บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1922 หม้ายชิงหวาเป็นคู่ครองที่ดีไหม
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1922 หม้ายชิงหวาเป็นคู่ครองที่ดีไหม
แล้วหม้ายชิงหวาก็ใกล้เข้ามาอยู่ในสายตาของทุกคน ชายหนุ่มผู้มีอนาคตไกลคนนี้ หลังจากการสอบกลางตอนอายุสิบสามปี ก็ไม่มีการสอบอีก อาจารย์ของเขาบอกว่า หากเขายินยอมเดินเส้นทางการบัณฑิตชั้นสูง จะต้องติดอันดับหนึ่งในสามแน่
อาจารย์ของเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า เข้มงวดกับนักเรียนมาก ไม่สามารถเข้าตาเขาได้ง่ายๆ สามารถได้รับคำชื่นชมจากเขา แสดงว่าหม้ายชิงหวามีความสามารถจริงๆ
แต่ทำไมเขาไม่สอบต่อ สาเหตุนี้ไม่มีใครรู้
หยู่เหวินเห้าไม่ค่อยพอใจในจุดนี้ เขาคิดว่าหากมีความสามารถ ก็ควรที่จะต้องรับใช้ชาติถึงจะถูก ไม่สอบเพราะไม่อยากเป็นขุนนางหรือ?
หยวนชิงหลิงได้ยินสิ่งที่เขาบ่น จึงหัวเราะพูดขึ้นว่า “ต่างคนต่างมีความคิด ครอบครัวเขามั่งคั่ง บางทีจึงอยากเป็นแค่คนมีความสามารถ มีชีวิตอยู่อย่างอิสรเสรีล่ะ? จะว่าคนอื่นไม่เป็นขุนนางแล้วไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ได้”
ถึงแม้หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าเจ้าหยวนพูดมีเหตุผล แต่ยังไงเขาก็ไม่ชอบในจุดนี้ เขาเก็บความคิดเห็นของเขาไว้ หันไปถามทั้งสองสามีภรรยาว่า “สวีอี อะซี่ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
สวีอียึดอกหลังตรง พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ มีความสามารถก็ต้องรับใช้ประเทศชาติ ข้าน้อยไม่มีความสามารถ แต่ก็อยากรับใช้ประเทศชาติ”
“เอาล่ะ เจ้าหยุดพูดคำขวัญได้แล้ว ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพระยาเจ้าก็ปีติยินดีทั้งวันแล้ว” หยู่เหวินเห้ากลอกตามองบนใส่เขา แล้วก็ถามอะซี่ว่า “เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”
ความคิดเห็นของอะซี่เรียบง่าย นางพูดขึ้นว่า “ขอให้ดีกับถังกั่วเอ๋อ ห้ามมีสนม ห้ามยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่น ส่วนจะเป็นขุนนางหรือไม่ ไม่เป็นไร”
อะซี่มีความคิดเรียบง่ายอย่างคนเป็นแม่ ยังไงจวนจวิ้นจู่ใหญ่อานไม่ใช่ครอบครัวยากจน ไม่เป็นขุนนางก็สามารถทำอย่างอื่นเลี้ยงชีพได้ อีกอย่าง ได้ยินมาว่าภาพวาดของเขาขายได้ราคาแพงมาก ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องเงินทอง
หยู่เหวินเห้าคิดว่า ยังคงต้องพิจารณาดูอีก เรื่องนี้เขาเก็บไว้ในใจแล้ว
แต่สวีอีพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “เรื่องนี้จะต้องรบกวนฮ่องเต้ได้อย่างไร?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ข้าฝึกไว้บ้างไม่ได้หรือ? ข้ามีลูกเยอะขนาดนี้ รอเมื่อแต่งงาน ต้องหาประสบการณ์ไว้ก่อน”
อะซี่ยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นถ้างานแต่งงานของถังกั่วเอ๋อยกให้ฮ่องเต้กับฮองเฮาจัดการ ถือเป็นสิ่งที่ดีมาก เพียงแต่ ใช่ว่าจะต้องแต่งกับคุณชายหม้ายคนนั้น ยังไงจวิ้นจู่ใหญ่อานก็คงไม่พอใจเรา เราก็ไม่ต้องหาเรื่องใส่ตัว เร่งรีบเพื่อให้ได้แต่งงานกับครอบครัวของพวกเขา อย่างกับถังกั่วเอ๋อเราไม่มีค่า ไม่มีคนเอาแล้วอย่างนั้นแหละ”
