บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1904 กลับยุคปัจจุบันอย่างรวดเร็ว
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1904 กลับยุคปัจจุบันอย่างรวดเร็ว
เศษกระดาษถูกส่งไปตรงหน้าท่านฉู่ จึงค่อยคลี่มันออกช้า ๆ พวกรอยยับย่นถูกอู๋ซ่างหวงใช้กำลังภายในรีดเสียจนเรียบกริบ
เรียกได้ว่า สามารถอ่านได้ชัดเจนอย่างยิ่ง
ท่านฉู่อ่านอย่างเงียบ ๆ คิ้วขมวดมุ่น สีหน้าค่อย ๆ เคร่งเครียดจริงจังขึ้นมาทุกขณะ
อู๋ซ่างหวงรู้ว่าเขาเป็นคนหนักแน่นชนิดที่ต่อให้เขาไท่ซานพังถล่มลงตรงหน้า ก็ไม่ทำให้เขาเปลี่ยนสีหน้าได้ การที่จู่ ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียดแบบนี้ มันทำให้เขาตกใจขึ้นมาแล้ว จึงถามอย่างรวดเร็วว่า “เขียนว่าอย่างไรรึ?”
เซียวเหยากงก็เอนตัวไปอีกด้าน ตั้งใจวิเคราะห์อักษรเหล่านั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน แค่สามารถจดจำตัวอักษรทั้งหมดเหล่านี้ได้ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว เซียวเหยากงรู้สึกชื่นชมยกย่องฉู่เสี่ยวอู่จากใจจริงเลยทีเดียว
“พูดมาเถอะ เขียนว่าอย่างไรรึ? ” เมื่ออู๋ซ่างหวงเห็นว่าเขายังคงขมวดคิ้วนิ่วหน้าไม่หยุด ก็ยื่นมือออกไปผลักเขาเบา ๆ
ท่านฉู่วางนิ้วลงบนอักษรแถวแรก “พวกเจ้าดูตัวนี้สิ มันอ่านว่า “เอ” ใช่หรือไม่?”
“ใช่สิ ข้ารู้ แต่พอนำมันมารวมเข้าด้วยกันล่ะ?” อู๋ซ่างหวงเริ่มหมดความอดทน “เจ้าพูดเนื้อหาทั้งหมดออกมาสิ ไม่ใช่ว่าเจ้าเคยเรียนมาแล้วหรอกรึ?”
ท่านฉู่ลังเลไปครู่หนึ่ง ไหล่ห่อลู่ลงเล็กน้อย “ข้าได้เรียนมาแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างพวก ด็อกเอย บอยเอย ฮายเอย ฮาวอาร์ยูเอย พวกนี้ข้าพอรู้บ้าง แต่ที่นี่ไม่มีอักษรพวกนั้น”
“ไม่มีอักษรพวกนั้นเจ้าก็ไม่เข้าใจแล้วรึ?” อู๋ซ่างหวงเริ่มมีโทสะ “แล้วเจ้าจะขมวดคิ้วนิ่วหน้าไปทำไมไม่ทราบ? ทำเอาข้าตกใจแทบตายแล้ว”
“อ่านไม่ออก จะขมวดคิ้วก็เป็นปฏิกิริยาปกติไม่ใช่รึ?” ท่านฉู่ปรายตามองเซียวเหยากงแวบหนึ่ง ได้เห็นว่าแววตาเคารพยกย่องของเขาเกิดความปั่นป่วน ราวกับกระแสน้ำที่สาดกระจายแล้วจางหายไป เอ่ยปากพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “จากนี้ค่อยเอาให้ฮองเฮาอ่านก็ได้ วันนี้ฮองเฮาก็จะมาอยู่แล้วนี่”
“ยังต้องให้เจ้าพูดอีกรึ” อู๋ซ่างหวงหยิบมันกลับมา พับอย่างเรียบร้อย แล้วเอาเก็บลงไปในกระเป๋าแขนเสื้อ “รอนางมาแล้วข้าจะเอาให้นางดู ข้าเดาว่านางอาจจะกำลังเขียนพวกกลอนรักอะไรทำนองนั้นอยู่ก็เป็นได้ บางครั้งพี่จูตี้ก็โรแมนติกมาก”
ท่านฉู่กับเซียวเหยากงได้ยินคำว่า “โรแมนติก” คำนี้ก็อดชำเลืองมองเขาไม่ได้ มองแล้วก็มองซ้ำอีกหลายครั้งทีเดียว คำพูดประโยคนี้ที่ออกมาจากปากเขา ทำไมมันถึงได้ฟังดูไม่สอดคล้องกัน ทั้งยังชวนอึดอัดใจแบบนี้หนอ?
หยวนชิงหลิงมาถึงตอนเที่ยง ฆ่าเชื้อกับทำแผลให้แม่นมสี่ บาดแผลเริ่มตกสะเก็ดแล้ว ไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วง แต่คนยังคงอ่อนแออยู่เล็กน้อย ท่านฉู่ก็ยังเอาแต่ห้ามไม่ให้นางลงจากเตียงเดินไปไหนมาไหน นางได้แต่นอนอย่างเดียวจนปวดเมื่อยกระดูกไปหมดแล้ว
แม่นมสี่ไปบ่นกับฮองเฮาว่า ท่านฉู่เข้มงวดกับนางมาก ไม่ยอมให้นางลงมา
หยวนชิงหลิงจึงไปพูดกับท่านฉู่ว่า ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหวร่างกายบ้างถึงจะถูกต้อง ไม่ควรให้นอนอยู่บนเตียงตลอดเวลา
ท่านฉู่เบิกตาจ้องนางเขม็ง “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อนุญาตให้นางลุกจากเตียงไปเคลื่อนไหวร่างกาย นางไม่ได้จะไปเคลื่อนไหวร่างกาย แต่จะไปทำงาน จวนนี้ไม่มีใครทำงานได้แล้วหรืออย่างไร? ถึงจะต้องให้นางลุกไปทำงานให้จงได้?”
