บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1896 มู่หรูผิดปกติไปแล้ว
โสวฝู่ฉู่น้ำตาไหลนองไม่หยุด รอจนฮองเฮาออกจากข้างเตียงแล้ว เขาก็รีบเข้าไปนั่งเฝ้าแม่นมสี่ทันที
สัญญารับรองแต่ละอย่างในจิตใจ เพียงแค่นางหายได้ ให้เขาเป็นอย่างไรก็ได้
แม่นมสี่ยังไม่พ้นจากอันตรายอย่างสมบูรณ์ สูญเสียเลือดมาก บาดเจ็บสาหัส สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางแก่ชราแล้ว
หยวนชิงหลิงจึงไม่กล้าจากไปเป็นธรรมดา เฝ้าอยู่ตลอดจนฟ้าสาง ตรวจสอบข้อมูลตัวเลขสัญญาณชีพแต่ละอย่าง ยังไม่สามารถพูดได้ว่าคงที่ พูดได้เพียงแค่ดีขึ้นกว่าตอนที่มาถึงเท่านั้น
เมื่อฟ้าใกล้จะสว่าง หยวนชิงหลิงให้หยู่เหวินเห้าและสวีอีกลับวังไปก่อน นางเฝ้าอยู่ที่นี่ นางจะไม่จากไปก่อนที่มั่นใจว่าแม่นมสี่รอดพ้นจากอันตรายแล้ว
หลังจากหยู่เหวินเห้ากล่าวปลอบใจโสวฝู่ฉู่สองสามคำแล้ว จึงได้กลับไปที่วังกับสวีอีก่อน แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้ว่าการราชสำนัก แต่ยังมีเรื่องอีกมากมาย
เป็นห่วงเรื่องอาการบาดเจ็บของแม่นมสี่ สภาพจิตใจของหยู่เหวินเห้าก็ย่ำแย่ กลับถึงพระราชวังเปลี่ยนชุด แต่กลับเห็นว่ามู่หรูที่ตื่นเช้ามาโดยตลอดนั้นไม่ได้มาปรนนิบัติ
ก่อนหน้านี้หยู่เหวินเห้ามักจะบอกให้เขานอนให้มากๆหน่อยอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าเช่นนี้ ข้างกายเขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนดูแล แต่เขาก็มักจะไม่ฟัง จะต้องเฝ้าอยู่นอกห้องในตอนเช้าตรู่ให้ได้ ถึงเวลาก็เรียกให้ลุกขึ้น
“มู่หรูยังไม่มาหรือว่าไปเตรียมอาหารเช้าแล้ว?” หยู่เหวินเห้ากล่าวต่อสวีอี
“คาดว่าจะยุ่งอยู่กับอาหารเช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ ระยะนี้เขาคิดอยากจะทำงานให้มากหน่อยอยู่เสมอ พิสูจน์ว่าตัวเองยังทำได้น่ะพ่ะย่ะค่ะ” สวีอีรู้จักเข้าใจมู่หรูกงกงเป็นอย่างดี ที่สำคัญก็เป็นเพราะมู่หรูกงกงมักจะพูดประโยคนี้ติดปากอยู่เสมอ
หยู่เหวินเห้าตอบคำหนึ่ง และไม่ได้คุ้นชินกับการที่คนอื่นมาปรนนิบัติด้วย ชำเลืองมองสวีอีและกล่าว “งั้นเจ้ามาปรนนิบัติเปลี่ยนชุดให้ข้า ชุดว่าราชสำนัก…….”
เขาชี้ไปเล็กน้อย แต่กลับพบว่าชุดว่าราชสำนักของเขาก็ไม่ได้เตรียม ที่ผ่านมาเวลานี้ชุดว่าราชสำนักของเขาจะวางไว้ด้านข้างและรีดไว้อย่างดี ในใจของเขามีความประหลาดใจแวบผ่านเล็กน้อย รีบรับสั่งกับสวีอีทันที “เจ้ารีบไปดูในห้องของมู่หรูรอบหนึ่งเดี๋ยวนี้”
“ตอนนี้กงกงจะอยู่ในห้องได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” สวีอีกล่าว
“ไป เร็วๆ” หยู่เหวินเห้าเตะเขาเบาๆทีหนึ่ง “ยืดยาดอะไรอยู่?”
สวีอีหัวเราะแล้ววิ่งหนีไปทางห้องของมู่หรูกงกงด้วยความรวดเร็ว
เมื่อมาถึงในห้องของมู่หรูกงกง ประตูห้องไม่ได้เปิด และไม่ได้ล็อกด้านนอก สวีอีประหลาดใจมาก ยังไม่ลุกอีกหรือ? นี่เป็นเวลาอะไรแล้ว?