เรื่องนี้ ทุกคนต่างก็เห็นด้วย หม้ายชิงหวาเป็นเพียงหนึ่งในตัวเลือก ใช่ว่าจะได้แต่งงานกับสวีถังถัง
หยู่เหวินเห้าให้ความสำคัญเรื่องงานแต่งงานถังกั่วเอ๋อมาก ยังสั่งให้ใต้เท้าทังไปสืบดูเรื่องพวกนี้ จะต้องรู้ให้ได้ว่า ทำไมเขาถึงไม่อยากรับราชการ
ส่วนภายในครวบครัวจวิ้นจู่ใหญ่อาน ตอนนี้กำลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว
หลังจากใต้เท้าหม้ายกลับไปแล้ว ก็ระบายความโกรธใส่จวิ้นจู่ใหญ่อาน บอกว่านางแก่จนเลอะเลือน ที่ไปพูดว่าร้ายใต้เท้าสวีต่อหน้าภรรยาขุนนางคนอื่น ใต้เท้าสวีเป็นคนที่นางสามารถนินทาว่าร้ายได้หรือ? ใต้เท้าสวีคือคนโปรดของฮ่องเต้ และเป็นคนโปรดมานานมากแล้ว ดูแล้วก็ยังจะเป็นที่โปรดปรานต่อไป
จวิ้นจู่ใหญ่อานคิดว่าสามีไม่จำเป็นต้องโกรธโมโหขนาดนี้ จึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ก็แค่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพระยาไม่ใช่หรือ? คนอื่นเห็นว่าไม่ธรรมดา แต่พ่อของข้าเป็นถึงจวิ้นอ๋อง ข้าได้รับแต่งตั้งให้เป็นจวิ้นจู่มาตั้งแต่เด็ก ตามหลักแล้ว ฮ่องเต้ยังต้องเรียกข้าว่ายายด้วยซ้ำ แค่เจ้าพระยาคนหนึ่งจะใหญ่ขนาดไหน?”
ใต้เท้าหม้ายโกรธจัด จึงไม่คุยกับนางต่อ หันไปสั่งผู้ดูแลจวนว่า ต่อไปห้ามให้ภรรยาขุนนางคนในเข้ามาในจวน และห้ามจวิ้นจู่ใหญ่อานออกไปไหน
กักบริเวณ
นางอยากโวยวาย ก็โวยวายอยู่ในจวน โวยวายจนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็ไม่มีใครสนใจ แต่หากจะออกไปก่อเรื่องสร้างปัญหาให้เขา เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
จวิ้นจู่ใหญ่อานมีนิสัยชอบบงการมาทั้งชีวิต ภายในจวนในครอบครัวก็ครอบงำมาทั้งชีวิต ทุกคนล้วนมีชีวิตอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง พวกลูกชายลูกสาวลูกสะใภ้หลานเหลนก็ถูกตำหนิติเตียนทุกอย่าง หม้ายชิงหวาเป็นหลานชายที่นางรักที่สุด ก็ทำให้นางได้โอ้อวดอยู่สักพัก แต่หลังจากสอบระดับกลางแล้ว เขากลับไม่สนใจบัณฑิตชั้นสูง นางพูดหว่านล้อมตั้งนานก็ไม่ได้ผล โกรธโมโหจนไล่หม้ายชิงหวาออกจากบ้านไปตั้งสองปี สุดท้ายถึงแม้จะรับกลับมาแล้ว แต่ก็ไม่ให้ความสำคัญเหมือนอย่างที่ผ่านมา
ตอนนี้ถูกกักบริเวณเพราะเรื่องของเขา จวิ้นจู่ใหญ่อานจึงเอาความโกรธโมโหทั้งหมดระบายลงที่หลาน
แต่หม้ายชิงหวากลับไม่รู้สึกอะไร ก้นด่าเขา เขาก็ยืนฟัง หลังจากด่าเสร็จเขาค่อยทำความเคารพแล้วกลับไป สีหน้าไม่มีความรู้สึกผิดเลยสักนิด ไม่มีกระทั่งความรู้สึกผิดที่ล่วงเดินท่านย่าเลยสักนิด
จวิ้นจู่ใหญ่อานโกรธจนชี้ด่าตามหลังเขาว่า “หากเจ้ากล้าแต่งงานกับคนในครอบครัวเล็กน้อยพวกนั้น ทำให้จวนหม้ายเสื่อมเสียชื่อเสียง ข้าก็จะไล่เจ้าออกจากบ้านอีก”
หม้ายชิงหวาเดินไปอย่างมั่นใจ ไม่แสดงท่าทีใดๆ เก็บของออกจากบ้านไปตั้งแต่คืนนั้นเลย เขามีจวนเป็นของตนเองไว้ข้างนอกแต่แรกแล้ว ไม่อาศัยอยู่ในจวน เขาก็มีที่ไปเยอะแยะ