียบ จับมือของเขาและกล่าว “ความผิดบางอย่างในเมื่อรู้ว่าผิดแล้ว ก็สามารถกลับเนื้อกลับตัวได้ ต่อจากนี้ไม่ทำผิดอีกก็พอ”
ชุยฟู่เจิ่นจับมือของท่านแม่ แววตาค่อยๆเกิดความเด็ดเดี่ยวขึ้น “หลังจากนี้ลูกจะไม่ทำความผิดอีกเด็ดขาด และจะไม่ทำให้ท่านแม่เสียใจอีกเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”