บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1897 มู่หรูกงกงล้มลงแล้ว
เสี่ยวจิ่นจื่อได้ดูแลปรนนิบัติข้างกายของหยู่เหวินเห้าน้อยมาก โดยปกติอย่างมากก็ช่วยงานอาจารย์เล็กๆน้อยๆ หยิบสิ่งของที่ฮ่องเต้และฮองเฮาต้องการนิดหน่อย ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าใกล้ตัว และมีเพียงเขาเองคนเดียวที่ปรนนิบัติ เลี่ยงไม่ได้ที่จิตใจจะหวาดกลัว ได้ยินน้ำเสียงของฮ่องเต้ไม่ดีเล็กน้อย ตกใจจนมือไม่สั่น และไม่กล้าพูดจา ตอบรับเพียงลูกเดียวเท่านั้น
“ไปเอาน้ำมาให้ข้าแก้วหนึ่ง” หยู่เหวินเห้านึกได้ว่าเมื่อเช้าตัวเองยังไม่ได้ดื่มน้ำ จึงเอ่ยขึ้นคำหนึ่ง เรื่องเหล่านี้ที่ผ่านมามู่หรูจะจัดการไว้อย่างดี เขาตื่นขึ้นมาหวีผมล้างหน้าเรียบร้อย น้ำร้อนก็ยกมาเบื้องหน้าของเขาแล้ว
ประเดี๋ยวจะต้องบอกให้มู่หรูออกกำลังกายเพิ่มขึ้นสักหน่อย จะต้องมีสุขภาพที่ดี ไม่มีมู่หรูทั้งคนก็ไม่สบายใจแล้ว
หยู่เหวินเห้าไม่สบายใจ ผมข้างจอนหูมีผมเส้นเล็กเด้งออกมา เขาใช้น้ำลูบเองเล็กน้อย กดแล้วกดอีก เห็นว่าสวีอียังไม่กลับมา ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ กล่าวกับเสี่ยวจิ่นจื่อ “เจ้าก็ไปดูอาจารย์ของเจ้าหน่อย หากว่าเขาไม่สบาย ก็ดูแลให้เขากินยาต้ม”
คาดว่ามู่หรูคงจะไม่สบายแล้ว สวีอีน่าจะช่วยเขาหาหมอหลวงอยู่ทางนั้น
ก็ใช่ ระยะนี้บอกเขาอยู่เสมอว่าอย่าอดหลับอดนอน เตือนก็ไม่ฟัง อายุปูนนี้แล้วก็ดื้อรั้น ยังชอบฟังคู่สามีภรรยาเขาพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันอีก
เสี่ยวจิ่นจื่อลังเลเล็กน้อย “ข้าน้อยจัดการอาหารเช้าให้ฝ่าบาทดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ? อาจารย์ทางนั้น เกรงว่ายังนอนไม่ตื่นพ่ะย่ะค่ะ”
“บอกให้เจ้าไปก็ไป พูดไร้สาระมากมายอะไรกัน?” สีหน้าหยู่เหวินเห้าเย็นยะเยือก ทำให้เสี่ยวจิ่นจื่อตกใจจนรีบคุกเข่าทันที
หยู่เหวินเห้าชำเลืองมองพฤติกรรมที่กลัวจนหัวหดเช่นนี้ของเขา โมโหขึ้นมาจริงๆ คุกเข่าอะไร? ในเวลานี้เพียงแค่ฟังแล้วออกไปก็ได้แล้ว มิน่าล่ะมู่หรูถึงไม่ค่อยอนุญาตให้เขาเข้ามารับใช้ในตำหนัก การวางตัวขึ้นพื้นฐานก็ไม่เข้าใจ
เกลียดที่สุดก็คือพูดคำหนึ่งก็คุกเข่า เขาไม่ใช่ฮ่องเต้บ้าอำนาจสักหน่อย
หยู่เหวินเห้ากำลังจะพูด แต่เมื่อเห็นสวีอีวิ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยังไม่ได้เข้ามาในตำหนักก็กล่าวด้วยความร้อนใจว่า “ฝ่าบาท มู่หรูกงกงป่วยอย่างเฉียบพลัน ตอนนี้คนยังไม่ได้สติ เหลือเพียงลมหายใจเดียวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าเปลี่ยนไปมากทันที “เรียกหมอหลวงแล้วหรือ?”
“เรียกแล้วพ่ะย่ะค่ะ หมอหลวงมาถึงแล้ว ข้าน้อยจึงได้กลับมารายงาน” สวีอีร้อนใจจนแทบไม่ไหว พูดจบก็ต้องการจากไป “ข้าน้อยต้องกลับไปดูหน่อยพ่ะย่ะค่ะ ไม่ปรนนิบัติพระองค์ที่ห้องทรงพระอักษรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้ายกชุดคลุมขึ้นก็ไปทางด้านนอก “เจ้าไปห้องทรงพระอักษร บอกให้พวกเขารอ ข้าจะไปดูมู่หรู”
สวีอีตะลึง ฮ่องเต้จะไปสถานที่อยู่ของเหล่าข้าทาสได้อย่างไร?
แต่ว่า มู่หรูกงกงไม่ใช่คนอื่น เป็นหัวหน้าขันทีคนสนิทที่ดูแลปรนนิบัติเขามาสิบกว่าปีแล้ว กรณีพิเศษเช่นนี้ กลับไม่ได้เกินไป
สวีอีจึงต้องการไปออกไปรายงานที่ห้องทรงพระอักษรคำหนึ่ง หันกลับมาเห็นเสี่ยวจิ่นจื่อคุกเข่าอยู่ที่พื้น ท่าทางสั่นเทาด้วยความกลัว อดถามไม่ได้ว่า “เจ้าเป็นอะไร? ยังจะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ทำอะไร? ไม่ได้ยินว่าอาจารย์ของเจ้าเกิดเรื่องขึ้นแล้วหรือ? ยังไม่รีบไปอีก?”
เสี่ยวจิ่นจื่อกลับเหงื่อแตกโชก ริมฝีปากสั่นเทาสองสามครั้ง “ขอรับ…….”
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ทำไมถึงได้เหลือแค่ลมหายใจเดียว? ตามหลักเมื่อคืนก็น่าจะ…….
หลังจากที่สวีอีตำหนิเขาแล้ว จึงไปที่ห้องทรงพระอักษรอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้นก็รู้สึกว่าเสี่ยวจิ่นจื่อผิดปกติ เมื่อครู่ตลอดทางที่มา ได้พูดเรื่องนี้กับลูกศิษย์คนอื่นของมู่หรูกงกง พวกเขาล้วนรีบวิ่งไปดูด้วยความร้อนใจ เสี่ยวจิ่นจื่อนั่นทำไมถึงได้ผิดปกติเช่นนี้?
สวีอีไปที่ห้องทรงพระอักษร หลังจากที่ถ่ายทอดพระราชประสงค์แล้ว ก็วิ่งกลับไปด้วยความรวดเร็ว
หยู่เหวินเห้าไปถึงในห้องของมู่หรูกงกงแล้ว หมอหลวงกำลังลงเข็มเพื่อรักษา เมื่อเห็นหยู่เหวินเห้ามาถึงก็ตกใจเป็นอย่างมาก รีบลุกขึ้นทำความเคารพ
“เจ้าแค่จัดการลงเข็มรักษาก็พอ ทำความเคารพอะไรอีก?” หยู่เหวินเห้าเห็นมู่หรูกงกงที่แน่นิ่งสีหน้าซีดขาว จิตใจก็เป็นกังวลขึ้นมาแล้ว “เขาเป็นอย่างไรบ้าง? ดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
หลังจากที่หมอหลวงลงเข็มเพื่อรักษาแล้วก็ลุกขึ้นรายงาน “ทูลฝ่าบาท ขณะที่ข้าน้อยมาถึง มู่หรูกงกงก็หมดสติชีวิตก็อยู่ในอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ ชีพจรแทบจะหาไม่พบ เมื่อครู่ลงเข็ม ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าอาการเป็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
“เขาเป็นโรคอะไร?” หยู่เหวินเห้าขึ้นไปด้านหน้า มองดูเส้นผมที่ขาวโพลนของมู่หรูกงกง จิตใจเป็นทุกข์เป็นพิเศษ
“ข้าน้อย…..ข้าน้อยยังตรวจออกมาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ข้าน้อยที่ตรวจชีพจรให้มู่หรูกงกง ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่ามู่หรูกงกงมีอาการป่วยมาก่อนหรือไม่”
หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างรวดเร็ว “ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ป่วยอะไร”
ยายหยวนตรวจร่างกายให้มู่หรูกงกงเป็นประจำ สี่เดือนหนึ่งครั้ง หนึ่งปีสามครั้ง ยายหยวนบอกว่านอกจากเขาจะมีความดันเลือดสูงเล็กน้อย ก็ไม่มีปัญหาอื่น แข็งแรงเป็นอย่างมาก
อีกทั้ง ความดันก็ค่อนไปทางสูงเล็กน้อย ผ่านการปรับอาหารการกินและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ยายหยวนก็เคยบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
จะล้มลงอย่างฉับพลันเช่นนี้ได้อย่างไร?
หยู่เหวินเห้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “โดนยาพิษหรือไม่?”
หมอหลวงกล่าว “ทูลฝ่าบาท ตอนนี้ยังไม่พบร่องรอยของการโดนยาพิษพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า คิดว่าน่าจะไม่มีใครวางยาพิษมู่หรู