โอ๋! ผู้ชายที่ปากพูดคำหวาน ว่าทุกปีทุกวันจะรักใคร่สมานฉันท์ไม่ผันเปลี่ยนนั่น บางครั้งก็พูดจาตามประสาชายแก่แบบแมนแท้เป็นด้วยสินะ อยากแสดงความห่วงใยก็ไม่รู้จักพูดจาดี ๆ เป็นต้องพูดจาตำหนิติเตียนแรง ๆ ว่าไม่ยอมให้ลงจากเตียงซะอย่างนั้น
เมื่ออู๋ซ่างหวงเห็นว่านางดูอาการให้แม่นมสี่เสร็จแล้ว เขาก็ดึงนางออกมาข้างนอก แล้วยื่นกระดาษให้หยวนชิงหลิง “พวกนี้เป็นท่านย่าของเจ้าเขียนขึ้นมา ข้าดวงตาเหนื่อยล้าเลยไม่อยากอ่านแล้ว เจ้าอ่านให้ข้าฟัง… ไม่! เจ้าอธิบายให้ข้าฟังซิ”
หยวนชิงหลิงรับมาพร้อมรอยยิ้ม ส่ายหน้าพลางคลี่กระดาษออก รูม่านตาพลันหดเกร็งขึ้นมาทันที สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง
“สีหน้าแบบนี้อีกแล้วรึ? เจ้าก็อ่านไม่ออกหรือนี่?” อู๋ซ่างหวงจ้องมองสีหน้าของนาง ที่เวลานี้เป็นแบบเดียวกันกับสีหน้าของฉู่เสี่ยวอู่ไม่มีผิดเพี้ยน
หยวนชิงหลิงพับกระดาษ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักอึ้งว่า “ข้าต้องกลับไปสักครั้ง ต้องกลับไปเดี๋ยวนี้เลยด้วย ท่านโปรดส่งคนเข้าวังไปบอกเจ้าห้าให้หน่อย บอกว่าข้ามีเรื่องเร่งด่วนต้องรีบกลับไปทันที”
“เกิดอะไรขึ้น?” อู๋ซ่างหวงดึงแขนเสื้อนาง พาลกังวลใจไปด้วยอีกคน “เจ้าพูดมาก่อน ว่าพี่จูตี้เกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”
“คุณย่าคงจะป่วยแล้วแน่ ๆ ในนี้มีอาการของคุณย่าหลายอาการที่เขียนไว้ เหมือนท่านพยายามจะวิเคราะห์อาการตัวเอง” หยวนชิงหลิงรู้สึกร้อนรุ่มใจสุดขีด ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณย่าจะรีบร้อนกลับไปแบบนั้น เดิมยังคิดแค่ว่าท่านคงจะคิดถึงบ้านมากจริง ๆ
ที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่รับรู้อะไรเลยแม้แต่น้อย ตอนที่แม่นมสี่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ตัวเธอไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ก็ยังพอจะปล่อยผ่านไปได้ แต่กับคุณย่าที่มีสายเลือดเดียวกับเธอ มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขนาดนั้น เธอควรจะรับรู้ถึงมันได้สิถึงจะถูกต้อง
เมื่ออู๋ซ่างหวงได้ยินว่าพี่จูตี้ไม่สบาย ก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาแล้ว “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
เขาหันกลับไปตะโกนสั่งว่า “น้องสิบแปด เจ้าส่งคนเข้าวังไปบอกเจ้าห้าด้วย ว่าข้ากับฮองเฮาจะกลับไปบ้านเดิมสักหน่อย”
เซียวเหยากงวิ่งถลาออกมา ร้องถามว่า ” เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึงต้องรีบร้อนเช่นนี้?”
“พี่จูตี้ป่วยแล้ว”
สีหน้าของเซียวเหยากงเปลี่ยนไปเล็กน้อย พี่จูตี้เป็นหมอ ถ้านางมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย นางสามารถสั่งยาได้เองที่นี่ แต่นางกลับไป ย่อมพิสูจน์ได้ว่าอาการเจ็บป่วยนี้ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่
หยวนชิงหลิงกับอู๋ซ่างหวงไม่มัวชักช้าเสียเวลา พวกเขาออกเดินทางทันที ทั้งยังเป็นการใช้พลังเคลื่อนย้ายด้วยความเร็วสูง ดึงตัวอู๋ซ่างหวงไปยังทะเลสาบจิ้งอีกด้วย
ยุคปัจจุบัน คุณย่าหยวนเข้าแอดมิดในโรงพยาบาลแล้ว ทั้งยังทำการตรวจสอบอาการหลายครั้ง ทั้งยังเข้ารับการเจาะเก็บตัวอย่างแล้วด้วย ขณะนี้กำลังรอผลการตรวจ
การตรวจครั้งนี้ คุณย่าไม่ได้บอกสมาชิกในครอบครัว แต่อ้างว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนเก่าจากที่อื่น จากนั้นจึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เธอยังกำชับกับเพื่อนร่วมงานด้วยว่า ยังไม่ต้องบอกคนในครอบครัวของเธอระหว่างนี้