บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1898 ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
หลังจากที่หมอหลวงลงเข็มแล้ว อาการของมู่หรูกงกงก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นดีขึ้นมากนัก หลังจากที่หมอหลวงตรวจชีพจร รู้สึกว่าชีพจรช้า การเต้นของหัวใจก็แทบจะหยุดไม่หยุด ดูท่าแล้วคงจะทนไม่ไหว
หมอหลวงรายงานตามความจริง หยู่เหวินเห้ายอมรับไม่ได้ กะทันหันเกินไป แม่นมสี่ได้รับบาดเจ็บอย่างไม่คาดคิด มู่หรูก็เกิดเรื่องอย่างฉับพลันอีก ทำไมชั่วครู่เดียวก็เป็นเช่นนี้ได้ล่ะ?
“ฝ่าบาท นี่จะทำเช่นไรดีล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” สวีอีรีบกลับมา ได้ยินการรายงานของหมอหลวงพอดี ร้อนใจจนอยู่ไม่สุข
หยู่เหวินเห้ามองดูใบหน้าที่นิ่งสงบเหมือนตายเช่นนั้นของมู่หรูกงกง เงยหน้าขึ้นแล้วรับสั่งสวีอีทันที “เจ้าไปที่จวนอ๋องซู่รอบหนึ่ง หากว่าอาการของแม่นมสี่เสถียรแล้ว รอดพ้นจากอันตราย ก็รีบเชิญฮองเฮากลับมาเดี๋ยวนี้ทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ!” สวีอีตอบรับคำหนึ่งด้วยความรีบร้อน หมุนตัวแล้วจากไป ถึงด้านนอก เห็นเหล่าลูกศิษย์ของมู่หรูกงกงล้วนเฝ้าอยู่หน้าประตู เสี่ยวจิ่นจื่อนั่นก็อยู่ หลบๆซ่อนๆแอบอยู่ด้านหลังแล้วชะโงกหัวออกมาชำเลืองดู ความสงสัยในจิตใจของเขายิ่งหนักขึ้น หลังจากที่สาวเท้าก้าวใหญ่จากไป ถ่ายทอดต่อกองทหารรักษาพระองค์ให้พวกเขาควบคุมตัวเสี่ยวจิ่นจื่อไว้อย่างเงียบๆก่อน และไม่ต้องพูดว่าเป็นโทษสถานใด เกรงว่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด
สวีอีสั่งการกองทหารรักษาพระองค์เสร็จ วิ่งออกไปทางด้านนอกนิดหน่อย ก็เห็นฮองเฮาหิ้วกล่องยาวิ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วแล้ว เขาตะลึงครู่หนึ่ง “ฮองเฮา……”
“ไม่จำเป็นต้องพูด ข้ารู้แล้ว” หยวนชิงหลิงไม่ได้หยุดฝีเท้าลง รีบเดินไปด้านในอย่างรีบร้อย นัยน์ตาที่เฉยเมยในปกติ มีความกระวนกระวายเล็กน้อย
เมื่อเข้าไปเห็นว่าเจ้าห้าอยู่ นางก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจสักนิด ที่นางรีบกลับมาก็เพราะว่าสัมผัสได้ถึงจิตใจที่กระวนกระวายที่ส่งมาถึงอย่างฉับพลันของเจ้าห้า
หลายปีมานี้เจ้าห้าสงบนิ่งหนักแน่นเป็นที่สุด นางรู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่แล้ว ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ของแม่นมสี่ค่อยๆเสถียรขึ้น นางก็รีบกลับมาทันที
กลับมาถึงในพระราชวังได้ยินว่ามู่หรูกงกงเกิดเรื่องแล้ว ไม่น่าแปลกที่เจ้าห้าจะกระวนกระวายใจ หลายปีมานี้มู่หรูกงกงก็อยู่ข้างกายเขามาตลอดไม่ห่างทั้งปี ความสัมพันธ์ใกล้ชิดแน่นแฟ้น
“ยายหยวน!” หยู่เหวินเห้าเห็นนางกลับมา โล่งใจทันที รีบเอ่ยถามทันควันว่า “สถานการณ์ของแม่นมสี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ตอนนี้อาการคงที่ อย่าตื่นตระหนก ข้าดูหน่อย” หยวนชิงหลิงส่งสายตาปลอบใจให้เขา แล้วรีบเดินเข้าไป
หยวนชิงหลิงเชิญหมอหลวงออกไป จากนั้นตรวจอาการให้มู่หรูกงกง สีหน้าจริงจังขึ้นมาแล้ว
หยู่เหวินเห้ายืนอยู่ข้างกายนาง เห็นเพียงหลังจากที่นางแขวนยาน้ำให้กับมู่หรูกงกงแล้ว ยังต้องดันฉีดน้ำเข็มหนึ่งเข้าไปก่อนอีก เขาเคยเห็นยายหยวนช่วยคน เพียงแค่ทำเช่นนี้ โดยส่วนมากก็สาหัสเป็นที่สุด
อีกทั้ง หลังจากให้น้ำเกลือแล้ว นางก็ค้นหาในกล่องยาอยู่นาน ดูท่าทางเหมือนจะหายาที่ต้องการใช้ไม่พบ หยู่เหวินเห้าอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความกังวลใจว่า “สถานการณ์เป็นอย่างไร?”
