บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1928 ความรักของลูกสาว
เจ๋อหลานรู้ข่าวจากการแอบฟังพ่อ จึงรีบไปเล่าให้ถังกั่วเอ๋อฟัง
หลังจากถังกั่วเอ๋อได้ฟัง แก้มแดงระเรื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องสาว เจ้าพูดไปเรื่อย เขาเพิ่งเคยเห็นข้าแค่ครั้งเดียว และก็ไม่รู้จักข้า แล้วจะสอบจอหงวนเพื่อข้าได้อย่างไร?”
“ยังไงพ่อก็เป็นคนพูดเอง เจ้าไม่เชื่อก็ตามใจ” เจ๋อหลานพูดขึ้นอย่างเกียจคร้าน
“หวู่ปายปายพูดจริงๆ หรือ?” ถังกั่วเอ๋อหน้าแดง ยังไงปายปายห้าก็เป็นฮ่องเต้ เขาพูดคำไหนคำนั้น ไม่พูดเท็จ
ตามที่เพิ่งฝึกพูด หวู่ปายปายมักชอบเล่นกับนาง ตอนนั้นให้นางเรียกว่าพ่อบุญธรรม สองพยางค์นางพูดไม่เป็น ต่อมาเขายอมให้นางเรียกว่าลุง (ลุงในจีนออกเสียงป๋อป๋อ) ตอนนั้นเพิ่งฝึกพูด เรียกลุง (ป๋อป๋อ) ไม่ถูกต้อง กลายเป็นเรียกปายปาย สุดท้ายก็ไม่ได้เปลี่ยน
“ใช่ จรองแท้แน่นอน” เจ๋อหลานจ้องมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? เจ้าก็หวั่นไหวในตัวคุณชายหม้ายคนนี้หรือ?”
“ไม่ใช่ ก็แค่เคยเจอกันครั้งเดียว จะหวั่นไหวได้อย่างไร?” ถังกั่วเอ๋อหันหน้าไปทางอื่น ปฏิเสธ ต้องปฏิเสธ จะให้น้องสาวรู้ความในใจของนางไม่ได้ เดี๋ยวนางจะไปเล่าให้พวกพี่ชายฟัง
เจ๋อหลานจะไม่รู้ความในใจของนางได้อย่างไร? จึงล้อเล่นขึ้นว่า “งั้นหากเจ้าไม่รู้สึกอะไรต่อเขา ข้าก็จะกลับไปบอกพ่อว่า เจ้าไม่ยินยอม”
ถังกั่วเอ๋อเงยหน้าขึ้น อมยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “น้องสาว มา เรามาพูดถึงเรื่องฮ่องเต้จิ่งเทียนกัน”
“เรื่องเขา?”
“ใช่ ได้ยินมาว่าฮ่องเต้จิ่งเทียนหลงรักเจ้ามาก ยังเคยจัด…..”
เจ๋อหลานกลัวคนอื่นพูดถึงเรื่องนี้ที่สุด ใบแดงระเรื่อขึ้นมาในทันใด แล้วมือทั้งคู่ก็เอื้อมไปที่เอวของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครให้เจ้าพูด ใครให้เจ้าพูด”
ถังกั่วเอ๋อถูกจั๊กจี้จนหัวเราะเสียงดัง อ่อนแรงไปทั้งตัว พร้อมพูดร้องขอว่า “น้องสาวคนดี ข้าไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้วนะ?”
เจ๋อหลานไม่ยอมปล่อยนางง่ายๆ ทั้งสองพี่น้องเล่นกันอยู่สักพัก แล้วก็ล้มนอนลงบนเตียงนุ่มด้วยกัน เงยหน้ามองดูเพดาน
หญิงสาวทั้งสองสวยดังดอกไม้และดวงจันทร์ แก้มแดงระเรื่อ ดวงตาประกายแห่งความหวังในอนาคต ชีวิตของพวกนางเพิ่งเริ่มต้นขึ้น อนาคตเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ทุกอย่าง น่ารอคอยยิ่งนัก
“น้องสาว” ถังกั่วเอ๋อพูดขึ้นก่อน น้ำเสียงเปลี่ยนจากความตื่นเต้นเมื่อกี้เป็นจืดจางๆ ว่า “ฮ่องเต้จิ่งเทียนดีจริงๆ หรือ? บางทีอาจจะดี แต่ห่างไกลมากเลย หากหลังจากที่เจ้าแต่งงานไป นานแค่ไหนที่พวกเราจะได้เจอหน้ากันเอง?”
