บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1926 เตรียมสอบ
โสวฝู่เหลิ่งเห็นหม้ายชิงหวา ที่ผ่านมาทั้งสองคนก็ไปมาหาสู่กันบ้าง แต่ไม่มาก โสวฝู่เหลิ่งสนิทกับอาจารย์ของเขามากกว่า
หม้ายชิงหวามีอาจารย์สองคน คนหนึ่งเคยถูกจวิ้นจู่ใหญ่อานขับไล่ออกมา ต่อมาไหว้นักพรตท่านซานจุยเป็นอาจารย์ ท่านซานจุยเป็นเพื่อนที่ดีของโสวฝู่เหลิ่ง ทั้งสองคนมักจะอยู่ด้วยกันแล้วคุยเรื่องสถานการณ์ในแผ่นดิน
ท่านซานจุยเคยพาหม้ายชิงหวามาหาโสวฝู่เหลิ่ง เดิมอยากพามาแนะนำให้กับโสวฝู่ แต่เด็กคนนี้กลับไม่อยากสอบบัณฑิตชั้นสูง ไม่อยากรับราชการเป็นขุนนาง สนใจอยากฝึกฝีมือการต่อสู้อย่างเดียว อยากเข้าไปฝึกฝนในค่ายทหาร
แต่มาจากตระกูลแบบนั้น อยากเข้าไปในค่ายทหารถือเป็นเรื่องง่ายหรือ? หากเขาไปจริง ๆ จวิ้นจู่ใหญ่อานจะต้องไปอาละวาดถึงในค่ายทหารแน่ ใครจะทนรับได้?
ได้ยินหม้ายชิงหวามาขอร้องให้เขาช่วยเป็นพ่อสื่ออย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ โสวฝู่เหลิ่งโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ เรื่องเกี่ยวกับพวกผู้หญิงพวกนี้ ข้าไม่สนใจ แต่ตามที่ข้ารู้มา มีคนคนหนึ่งให้ความสนใจมาก และก็กำลังเตรียมการที่จะดำเนินการแล้ว คนคนนี้ออกโรง เจ้าจะต้องสมหวังแน่”
หม้ายชิงหวาได้ยินเช่นนี้ ก็ถามขึ้นว่า “คือใคร? โสวฝู่ช่วยแนะนำได้ไหม?”
โสวฝู่เหลิ่งหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “แนะนำให้ไม่ได้ แต่คนคนนี้มีนิสัยแปลกประหลาด เขาบอกว่าจะเป็นพ่อสื่อให้กับคนที่อยากรับใช้บ้านเมืองเท่านั้น อย่างเจ้า เจ้าไม่ได้อยากเป็นขุนนาง และก็ไม่อยากที่จะรับใช้บ้านเมือง คาดว่าเขาคงไม่ยอมช่วย”
หม้ายชิงหวาพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ข้าก็อยากรับใช้แผ่นดิน ข้ารู้มาว่าราชสำนักจะจัดสอบจอหงวนฝ่ายบู๊ปลายปีนี้ ข้าตั้งใจจะไปสอบจอหงวนฝ่ายบู๊”
“ทำไมเจ้าจะต้องเดินเส้นทางฝ่ายบู๊? เจ้ารู้ไหมว่าจอหงวนฝ่ายบู๊กับจอหงวนฝ่ายบุ๋น มีมูลค่าทางทรัพย์สินไม่เหมือนกันเลย”
หม้ายชิงหวาพูดขึ้นว่า “ราชสำนักเปิดสาขารับนักปราชญ์ คนร่ำเรียนมากมายที่พยายามแสร้งคนข้างหน้าล้มลงไป คนข้างหลังก็กระโจนเข้าต่อสู้อย่างไม่ขาดสาย ราชสำนักไม่ขาดแคลนนักปราชญ์ที่มีความรู้ แต่ด้านฝ่ายบู๊ หลายปีนี้กลับค่อนข้างขาดแคลน ข้ารู้ว่าสอบได้จอหงวน ตนเองจะมีอนาคตอย่างที่สุด แต่หลายปีมานี้ข้าฝึกฝีมือการต่อสู้ ฝึกฝนหัตถ์แห่งสงคราม ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับอาวุธ หากได้เข้ากองทัพ ก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการออกแรงกำลังพัฒนาฝ่ายบู๊ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กองทัพได้ยกระดับค่าแรงทหารสามครั้งติดต่อกันแล้ว ถือเป็นการส่งเสริมให้คนเข้าร่วมกองทัพมากขึ้น สร้างแนวป้องกันที่แข็งแกร่งให้กับเป่ยถัง”
โสวฝู่เหลิ่งได้ยินเช่นนี้ ก็ค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็กลับพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ตอนนี้ประเทศสงบ ประชาร่มเย็น ภายนอกไม่วุ่นวาย ยังมีขุนนางบางคนถึงกับเสนอให้ตัดกำลังทหารสองแสนนาย และฮ่องเต้ก็ทรงอนุญาตให้อภิปรายเรื่องนี้ ทำไมถึงคิดว่าฮ่องเต้ต้องการให้มีคนเข้าร่วมกองทัพมากขึ้น? เจ้าต้องรู้ว่าหากคุณกำลังทหารเยอะ ค่าใช้จ่ายในทุกปิดที่ต้องใช้จ่ายในการทหารก็จะเพิ่มมากขึ้น จ่ายเงินให้กับทหารว่างาน ราชสำนักจะไม่ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้อย่างไร? เอาค่าใช้จ่ายการเลี้ยงทหารไปใช้ในการสร้างถนนซ่อมสะพาน พัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนไม่ดีกว่าหรือ?”
