บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1927 ลูกคนมีตังค์
หลังจากเจ๋อหลานรับพี่กั่วเอ๋อออกมาจากจวนหม้าย ก็พูดขอโทษมาตลอดทาง แต่พี่สาวก็ไม่ยอมคืนดีกับนาง แสดงสีหน้าท่าทีโกรธโมโห
“พี่สาวคนดี ไม่ต้องโกรธแล้ว ข้าไม่ได้ทอดทิ้งเจ้า ข้าเพียงแค่แอบสำรวจคุณชายหม้ายคนนี้อยู่อย่างลับๆ เจ้าเดาดูสิว่าเป็นอย่างไร? ข้ามองเห็นสิ่งที่เจ้ามองไม่เห็นบางอย่าง อยากรู้ไหม?”
ถังกั่วเอ๋อหันหน้าไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ฟัง เจ้าอยากไม่อยากพูดก็แล้วแต่”
“ไม่ฟังจริง ๆ หรือ? งั้นก็ได้ ข้าจะลืมสิ่งที่ข้าเห็นทั้งหมด หากเจ้าถามข้า ข้าก็จำไม่ได้แล้ว” เจ๋อหลานหัวเราะอย่างทะเล้น
ถังกั่วเอ๋อตีนางหนึ่งทีพร้อมพูดขึ้นว่า “รีบพูดมา”
“เจ้าไม่ฟังไม่ใช่หรือ?” เจ๋อหลานหัวเราะพร้อมหลบหลีกพูดขึ้นว่า “ไม่พูด ยังไงก็ไม่พูด”
ถังกั่วเอ๋อไล่ตามไป เมื่อจับได้แล้วก็จั๊กจี้เอวของนาง จั๊กจี้จนเจ๋อหลานร้องขอว่า “ได้ ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว รีบปล่อยข้า”
ถังกั่วเอ๋อค่อยหยุด แล้วช่วยนางจัดปิ่นปักผม พร้อมพูดขึ้นว่า “มองเห็นอะไร? รีบพูดมา”
เจ๋อหลานหัวเราะจนใบหน้าแดงระเรื่อ ขยับเข้ามาใกล้อย่างลึกลับ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเห็นคุณชายหม้ายคนนั้น แววตาเป็นประกาย”
ถังกั่วเอ๋อพูดขึ้นว่า “แววตาของใครไม่เป็นประกาย? ตอนนี้เจ้าก็เต็มไปด้วยแววประกาย ประกายความอยากโดนตี”
“จริงๆ ดวงตาคู่นั้นแทบจะสว่างไสวแล้ว” เจ๋อหลานคว้าจับมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เขาจะต้องเคยเห็นพี่สาว และก็แอบชอบพี่สาว เรื่องนี้เจ้าต้องเชื่อข้า ข้ามีประสบการณ์”
ถังกั่วเอ๋อได้ยินแล้วใบหน้าก็แดงระเรื่อ แต่แล้วมุมปากก็หยักยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าจะมีประสบการณ์อะไร? รีบเล่าให้ข้าฟัง เกี่ยวข้องกับฮ่องเต้จิ่งเทียนหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ ใครเล่าเรื่องฮ่องเต้จิ่งเทียนให้เจ้าฟัง? ใครกันที่ปากกว้างขนาดนี้?”
“พ่อของข้าเป็นคนพูด” ถังกั่วเอ๋อดึงแขนเสื้อของนาง แก้มเริ่มแดงยิ่งขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องสาว เมื่อกี้เรื่องที่เจ้าพูดว่ามีแววประกาย เจ้าเล่าอย่างละเอียดได้ไหม?”
เจ๋อหลานมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สาว เจ้าเพิ่งเจอเขาเป็นครั้งแรก ทำไมพูดถึงเขาหน้าก็แดงแล้วล่ะ? หรือว่า…..”
“ว่าไปเรื่อย?” ถังกั่วเอ๋อยกกำปั้นสีชมพูเล็กน้อยขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ห้ามพูดไปเรื่อย ข้าก็แค่แปลกใจ กลับการที่พูดถึงแววตาเป็นประกาย เพื่อเป็นความรู้แค่นั้นเอง”
“กิริยาท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง ไม่ตรงไปตรงมาเหมือนอย่างท่านลุงสวี” เจ๋อหลานเหลือบมองดูนาง เห็นนางเริ่มกังวลขึ้นมา จึงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ ข้าบอกเจ้า เวลาคนเรามองเห็นสิ่งที่ตนเองชอบ อย่างเช่นเครื่องประดับที่ชอบมาก ดวงตาก็จะกลมโตอย่างไม่รู้ตัว เปล่งประกายแววสว่างไสว แววประกายนี้เปล่งออกมาจากใจ เจ้าลองหวนคิดถึงเวลาที่ท่านลุงสวีเห็นแม่ของเจ้า แววตาที่เป็นประกายเหมือนกันไหม?”
