บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1929 รักแรกพบ
ในช่วงเวลาที่เจ๋อหลานอยู่เมืองหลวง มักจะชอบเล่าเรื่องต่างๆ ให้แม่ฟัง
หยวนชิงหลิงฟังเรื่องราวความรักเริ่มต้นของถังกั่วเอ๋อ นางรู้ดีว่าในยุคสมัยนี้ การแต่งงานเป็นเรื่องที่พ่อแม่ตัดสินใจ คำสั่งของพ่อแม่ คำพูดของแม่สื่อ เจอกันสักครั้งก็เกิดความรู้สึกมากมาย เพราะครอบครัวตระกูลใหญ่อุปนิสัยล้วนถูกสอบถามล่วงหน้า แล้วก็มาดูว่าครั้งแรกที่เจอสะดุดตาหรือไม่
รักแรกพบ อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรน่าแปลกเลย
เจ้าหยวนรู้สึกทอดถอนใจ พวกลูกเติบโตแล้ว แต่ละคนมุ่งหน้าไปหาความรัก คนข้างหน้าล้มลงไป คนข้างหลังก็กระโจนเข้าต่อสู้อย่างไม่ขาด แทบรอไม่ไหวกับการที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเขา
เรื่องของถังกั่วเอ๋อเจ้าหยวนให้ความสำคัญอย่างแน่นอน นางที่ปกติไม่ยุ่งเรื่องขุนนางราชสำนัก ครั้งนี้ยกเวันเพื่อกั่วเอ๋อ สั่งคนไปตามจวิ้นจู่ใหญ่อานมาเข้าเฝ้า
ท่านปู่ของจวิ้นจู่ใหญ่อานคืออ๋องหยุน อ๋องหยุนอาวุโสอย่างมาก อู๋ซ่างหวงยังต้องเรียกอ๋องหยุนว่าปูเล็ก ดังนั้น อู๋ซ่างหวงกับจวิ้นจู่ใหญ่อานอาวุโสเท่ากัน
จะว่าไปแล้วเจ้าหยวนก็ต้องเรียกนางว่าคุณยาย แต่พ่อของคุณยายคนนี้สุดท้ายได้เป็นแค่จวิ้นอ๋อง และก็ค่อนข้างไม่เต็มใจแบบนั้น เป็นเพราะตอนนั้นอ๋องหยุนเคยกระทำความผิด ทำให้ฮ่องเต้เซี่ยนโกรธโมโห
ดังนั้น จวิ้นจู่ใหญ่อานคนนี้ถึงแม้จะเป็นจวิ้นจู่ แต่ในเชื้อพระวงค์ ถือว่าไม่ความสำคัญเลย
แต่คนเราก็แปลกแบบนี้แหละ ยิ่งไม่มีความสำคัญ ก็ยิ่งต้องการหาความสนใจ ความสัมพันธ์ของจวิ้นจู่ใหญ่อาน
ส่วนหนึ่งเพราะนางอาวุโสจริงๆ อีกส่วนหนึ่งล้วนเป็นเพราะใช้เงินทับถมขึ้นมา
ดังนั้น นางจึงต้องการหลานชายหม้ายชิงหวาสู้เพื่อนาง
ท่านยายคนนี้ ดำดิ่งสู่วงกลมแห่งชื่อเสียงและความมั่งคั่งมาทั้งชีวิต ออกมาไม่ได้แล้ว พยายามรักษาภาพลักษณ์ของจวิ้นจู่ แต่จะมีทรัพย์สินมากมายแค่ไหนให้นางได้รักษา?
นางก็เคยสืบมาแล้ว ตอนนี้ภาพวาดของหม้ายชิงหวาขายได้ราคา จวิ้นจู่ใหญ่อานไม่เห็นค่า หาว่าเขาเต็มไปด้วยความเป็นพ่อค้าต่ำต้อย ไม่สูงศักดิ์ นี่เป็นสาเหตุที่เขารักใคร่หม้ายชิงหวามาตั้งแต่เด็กจนถึงสุดท้ายไม่ให้เกียรติ
หลานชายผู้สูงศักดิ์ของนาง จะทำมาค้าขายได้อย่างไร?