หม้ายชิงหวาส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “โสวฝู่พูดเช่นนี้ ขออภัยที่ข้าน้อยไม่เห็นด้วย ตอนนี้ดูเหมือนว่าประเทศชาติสงบสุข แต่ชาติและเผ่าที่ทะเยอทะยานยังคงจับตามองเราอยู่ ฮ่องเต้ก็น่าจะพิจารณาถึงจุดนี้ ถึงได้เพิ่มค่าแรงของทหารอย่างต่อเนื่อง ยกระดับตำแหน่งของแม่ทัพ ต่อให้เป็นอย่างที่โสวฝู่พูด การเลี้ยงทหารต้องใช้เงินทองไม่น้อย สำหรับราชการสำนักก็ถือเป็นความกดดันและยากลำบาก แต่หลายปีมานี้ ทำไมฮ่องเต้ถึงให้ความสำคัญเศรษฐกิจกับการค้าระหว่างพรมแดน? ก็เพื่อต้องการให้มีรายได้มากขึ้น กลับตุนอาหารไว้อย่างมากมายในยามสงบ ก่อสร้างกำแพงสูง และทหารที่แข็งแกร่งก็คือกำแพงที่แข็งแกร่งของเรา”
โสวฝู่เหลิ่งหัวเราะเสียงดัง พร้อมพูดขึ้นว่า “ดี เจ้าพูดได้ดี ชิงหวา เจ้ามีมีการศึกษาดี กล้าหาญและมีไหวพริบ แต่ถ้าอยากมีส่วนร่วมในการป้องกันทางทหาร ไม่จำเป็นจะต้องเป็นทหาร ปัจจุบันคำวินิจฉัยในราชสำนักส่วนใหญ่ล้วนเป็นขุนนางพลเรือน เพียงแค่เจ้าได้หนึ่งในสมาชิก ก็สามารถเสนอดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อกองทัพได้ ถึงแม้ฮ่องเต้สามารถตัดสินใจได้ แต่สิ่งที่ฮ่องเต้ต้องคิดมีมากมาย และก็ไม่สามารถทำอะไรตามลำพังได้ หากขุนนางในราชสำนักส่วนใหญ่สนับสนุนเขา การดำเนินการตามนโยบายจะสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ฮ่องเต้ต้องการแขนซ้ายขวา ต้องการเคียวกำจัดวัชพืชให้กับเขา เจ้าสามารถเป็นเคียวอันนี้ได้”
หม้ายชิงหวาอึ้ง แล้วก็ครุ่นคิดขึ้นมา
คำพูดของโสวฝู่ ราวกับเป็นเครื่องดื่มที่ยอดเยี่ยม กระแทกความคิดที่ขับแคบของเขาอย่างจัง แต่ยังไม่สามารถเข้าใจในทันที เรื่องนี้ยังไม่เข้าใจไม่เป็นไร เขายังมีเรื่องอื่นที่สำคัญยิ่งกว่า
“ไม่ทราบว่า คนนั้นที่โสวฝู่พูดถึงคือใครหรือ? เขาสามารถเป็นพ่อสื่อให้ข้าได้จริงหรือ?”
การสร้างอาชีพก่อตั้งครอบครัว เมื่อมีครอบครัวที่มั่นคงแล้ว เขาก็จะสามารถพัฒนากิจการงานของตนเอง
และเขาก็รอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ตอนนี้นางเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน หากไปช้ากว่านี้ ดีไม่ดีอาจจะถูกแย่งไปแล้ว
โสวฝู่พูดขึ้นว่า “เจ้าต้องเป็นจอหงวนก่อน เขาค่อยลงมือ และหากเขาลงมือ รับรองว่าเจ้าจะได้แต่งงานกับหญิงที่รัก”
“เขาคือ?”
โสวฝู่ดื่มชาหนึ่งคำ สายตาราวกับสุนัขจิ้งจอกเหลือบมองดูหม้ายชิงหวาแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ก็ฮ่องเต้ที่เจ้าพูดถึงเมื่อกี้ไง ในวันที่แต่งตั้งเจ้าพระยาจงภักดี เขาก็พูดขึ้นว่า เรื่องงานแต่งงานของสวีถังถัง เขาจะเป็นคนจัดการ และจะยกให้แต่งงานกับจอหงวน”
หม้ายชิงหวาร้องเสียงหลง จากนั้นก็รีบวิ่งออกไป แม้แต่ทำความเคารพกล่าวลาก็ลืมแล้ว
“เจ้าจะไปไหน?” โสวฝู่ตะโกนถามขึ้นทางด้านหลัง ฟังดูเหมือนรีบร้อน แต่ความจริงคือสัพยอก
“เตรียมสอบ” หม้ายชิงหวาเดินจากไปอย่างไม่หันกลับมา
โสวฝู่เหลิ่งพยักหัวอย่างพอใจ ชอบคนที่พูดแล้วก็ลงมือทำเลยแบบนี้