เขาผลักประตูเข้าไป ในห้องมีกลิ่นเหล้ารุนแรง แต่บนโต๊ะกลับไม่มีแก้วเหล้าและไหเหล้า เปิดม่านแล้วเข้าไปข้างใน มู่หรูกงกงนอนอยู่บนเตียง ไม่ตื่นจริงๆ
สวีอีรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มู่หรูกงกงปรนนิบัติดูแลไท่ซ่างหวง ปรนนิบัติดูแลฮ่องเต้มาก็สิบกว่าปีแล้ว ก็ล้วนตื่นเช้า นี่เป็นความคุ้นชินที่แม้ว่าฟ้าจะผ่าไม่สามารถขยับได้ คนผู้หนึ่งจะไม่เปลี่ยนความเคยชินง่ายๆ นอกจากป่วย
เขาร้องเรียกคำหนึ่ง “มู่หรูกงกง!”
ขณะที่เรียกก็รีบเดินเข้าไป มู่หรูกงกงไม่ตอบ เขาเอื้อมมือไปผลักเล็กน้อย แล้วเรียกอีก “มู่หรูกงกง”
มู่หรูกงกงยังคงไม่ตอบสนอง สวีอีเอื้อมมือไปใต้จมูกของเขาตรวจสอบดูเล็กน้อย พบกว่าการหายใจอ่อนเป็นที่สุด
เขาตกใจมาก รีบตบหน้าของมู่หรูกงกง หันหน้ามาร้องตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก “ใครก็ได้ ไปเรียกหมอหลวง เรียกหมอหลวง”
หยู่เหวินเห้าทางนั้น ปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยเสี่ยวจิ่นจื่อ หยู่เหวินเห้ารู้ว่าเสี่ยวจิ่นจื่อเป็นลูกศิษย์ของมู่หรูกงกง จึงถามเรื่องอาจารย์ของเขาสองสามคำ
เสี่ยวจิ่นจื่อปรนนิบัติฮ่องเต้ด้วยความคล่องแคล่ว ปากก็ตอบว่า “เมื่อคืนข้าน้อยไม่ได้เข้าเวรดึก วันนี้ตื่นมาตอนตีสาม อาจารย์ยังไม่ตื่น ข้าน้อยจึงเข้ามาเตรียมน้ำร้อน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นอาจารย์พ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าตอบรับคำหนึ่ง มองดูการกระทำที่คล่องแคล่วของขา กล่าวว่า “ที่ผ่านมาปรนนิบัติอาจารย์ของเจ้าไม่น้อยสินะ? ดูท่าทางมือไม้ของเจ้า ก็ทำจะคุ้นชินแล้ว”
“ทูลฝ่าบาท ที่ผ่านมาอาจารย์เปลี่ยนเสื้อผ้าล้วนเป็นข้าน้อยและเสี่ยวฉวนจื่อปรนนิบัติดูแลพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้ากล่าว “ต้องกตัญญูต่ออาจารย์ของเจ้าสักหน่อย เขามีบุญคุณต่อพวกเจ้าในการให้คำแนะนำสนับสนุน เป็นคนต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ”
เสี่ยวจิ่นจื่อกล่าวด้วยความเคารพและรอบคอบ “ข้าน้อยจะจดจำคำสอนของฝ่าบาทด้วยความเคารพ ข้าน้อยจะกตัญญูต่ออาจารย์ ไม่มีอาจารย์ ตอนนี้ข้าน้อยก็คงทำงานเก็บกวาดทั่วไปอยู่ห้องยาหลวง จะสามารถปรนนิบัติดูแลเบื้องหนาพระพักตร์ของฝ่าบาทได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้าอย่างน่าพอใจ “เจ้ารู้จักคิดเช่นนี้ก็ดีที่สุดแล้ว”
เสี่ยวจิ่นจื่อก้มศีรษะ ปัดชายเสื้อให้ฮ่องเต้ “ฝ่าบาท เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้ามักจะรู้สึกขาดอะไรเล็กน้อยอยู่เสมอ ส่องกระจก กล่าวด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก “จี้หยกห้อยที่เอวของข้าล่ะ? จี้หยกนั่นเป็นของที่ฮองเฮามอบให้ ข้าต้องพกไปด้วยทุกวัน”
ถึงอย่างไรก็ยังเทียบมู่หรูไม่ได้ ไม่เข้าใจความคิดจิตใจของเขา ที่ผ่านมาสิ่งที่มู่หรูเป็นกังวลมากที่สุดก็คือสิ่งเหล่านี้
เสี่ยวจิ่นจื่อรีบไปหาจี้หยกในกล่องไม้จันทน์ทันที ช่วยแขวนให้หยู่เหวินเห้า กล่าวอย่างหวาดกลัว “ข้าน้อยผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ กลับลืมของรักของหวงที่สำคัญขนาดนี้ไปซะได้”
“ยังต้องเรียนรู้กับอาจารย์ของเจ้าให้มากอีกหน่อย” หยู่เหวินเห้าไม่มีมู่หรูอยู่ข้างกาย บวกกับเรื่องของแม่นมสี่ รู้สึกพะว้าพะวังใจที่สุด