ถังกั่วเอ๋อหวนคิดถึงจริงๆ แทบทุกครั้งที่พ่อกลับมา ต่อให้หมดเรี่ยวแรง แต่ตอนที่เห็นแม่ แววตาก็จะเปล่งประกายทันที
ในใจอดไม่ได้ที่จะเต้นแรง เอียงอายสักพักแล้วก็พูดขึ้นว่า “เจ้าเห็นจริงๆ หรือว่าตอนที่เขามองข้าแล้วแววตาเปล่งประกาย?”
“เห็น เขาจะต้องชอบเจ้าแน่” เจ๋อหลานพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่น สักพักแล้วก็พูดขึ้นว่า “ตอนนี้เราไปทานข้าวกันก่อน หรือว่าจะไปดูคุณชายอีกสองคนต่อ?”
ถังกั่วเอ๋อขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ เราไม่ดูแล้วดีไหม เป็นที่ร่ำลือออกไปจากไม่ดี”
“อ๋า?”
“ละเมิดความเป็นกุลสตรี” ถังกั่วเอ๋อพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม งั้นก็ไม่ไปดูแล้ว”
เจ๋อหลานแอบหัวเราะ ความรักของหญิงสาวกำลังเริ่มต้น หมื่นปีผันผ่าน
แต่วิธีแบบนี้ของพี่สาวถือว่าดี ในเมื่อชอบพอใจแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปดูคนอื่นอีก นางไม่ต้องการตัวเลือกเยอะแยะ ไม่ใช่เป็นการเลือกเครื่องประดับเสียงหน่อย
ตอนที่พวกนางกลับมาถึงในวัง โสวฝู่เหลิ่งก็มาเข้าเฝ้าในห้องทรงพระอักษร
เป็นครั้งแรกที่โสวฝู่เหลิ่งพูดชมหม้ายชิงหวาต่อหน้าเจ้าห้า เล่าคำสนทนาระหว่างพวกเขาให้เจ้าห้าฟังอย่างไม่ตกหล่น
หลังจากเจ้าห้าฟังแล้ว ในใจปีติยินดีพร้อมพูดขึ้นว่า “อืม ลูกเขยบุญธรรมคนนี้ข้าพอใจยิ่งนัก ได้ได้ หวังว่าการสอบในปีนี้ เขาจะสามารถสอบได้อันดับหนึ่ง”
“ข้ามีความเชื่อมั่นในตัวเขาเต็มล้น” โสวฝู่เหลิ่งพูดขึ้น
เจ้าห้าดีใจอย่างมาก เขาก็เคยสั่งให้ใต้เท้าทังไปสืบหม้ายชิงหวา อุปนิสัยไม่ต้องพูดถึง เดิมเป็นกังวลเรื่องความกตัญญูกตเวที หรือเพราะมีความสามารถมากแล้วหยิ่งผยอง วางตนสูงส่ง แต่ความเป็นกังวลพวกนี้ล้วนเกินเหตุ เขาเป็นเด็กติดดินคนหนึ่ง อายุน้อยขนาดนี้ก็รู้จักเก็บเงินสร้างฐานะของตนเอง
เขาชอบคนที่ร่ำรวย
เขาตามสวีอีมา เล่าเรื่องหม้ายชิงหวาคนนี้ให้เขาฟัง หม้ายชิงหวาครุ่นคิดสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “ในเมื่อยกเรื่องแต่งงานให้กับฮ่องเต้จัดการแต่แรกแล้ว งั้นทุกอย่างแล้วแต่ฮ่องเต้ตัดสินใจ ฮ่องเต้เห็นว่าเขาเหมาะสม งั้นก็เหมาะสม หากฮ่องเต้เห็นว่าเขาไม่เหมาะสม…..ข้าน้อยก็เห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะยังไงก็ร่ำรวยและรูปร่างหน้าตาก็ดี”
“คงตัว” เจ้าห้าเหลือกตาจ้องมองเขา พร้อมชี้ไปที่ประตูตำหนัก
ร่ำรวยและรูปร่างหน้าตาก็ดีอะไร สิ่งที่เขาสนใจคือความสามารถ แน่นอนว่าร่ำรวยยิ่งได้คะแนนเยอะ