หยวนชิงหลิงค้นกล่องยาพลางตอบว่า “สาหัส โดนยาพิษแล้ว อีกทั้งพิษได้เข้าสู่ปอดแล้วด้วย หากว่าไม่ใช่เพราะเดิมทีที่ตัวเขาเองมีพลังลึกล้ำ ปกป้องชีพจรไว้ ตอนนี้ก็คงไม่อยู่แล้ว”
“โดนยาพิษ?” หยู่เหวินเห้าตกใจ “เมื่อครู่หมอหลวงบอกว่าไม่ได้โดนยาพิษ”
หยวนชิงหลิงยืนขึ้น กล่าวอย่างเคร่งขรึม “หมอหลวงน่าจะใช้เข็มเงินในการทดสอบ แต่ไม่ใช่ว่าพิษทุกอย่างจะสามารถทดสอบได้ด้วยเข็มเงิน พิษนี้ไม่นับว่าร้ายแรง แต่หลังจากที่เข้าสู่กระเพาะอาหารและถูกดูดซึม ก็จะเคลื่อนไปตามอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย ตอนนี้ข้าใช้ยาเพื่อปกป้องเขาไว้ก่อน แต่ถ้าไม่สามารถถอนพิษได้ หัวใจและปอดจะค่อยๆล้มเหลว จะต้องหายารักษาให้พบก่อนที่อวัยวะจะล้มเหลว”
“เช่นนั้นจะไปหายาที่ไหน?” หยู่เหวินเห้าโมโหที่มีคนวางยาพิษมู่หรู แต่ตอนนี้ช่วยมู่หรูก่อน ฆาตกรจะต้องจับออกมาได้อย่างแน่นอน
“อย่าเพิ่งร้อนใจ” หยวนชิงหลิงหลับตาลง ระงับอารมณ์ที่เหมือนกระแสคลื่นไหลเชี่ยวไว้ ครุ่นคิดในใจรอบหนึ่ง และถ่ายทอดข้อมูลบางอย่างออกไป
เจ้าห้าไม่รบกวนนาง หันหลังออกไป ไม่ทันได้รับสั่งสวีอี สวีอีก็เดินขึ้นมาแล้วกล่าวเบาๆ “คุมตัวเสี่ยวจิ่นจื่อไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวจะบอกให้กองทหารรักษาพระองค์สอบสวนสักรอบ ความจริงก็จะถูกเปิดเผยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เสี่ยวจิ่นจื่อ?” หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้วขึ้น “มู่หรูไม่ได้เป็นอาจารย์ของเขาหรือ? เขาคิดจะวางยาพิษทำไมกันล่ะ?”
“ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเขาพ่ะย่ะค่ะ แต่เขาน่าสงสัย เมื่อครู่ข้าน้อยได้ถามแล้ว เมื่อคืนเสี่ยวจิ่นจื่อเคยมาดูแลปรนนิบัติมู่หรูกงกงพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้านึกถึงเมื่อเช้าที่เสี่ยวจิ่นจื่อบอกว่าไม่ได้พบเจอมู่หรูมาก่อน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร โกหกจะต้องมีปัญหาเป็นแน่
“ตรวจสอบ!” หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเย็นชา
“มอบให้ข้าน้อยจัดการ” ในใจของสวีอีเกลียดแค้นขึ้นมา เขาและมู่หรูกงกงดูแลปรนนิบัติฮ่องเต้ด้วยกัน มีบางเรื่องเป็นไปไม่ได้ว่าฮ่องเต้จะไม่รู้ นั่นก็คือคนที่ต่อสู้แก่งแย่งกันลับหลัง พยายามเบียดเสียดคิดจะมุดเข้ารับใช้ดูแลเบื้องหน้าพระพักตร์ แต่มู่หรูกงกงก็เป็นฉากกำบังอันหนึ่ง จำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดของเขา จึงจะสามารถปรากฏตัวต่อหน้าฮ่องเต้ได้
ก่อนหน้านี้เสี่ยวจิ่นจื่อทำงานทั่วไปในห้องยาหลวง เป็นมู่หรูที่ส่งเสริมให้เข้ามา นับว่าค่อนข้างมีศักยภาพ แต่มู่หรูกงกงกลับไม่ยอมให้เขาเข้าไปรับใช้ในตำหนักสักที ดังนั้นเขาอาจจะใจร้อนมาก คิดว่ามู่หรูกงกงตายแล้วเขาก็จะสามารถเข้าไปปรนนิบัติได้แล้ว
นี่เป็นการคาดเดาของสวีอี แต่เขาคิดว่าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง