บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1909 ส่งพวกเขากลับไป
เพิ่งผ่าตัดเสร็จ เจ้าห้าก็พาพวกเด็ก ๆ มาถึงพอดี
ก่อนหน้านี้ตอนที่หยวนชิงหลิงขอให้เซียวเหยากงไปแจ้งข่าว เซียวเหยากงกลัวว่าจะทำให้ฝ่าบาทตกใจกลัวไปด้วย จึงบอกว่าพี่จูตี้อาจจะป่วย ฮองเฮาจึงบอกว่าจะกลับไปดูอาการนางสักหน่อย แล้วค่อยพานางกลับมาด้วยกัน
ในตอนแรก เจ้าห้าคิดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรง ในเมื่อจะถือโอกาสพากลับมาด้วยเลย ก็คงจะไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรงแน่
แต่เจ้าหยวนไปหลายวันแล้วก็ยังไม่กลับ ในใจของเจ้าห้าจึงเริ่มไม่สงบขึ้นมาแล้ว พอไปคุยกับลูกๆ ก็พบว่าเจ้าหยวนไม่ได้ติดต่อกับพวกลูกๆ เลย ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องค่อนข้างใหญ่แน่ จึงรีบเตรียมตัวให้พร้อม แล้วกลับมาพร้อมกับเด็ก ๆ ทันที
เขาในตอนนี้ สามารถสัมผัสและเข้าใจได้ถึงกฎของทะเลสาบจิ้งแล้ว บวกกับมีพวกลูก ๆ อยู่ด้วย จึงทำให้การเดินทางกลับมาครั้งนี้ราบรื่นอย่างมาก
เมื่อพบเจ้าหยวน เจ้าห้าถึงได้รู้ว่าที่จริงคุณย่าป่วยหนักมาก รู้สึกหงุดหงิดใจที่เขาไม่รีบมาที่นี่ให้เร็วกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็คงมีโอกาสมาเฝ้าไข้นางช่วงที่นางรับการผ่าตัด
เดิมยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเด็ก ๆ ที่ไปโรงเรียน แต่ตอนนี้เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว พี่หยวนถึงค่อยโทรบอกพวกเขา
ดังนั้น รอจนถึงตอนที่คุณย่าหยวนออกจากห้อง ICU บรรดาเพื่อนเก่ารวมถึงลูก ๆ หลาน ๆ ก็มาเฝ้าอาการอยู่รอบตัวเธออย่างพร้อมเพรียง
คุณย่าหยวนผู้ที่ไม่เคยร้องไห้เลยนับตั้งแต่รู้ว่าตัวเองป่วย ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
ยังดีที่พวกหลาน ๆ พากันทอดตัวลงนอนอยู่ตรงหน้าเตียง แต่ละคนผลัดกันพูดประโยคหวานหูที่ทำให้อบอุ่นหัวใจเสร็จ ก็พูดถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของตัวเอง เท่านี้ก็ช่วยปัดเป่าความโศกเศร้าไม่สบายใจทั้งหลายให้หมดไปได้แล้ว
อู๋ซ่างหวงอดถอนหายใจด้วยความซาบซึ้งไม่ได้ สมกับคำพูดที่ว่าคนมากก็มีกำลังมากจริง ๆ ความหมายของการสืบพันธุ์ ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อเอาไว้สืบสกุลเสมอไป แน่นอนว่าในฐานะอดีตฮ่องเต้ของประเทศหนึ่ง การมีผู้สืบทอดเชื้อสายถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะราชวงศ์ของเขามีบัลลังก์ที่จำเป็นต้องสืบทอดต่อไป
