บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1892 เปลี่ยนแปลง
หยวนชิงหลิงรีบถ่ายทอดความรู้บางอย่างทันที พูดคุยก็จำเป็นต้อง แต่ก่อนที่จะพูดคุย ก็ทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก่อน
พี่น้องสะใภ้ทั้งสองวางแผนอยู่ในห้องมานานกว่าครึ่งชั่วยามเต็มๆ หลังจากพระชายาซุนฟังจบ ก็มีข้อสงสัยเล็กน้อยว่าวิธีการของฮองเฮาจะได้ผลหรือไม่ แต่ก็ลองทำดูก่อนละกัน
อ๋องซุนสังเกตเห็นว่าหมู่นี้ภรรยามีความผิดปกติเล็กน้อย
นางไม่ได้สวมเสื้อผ้าชั้นดีราคาแพงเหล่านั้น สวมใส่เสื้อผ้าสีพื้น ปัดแต่งหน้าเบาๆทุกวัน และไม่ได้เหมือนไม่กี่วันก่อนหน้านี้เช่นนั้นที่มักจะจับตาดูและบ่นจู้จี้กับเขา เปลี่ยนเป็นสบายๆเป็นกันเองเล็กน้อย ชมดอกไม่อยู่ในลานกับพวกสาวรับใช้
เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก หลายปีมานี้ไม่ว่าสภาพอารมณ์จิตใจของนางจะดีหรือไม่ดี ในไม่ช้าก็จะสามารถปรับตัวได้อยู่เสมอ
เป็นสามีภรรยากันนานแล้วนี่ ก็เป็นเช่นนี้
แต่ว่า นางสวมเสื้อผ้าสีพื้นก็ดูงดงามเป็นอย่างมากเช่นกัน ทั้งคนดูแล้วสงบนิ่งขึ้นมาก อดไม่ได้ จึงมองมากขึ้นสองสามที
บังเอิญที่สายตาของพระชายามองเข้ามาพอดี แสงอาทิตย์ตกลงบนใบหน้าของนาง พาดผ่านเป็นแสงสีทองหนึ่งชั้น ดวงตาสดใสเลือนรางซับซ้อน รอยยิ้มอันสดใสเปล่งออกมา จากนั้นก็หันออกไปทันที
อ๋องซุนส่ายศีรษะ ตะลึงในจิตใจเล็กน้อย ภรรยากลับมีท่าทางขุ่นเคืองเล็กน้อยเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
อดไม่ได้จึงมองมากขึ้นสองที นางฟังสาวรับใช้พูดจา สีหน้าสงบนิ่ง นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เห็นนาง ปากก็มักจะบ่นจู้จี้ไม่หยุดอยู่เสมอ ที่แท้เวลาที่นางฟังคนอื่นพูดจา ก็รู้สึกไม่เลว
กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง เขากินอาหารเย็นคนเดียว นางบอกว่าจะออกไปข้างนอกรอบหนึ่ง
อ๋องซุนรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย ยามพลบค่ำแล้วทำไมถึงยังได้ออกไปอีกล่ะ? มีเรื่องอะไรไปทำตอนกลางวันไม่ได้หรือ? เมื่อก่อนเขากลับมาจากที่ทำการปกครอง นางก็มักจะพูดพล่ามอยู่รอบตัวเสมอ
ช่างเถอะ นางชอบทำอะไรก็ทำอย่างนั้นเถอะ อย่างไรเสียอยู่คนเดียวก็เงียบสงบมีความสุข
เพียงแต่ เป็นเช่นนี้ติดต่อกันสองสามวัน มีบางครั้งถึงกระทั่งกลับมาก็ไม่ได้พบเจอนาง ถามสาวรับใช้ก็มักจะบอกว่านางออกไปทำธุระนิดหน่อยเสมอ และไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร อีกทั้งมีบางครั้งที่นางกลับมา เขาก็หลับไปแล้ว
อ๋องซุนรู้สึกว่านางแปลกเกินไปแล้ว คืนนี้จึงตัดสินใจเข้านอนช้า ต้องพูดคุยกับนางสักหน่อยจึงจะได้
ไม่ว่าอย่างไร ออกไปตอนกลางคืนบ่อยๆก็ไม่ใช่เรื่อง ระหว่างสามีภรรยา มีเรื่องอะไรก็ต้องพูดให้กระจ่าง
ดังนั้น เขาอดทนต่อความง่วง รอจนภรรยากลับมา