หยวนชิงหลิงยังอยากหัวเราะ ตระกูลผู้ดีไม่ทานข้าวสวมเสื้อผ้าหรือ สำรวมตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ตอนที่ใช้จ่ายเงินถึงรู้ว่าเงินทองมีความสำคัญ แต่กลับดูถูกคนค้าขาย ช่างตลกยิ่งนัก คนที่อยู่อย่างสูงส่งพวกนี้ ล้วนมีปัญหา
หลายปีมานี้ จวิ้นจู่ใหญ่อานอยากที่จะเข้าหาหยวนชิงหลิงกับเชื้อพระวงค์ทุกคนมาตลอด สุดท้ายทำไม่สำเร็จ จึงแอบนินทาพวกพระชายาลับหลัง
หยวนหย่งอี้ หรงเยว่สองคนนี้นางไม่กล้ายุ่งด้วย แต่จวิ้นจู่จิ้งเหอกับฮูหยินเหยาถูกนางพูดอย่างเน่าเฟะ
หยวนชิงหลิงไม่ชอบนาง เดิมก็ไม่ชอบ ตอนนี้ยิ่งไม่ชอบ
จวิ้นจู่ใหญ่อานได้ยินว่าฮองเฮาให้นางไปเข้าเฝ้า ในใจปีติยินดีอย่างมาก จะว่าไปแล้ว นางก็เป็นผู้อาวุโสของฮองเฮา ฮองเฮาควรที่จะเชิญนางไปพูดคุยในวังแต่แรกแล้ว
ดังนั้นนางจึงตั้งใจแต่งตัวอย่างประณีต เอาภาพลักษณ์ของจวิ้นจู่ สะท้อนผ่านเสื้อผ้าที่สวมใส่ สวมเครื่องประดับมุกนิลจินดาเต็มหัว สวมชุดทางการของจวิ้นจู่ที่เก่าแล้ว แล้วมาเข้าเฝ้าฮองเฮาในวัง
“ข้าน้อยถวายบังคมฮองเฮา ฮองเฮาหมื่นโชค” นางย่อกายทำความเคารพหยวนชิงหลิงอย่างยิ้มแย้ม มารยาทถือว่าไม่บกพร่อง แต่หางตาที่หย่อนคล้อยนั้น กลับพยายามยกขึ้น พยายามส่องประกายแสงอันสูงส่งเล็กน้อยจากภายในออกมา
หยวนชิงหลิงเห็นพยายามรักษาศักดิ์ศรีอันสูงส่งของจวิ้นจู่ ในใจกลับรู้สึกว่าคนแบบนางเช่นนี้ค่อนข้างน่าสงสาร เห็นที คนที่น่าชังก็มีความน่าสงสารเหมือนกัน
หยวนชิงหลิงไม่เคยสร้างความลำบากใจให้กับใคร โดยเฉพาะผู้อาวุโสที่มีอายุมากขนาดนี้ ปกติมักจะยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร แต่วันนี้นางมองด้วยแววตาเย็นชา และก็ไม่เชิญให้นั่ง พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “จวิ้นจู่ ข้าได้ยินคำร่ำลือมา จึงต้องเรียนเชิญจวิ้นจู่เข้าวังมาเพื่อถามไถ่”
จวิ้นจู่ใหญ่อานยืดตัวตรง พร้อมพูดขึ้นว่า “หากข้าน้อยทำอะไรผิดไป ขอฮองเฮาช่วยชี้แนะ”
หยวนชิงหลิงถามขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าไม่พอใจเจ้าหญิงฉางหนิงอย่างยิ่ง มีเรื่องแบบนี้หรือเปล่า?”
เดิมจวิ้นจู่ใหญ่อานคิดว่าจะถามเรื่องใต้เท้าสวี กลับคิดไม่ถึงว่าจะพูดถึงเจ้าหญิงฉางหนิง นางอึ้งเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้นว่า “ขออภัยที่ข้าน้อยเลอะเลือน จำไม่ได้ว่าเจ้าหญิงฉางหนิงคือท่านไหน”
มู่หร่งกงกงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “ท่านไม่รู้จักเจ้าหญิงฉางหนิงหรือ? คือลูกสาวเจ้าพระยาจงภักดีสวีถังถัง ตอนที่นางคลอด ฮองเฮาก็รับนางไว้เป็นลูกสาวบุญธรรม ตำแหน่งองค์หญิงก็ประทานให้แต่แรกแล้ว รอเมื่อนางแต่งงานออกไป ค่อยประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เรื่องนี้ผู้คนมากมายต่างก็รู้ จวิ้นจู่ใหญ่ไม่รู้หรือ?”
จวิ้นจู่ใหญ่อานค่อนข้างนั่งไม่ติด พร้อมพูดขึ้นว่า “มีเรื่องนี้ด้วยหรือ? คือ…..”
เจ้าหญิง? เท่ากับว่าสูงศักดิ์ยิ่งกว่านางที่เป็นจวิ้นจู่?
นางรู้สึกได้ขึ้นมาทันทีว่าแย่แล้ว จึงพูดขึ้นว่า “แต่นางไม่ได้แซ่หยู่เหวิน ทำไมถึงถูกแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงได้? ไม่เท่ากับเป็นการทำลายกฎธรรมเนียมของบรรพบุรุษหรือ?”
มู่หร่งกงกงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้กับฮองเฮาชอบนาง รักและเห็นนางเป็นลูกสาว เลี้ยงดูอยู่ในวังมาตั้งแต่เด็ก เลี้ยงดูอยู่ข้างกาย แล้วทำไมจะแต่งตั้งเป็นเจ้าหญิงไม่ได้? จวิ้นจู่ใหญ่สงสัยฮ่องเต้หรือ?”
“ไม่บังอาจ” จวิ้นจู่ใหญ่อานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยับยั้งความโกรธไว้ในใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เพียงในใจสงสัย อาศัยความชอบก็สามารถยกให้เป็นเจ้าหญิง ไม่เป็นการวุ่นวายหรือ?”