เจ๋อหลานเอียงหัวหันไปมองนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “อืม ข้าก็รู้สึกว่าห่างไกลมาก และก็อาจจะไม่ดี คุณชายหม้ายคนนั้นหากเจ้าไม่ชอบ ข้าก็สามารถพิจารณาดู หลังจากวันนั้นที่ได้เห็น ข้ารู้สึกว่าเขาดีมาก หน้าตาหล่อเหลา มีความสามารถ มีหญิงสาวไม่น้อยที่หลงใหลในตัวเขา”
“จริงหรือ?” ถังกั่วเอ๋อเบิกตาโต แลดูตกใจอย่างมาก
“อืม จริงๆ ยังไงพี่ก็ไม่ชอบ งั้นก็ยกให้ข้าเถอะ” เจ๋อหลานพูดขึ้นอย่างจริงจังเคร่งขรึม
ถังกั่วเอ๋อเห็นถึงความจริงจังในสายตานาง รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆ หายไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ครั้งนี้ที่ข้ากลับตระกูลหยวน บรรพบุรุษยกปิ่นกับหยกให้ข้ามากมาย ยังมีเครื่องประดับอย่างอื่น น้องไปเลือกในห้องข้าได้ตามสบาย หรือว่าจะเข้าไปทั้งหมดก็ได้”
“พูดถึงเรื่องคุณชายหม้ายอยู่ดีๆ ทำไมจู่ๆ ถึงพูดถึงเรื่องเครื่องประดับ?” เจ๋อหลานเป็นคนแสดงละครเก่ง อดกลั้นไม่หัวเราะ
มือของถังกั่วเอ๋อวางบนไหล่ของนาง แล้วก็พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เพราะ เครื่องประดับกับพ่อแม่ล้วนสามารถแบ่งปันกับน้องได้ น้องชายก็ยกให้เจ้าได้ แต่คุณชายหม้ายไม่ใช่ของข้า ข้าจะหลีกให้หรือยกให้เจ้าไม่ได้”
“งั้นก็ไม่ยกให้หรือ? พี่สาวบอกว่ารักข้า ที่แท้ล้วนเป็นความเท็จหรือ?” เจ๋อหลานหันหน้าไปอย่างเจ็บปวด น้ำตานอง
ถังกั่วเอ๋อจับปลายคางของนางเงยขึ้น บังคับให้นางหันหน้ามา มือทั้งคู่ประคองแก้มของนางไว้ แล้วก็บีบนวดอย่างแรง บีบหน้าของนางกลายเป็นซาลาเปา พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องสาว เกินไปแล้ว เกินไปแล้วจริงๆ แสดงถึงความโศกเศร้าก็มีพิรุธแล้ว ตามนิสัยน้องสาวเจ้าเล่ห์เจ้าบทบาท เวลาแบบนี้เจ้าควรที่จะโกรธโมโห แต่ไม่ใช่เสียใจ น้ำตานองยิ่งมีพิรุธอย่างที่สุด”
เจ๋อหลานวางไหล่ตก ยังไม่ใช่พวกนักแสดงจริงๆ ยังคิดว่าตนเองแสดงละครได้ดีเสียอีก
ถังกั่วเอ๋ออมยิ้ม คิ้วตายิ้มแย้ม หน้ากลมมน เบ่งบานเหมือนดั่งดอกโบตั๋น พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องสาว ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่า หากชอบคนคนหนึ่ง ในตาจะเปล่งประกาย เมื่อกี้ตอนที่เจ้าพูดถึงคุณชายหม้าย แววตาไม่เปล่งประกาย แต่ตอนที่ข้าพูดถึงฮ่องเต้จิ่งเทียน ในตาของเจ้าค่อยเปล่งประกายแวววาว”
ความในใจของผู้หญิงเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ยากที่สุด ต่อให้เป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งอยู่ไหน แต่เมื่อพูดถึงคนที่ชอบ ท่าทีคิ้วตานั้นล้วนไม่เหมือนเดิม
ตอนนี้นางรู้แล้วว่าแสงประกายแห่งความรักเป็นอย่างไร สุภาพอ่อนโยน แฝงไปด้วยความเขินอายและความสุข ขนคิ้วยังขยับเย้ายวน