เพียงแต่หลังจากที่นางกลับมาแล้วก็รีบไปอาบน้ำ พออาบน้ำออกมาหลังจากที่ทักทายเขาแล้วก็นอนลง ไม่นานก็หลับไปแล้ว
เขาอึ้งอยู่นาน เอื้อมมือไปผลักนาง นางพลิกตัวกอดผ้าห่มแล้วก็นอนต่อ ราวกับว่านอนหลับลึกมากเช่นนั้น ทำให้ไม่กล้าที่จะอยากจะผลักนางอีก
อ๋องซุนขมวดคิ้วขึ้น นางไปที่ไหนกันแน่? ถึงได้ง่วงนอนจนเป็นเช่นนี้
โดยปกติแล้วอ๋องซุนรักการนอนเป็นที่สุด คิดไม่ถึงว่าจะนอนไม่หลับ อีกทั้งยังนอนไม่หลับจนถึงตีสาม
ไม่ใช่ว่าตีสามแล้วไม่สามารถหลับได้ แต่เป็นเพราะนางตื่นแล้ว
เมื่อลืมตาอันสะลึมสะลือขึ้น เห็นเขานั่งหายใจหอบด้วยความโกรธอยู่ด้านข้าง พระชายาซุนก็ประหลาดใจเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยเสียงแฝงไปด้วยความแหบพร่าที่มีเป็นพิเศษตอนเพิ่งตื่นนอน “ทำไมหรือ? ไม่นอนหรือเพคะ?”
บนใบหน้ากลมอิ่มเอิบของอ๋องซุน เต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ “ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไร? ถ้าอยู่ไม่ติดบ้าน ก็กลับมาถึงบ้านแล้วก็นอน ข้าอยากจะพูดคุยกับเจ้าก็ยากยิ่งนัก เจ้าไม่อยากเห็นหน้าข้าขนาดนี้เชียวหรือ?”
พระชายาซุนประหลาดใจ “โดยปกติท่านอ๋องก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือเพคะ? ในหนึ่งวัน ข้าก็พูดกับท่านอ๋องได้ไม่กี่คำนี่เพคะ”
อ๋องซุนชะงัก นึกถึงที่ผ่านมาก็แทบจะเป็นเช่นนี้อยู่จริงๆด้วย
พระชายาซุนลุกขึ้นนั่ง ผมนุ่มสลวยห้อยลงมาตามไหล่ นางเหลือบมองสามี หัวเราะ มุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างฉับพลัน มือสองข้างคล้องคอเข้าไว้ เอาร่างกายแนบขึ้นไป “ท่านอ๋องอยากพูดอะไรกับข้า? ข้าฟังก็ได้เพคะ”
อ๋องซุนมองดูภรรยาที่แข็งกร้าวเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างฉับพลัน จิตใจหวั่นไหวเล็กน้อย โอบเอวของนางไว้ทันที กลับรู้สึกว่าความรู้สึกนี้ชนิดนี้ได้หายไปเป็นเวลานานมากนานมากๆแล้ว จิตใจร้อนรุ่มเป็นที่สุด
ในวันปกติเขาไม่ค่อยโหยหาเรื่องชนิดนี้มากนัก แต่คืนนี้มีความคิดนี้ขึ้นมาแล้ว มืออ้วนๆสำรวจเข้าไปจากแผ่นหลังของนาง วนมาถึงด้านหน้า
พระชายาซุนกอดสามีตัวอ้วนไว้แน่น ในตามีความคลุมเครือเล็กน้อย เขาไม่ได้ทำเช่นนี้กับนางมานานเพียงใดแล้ว?
หลังจากเหตุการณ์นั้น พวกเขาทั้งสองกอดกัน สนทนากันมากมาย พระชายาซุนพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างพวกเขาสามีภรรยาที่จืดชืดเหมือนน้ำ และเน้นย้ำว่าตัวเองต้องการจะเปลี่ยนแปลง ไม่อยากเสียเวลาเช่นนี้ไปทั้งชีวิต
เวลาที่นางบอกว่ารักเขามาก อ๋องซุนก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย คำพูดเช่นนี้ก็สามารถพูดออกมาได้งั้นหรือ? แต่……ทำไมพูดออกมาแล้วถึงได้น่าฟังขนาดนี้? ไม่เพียงแค่ไพเราะเสนาะหู ในจิตใจก็ยังเกิดเป็นความสุขอย่างแปลกประหลาดชนิดหนึ่งอีกด้วย อยากฟังอีกสักครั้งเป็นอย่างมาก