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ เมื่อคนเราแก่ตัวลง เจ็บไข้ได้ป่วย ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่สิ้นหวังของชีวิตติดอยู่ระหว่างความเป็นความตาย การมีญาติสนิทที่รักใคร่อยู่รายล้อมรอบตัว จะช่วยให้ความหวาดกลัวนั้นจะลดลงไปได้มากทีเดียว
แต่ถึงอย่างไรเขาก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่า ในตอนที่เขาป่วยหนักหรือใกล้ตาย จะไม่มีญาติที่รักใคร่ใกล้ชิดอยู่ข้างกายเขาเลยแม้แต่คนเดียว
รอจนคุณย่าหยวนอาการดีขึ้นมาบ้างแล้ว อู๋ซ่างหวงก็เข้าไปคุยกับคุณย่า พูดว่า “ในบางครั้ง เจ้าก็ต้องเชื่อในสิ่งที่เรียกว่า วัฏจักรของสาเหตุและผลกระทบบ้างนะ”
คุณย่าหยวนยกยิ้ม “ว่าไปซิ”
เป็นเพราะอยู่ด้วยกันมานาน ไม่จำเป็นต้องรอให้เขาพูดประโยคครึ่งหลังจบ ก็สามารถเดาได้เลยว่ามันต้องไม่ใช่คำพูดดี ๆ อะไรแน่
“เจ้าชอบไล่ฉีดยาทุกคนพร่ำเพรื่อ ซึ่งมันไม่ดีมาก ๆ จากนี้เจ้าอย่าได้ทำแบบนี้อีก รู้หรือไม่?” อู๋ซ่างหวงพูดจาตักเตือนด้วยท่าทางที่ดูแล้ว ช่างถูกทำนองคลองธรรมอย่างยิ่ง
คุณย่าหยวนยิ้มจนตายิบหยี แล้วพูดว่า “อื้ม เจ้าพูดได้ถูกต้องแล้ว”
อู๋ซ่างหวงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เจ้าฟังคำแนะนำก็ดีแล้ว”
คุณย่าหยวนมองเขา รอยยิ้มนั้นยิ่งลึกขึ้นไปอีกขั้น “หลังจากนี้ไป ฉันจะฉีดยาให้เฉพาะเจ้าคนเดียวก็แล้วกัน เอาส่วนที่เป็นของทุกคนมาฉีดให้เจ้าคนเดียวหมด”
“…..” รอยยิ้มของอู๋ซ่างหวงพลันแข็งค้างขึ้นมาในบัดดล
ว่าแล้วเชียว ไม่ควรอยู่ดีไม่ว่าดีอยากเสนอหน้าทำตัวเป็นวีรบุรุษเลย พลาดท่าเสียแล้ว!
เป็นเพราะจากนี้ยังต้องทำเคมีบำบัดต่อ หยวนชิงหลิงจึงให้พวกเจ้าห้ากลับไปก่อน ความหมายของเธอคืออยากให้พาอู๋ซ่างหวงกลับไปด้วยเลย แต่อู๋ซ่างหวงไม่ไป บอกว่าจะรอจนกว่าพี่จูตี้จะหายดี ค่อยพาพี่จูตี้กลับไปด้วยกัน
กษัตริย์ตรัสคำไหนคำนั้น คำพูดที่เขาพูดออกไปย่อมไม่อาจหักล้างได้โดยง่าย หยวนชิงหลิงกล่อมเขาไม่สำเร็จ จึงต้องยอมตามใจเขา
แต่คุณย่าหยวนกลับเอ่ยปากให้เธอกลับไปพร้อมเจ้าห้าด้วย เพราะถึงแม้ว่าคุณย่าจะป่วย แต่คุณย่าก็ยังเป็นห่วงคนพวกนั้นอยู่เสมอ พวกเขาก็เป็นพวกหัวแข็งไม่ค่อยจะยอมฟังใครเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ฮองเฮาคุม ก็ต้องเป็นตัวเองคุม
หยวนชิงหลิงไม่ได้กลับไป หลายปีมานี้ได้เห็นว่าคุณย่าทำงานหนักเพื่อเป่ยถังมาโดยตลอด ตอนนี้ท่านล้มป่วย เธอจะไม่อยู่เคียงข้างท่านได้อย่างไรกัน?
คุณย่าหยวนถอนหายใจเฮือก เอาแต่พูดว่าพวกเขาต้องทำตัวกบฏแน่นอน ไม่มีใครคอยคุมแล้ว คงจะก่อความวุ่นวายชนิดพลิกฟ้าสะเทือนดินแน่
เจ้าห้าบอกคุณย่าว่า อ๋องชินเฟิงอันสามีภรรยากลับมาแล้ว มีพวกเขาคอยคุมอยู่ ไม่มีทางกบฏได้แน่นอน
ย่าหยวนยิ่งรู้สึกไม่วางใจขึ้นกว่าเดิม “พวกเขาสองคนคุมได้ก็จริง แต่พวกเขาไม่ยอมคุมน่ะสิ ดีไม่ดีพวกเขายังอาจเข้าไปร่วงวงสร้างความวุ่นวายด้วยอีกแรง มีพวกเขาอยู่ยิ่งทำให้ฉันไม่วางใจ”
การรักษาโรคนี้ของเธอไม่ได้ใช้เวลาแค่สามวันห้าวัน ทั้งไม่ใช่ว่าไม่มีญาติมาคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีทั้งผู้เชี่ยวชาญ กับพวกหมอที่เก่งกาจมากมายอยู่ด้วย ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาสามีภรรยาอยู่ห่างกันนานขนาดนี้ก็ได้
ดังนั้น คุณย่าหยวนจึงยืนกรานเสียงแข็ง บอกว่ายังไงก็ต้องให้เธอกลับไปกับเจ้าห้าให้ได้ บางครั้ง คำสั่งของคุณย่าก็สร้างแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่าคำสั่งของอู๋ซ่างหวง เธอบ่นงึมงำหลายคำ บอกว่าอยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักระยะ
คุณย่าตำหนิทันทีว่า “โรงพยาบาลนี้ไม่มีหมอแล้วหรือยังไง? ครอบครัวเราไม่มีหมอแล้วเหรอ? มีเธอคนเดียวที่รับมือได้ใช่ไหม? ทั้งพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายของเธอต่างก็เป็นหมอที่เก่งกาจทั้งนั้น มีพวกเขาดูแลอยู่ ย่าจะเป็นอะไรได้? รีบกลับไปซะ คู่สามีภรรยายังหนุ่มยังสาวจะอยู่ห่างกันนาน ๆ ได้ยังไง ถ้าเธอไม่อยู่ พวกขุนนางเฒ่าพวกนั้นจะต้องหาทางให้เจ้าห้ารับสนมใหม่อีกแน่ ๆ”
คำพูดนี้ทำเอาเจ้าห้าตกใจไปด้วย เขารีบโบกมือเป็นพัลวันพลางรับประกันเป็นมั่นเหมาะว่า “ไม่มีทาง พวกเขาไม่กล้าหรอก แล้วข้าก็ไม่มีวันยอมตกลงด้วย”
“เจ้าไม่ตกลง พวกขุนนางเฒ่าพวกนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กล้าหรอกนะ” คุณย่าหยวนออกคำสั่งทันที “พวกเธอเก็บข้าวของกลับไปซะ ส่วนพวกเด็ก ๆ ใครที่ควรกลับไปก็รีบกลับไป ใครที่ควรเรียนหนังสือก็ไปเรียนหนังสือ ไม่จำเป็นต้องมากองอยู่รวมกันที่นี่”
เธอเหลือบตามองไปทางอู๋ซ่างหวง อู๋ซ่างหวงค่อย ๆ นั่งลงช้า ๆ ช้อนสายตาที่แฝงแววเย่อหยิ่งน้อย ๆ ขึ้นมอง “ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น เลิกคิดจะสั่งข้าไปได้เลย”
อย่างไรเสียต่อจากนี้ไป เขาก็ต้องโดนฉีดยาส่วนของทุกคนอยู่แล้ว เข้าตำราหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวกโดยแท้
คนคนหนึ่งที่ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแน่นอนว่าย่อมไม่มียารักษาให้หายได้ ย่าหยวนจึงไม่พูดจาต่อว่าอะไรเขาอีก