บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1930 จวิ้นจู่ใหญ่อาน
นางพูดเสร็จ หยุดซักพักแล้วก็พูดขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าฮองเฮาเป็นกันเองและจริงใจ คิดว่าคงไม่ถือสาที่ข้าน้อยพูดจาตรงไปตรงมา ทุกอย่างควรมีกฎเกณฑ์ หากเพียงเพราะฮ่องเต้ฮองเฮาชื่นชอบแล้วแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิง งั้นเป่ยถังไม่มีเจ้าหญิงเกลื่อนกลาดเต็มถนนหรือ?”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ใช่พูดจาตรงไปตรงมา แต่เจ้าอิจฉา ไม่มีสายเลือดพระราชวงศ์แล้วได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิง มีสายเลือดของอ๋องชินได้รับแต่งตั้งให้เป็นจวั้นจู่ ยังต้องได้รับพระราชทานก่อน ในใจจวิ้นจู่ใหญ่ไม่พอใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรหากมองเพียงผลไม่ถามถึงลำดับขั้นตอน ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด ตามที่ข้ารู้มา ท่านปู่ของเจ้าถึงแม้จะเป็นหยุนอ๋องชิน แต่เขามีส่วนร่วมในการแย่งชิงบัลลังก์ ภายหลังได้รับการอภัยโทษ แล้วกระทำผิดครั้งใหญ่จากการควบคุมอุทกภัย ตอนนั้นอู๋ซ่างหวงแต่งตั้งให้เจ้าเป็นจวิ้นจู่ ถือเป็นพระคุณอย่างยิ่งแล้ว ตามหลักแล้ว ปลดให้เป็นคนธรรมดาก็ไม่เกินไป แล้วก็ดูเจ้าพระยาจงภักดีที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้มาตลอดยี่สิบปี เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อประเทศชาติ มีหลายครั้งที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ลูกสาวของเขาถึงแม้จะไม่มีสายเลือดเชื้อพระวงศ์ แต่ด้วยมิตรภาพที่เจ้าพระยาจงภักดีกับฮ่องเต้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาด้วยกัน บวกกับความรักที่ฮ่องเต้มีต่อเจ้าหญิงฉางหนิง แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิง ผิดกฎและระเบียบอย่างไร? หากเจ้าสงสัยว่าการตัดสินใจของฮ่องเต้นั้นไม่ใช่เรื่องดี งั้นเชิญอู๋ซ่างหวงมาตัดสินไหม ตามที่ข้ารู้มา อู๋ซ่างหวงก็รักใคร่เจ้าหญิงฉางหนิงมาก ตอนที่เจ้าหญิงฉางหนิงยังเด็กก็ไปหาอู๋ซ่างหวงตลอด ตอนนี้ก็เหมือนกัน”
ตาคิ้วจวิ้นจู่ใหญ่อานค่อยๆ เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว ฮ่องเต้ถือเป็นผู้น้อยกว่านาง นางไม่ค่อยกลัว แต่อู๋ซ่างหวง…..นางกลัว
พี่ชายคนนั้น ถือเป็นคนโหดเหี้ยม
หยวนชิงหลิงมองเห็นท่าทีของนาง รู้เลยว่าคนแบบนี้น่าชัง เลือกรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่เมื่อเจอคนที่แข็งแกร่ง ก็หัวหดเร็วยิ่งกว่าใคร
แล้วสีหน้าของนางก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยิ้มแย้มจนรอยตีนกากองเต็มหางตา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยเลอะเลือน ลืมไปว่าเจ้าพระยาจงภักดีจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ พวกเขามีมิตรภาพที่ดีต่อกันมาจริงๆ ฮองเฮาเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อยไม่ได้ดูถูกเจ้าพระยาจงภักดีกับเจ้าหญิงฉางหนิง และหลานของข้าคนนั้น ก็พูดแต่แรกแล้วว่าต้องการอยากที่จะสู่ขอเจ้าหญิงฉางหนิงมาเป็นภรรยา แต่ข้าน้อยเห็นว่าเขายังไม่มีคุณความดี ไม่คู่ควรเจ้าหญิง จึงไม่ได้ไปสู่ขอให้ ส่วนคำร่ำลือของคนภายนอก ก็ไม่รู้ว่าใครปากเสีย พูดจาไปเรื่อย ใส่ร้ายข้าน้อย ฮองเฮาชาญฉลาดจะต้องไม่เชื่อแน่”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้น จวิ้นจู่ใหญ่หวังอยากให้พวกเขาอยู่ด้วยกันหรือ?”
“หวังอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงจริงๆ” จวิ้นจู่ใหญ่อานพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม ปีติยินดีราวกับการตั้งคำถามเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “หากสามารถได้เป็นคู่กันจริง ข้าน้อยยังต้องพาสมาชิกในครอบครัวเข้าวังมาขอบพระคุณ ฮองเฮาวางใจ เจ้าหญิงฉางหนิงเข้ามาอยู่ในครอบครัว ข้าน้อยจะดูแลสั่งสอนนางเป็นอย่างดี”
หยวนชิงหลิงอมยิ้มเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “เรื่องนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ แล้วแต่ฮ่องเต้ แต่หากเป็นไปได้แล้วจริงๆ ฉางหนิงเป็นเจ้าหญิง เมื่อแต่งงานไปแล้วจะมีตำหนักของเจ้าหญิง ส่วนผู้ชายของเจ้าหญิงในราชวงศ์ของข้า จะไม่ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงาน ดังนั้น หากพวกเขาได้เป็นคู่ครองกันแล้ว ทั้งสองออกมาใช้ชีวิตด้วยกัน ราชบุตรเขยจงรักภักดีต่อราชวงศ์ เจ้าหญิงดูแลความเป็นอยู่ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่รบกวนจวิ้นจู่”
คำพูดของหยวนชิงหลิงถือเป็นการบอกจวิ้นจู่ใหญ่อาน ต่อไปพวกเขาแต่งงานแล้ว ก็จะไม่อาศัยอยู่กับนาง ไม่ฟังคำสั่งของนาง
สีหน้าจวิ้นจู่ใหญ่อานค่อนข้างรับไม่ได้ แต่ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนี้ เจ้าหญิงมีสถานะสูงศักดิ์ ยังไงก็ต้องอาศัยอยู่ในจวนตำหนักเจ้าหญิง แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ หลานชายของตนเองก็ไม่กลายเป็นเหมือนอย่างบ่าวใช้หรือ?
และความรุ่งโรจน์เกียรติยศของพวกเขาในอนาคต ก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตนเอง กระทั่งยังจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ เพราะยังไงที่ผ่านมานางก็เคยพูดจาดูถูกคนอื่นแบบนั้น
“จวิ้นจู่ใหญ่ เจ้าอย่าถือสาที่ข้าพูดจาตรงไปตรงมา ที่ข้าตามเจ้าเข้าวังมาในวันนี้ ก็เพื่ออยากจะเตือนเจ้า ครอบครัวของเจ้าหญิงฉางหนิงอยู่ในวัง พ่อแม่ของนางนอกจากเจ้าพระยาจงภักดีสองสามีภรรยาแล้ว ยังมีฮ่องเต้กลับข้า และก็ตระกูลหยวน พูดตามสถานะแล้ว นางสูงศักดิ์กว่าเจ้าไม่รู้เท่าไหร่ หากใครคิดรังแกนาง อย่าแม้แต่จะคิด คำพูดพวกนี้ข้าไม่พูดต่อหน้าพวกลูกๆ เพราะพวกเขาไม่เคยคิดคำนึงถึงสถานะ พวกเขาบริสุทธิ์ใจอย่างมาก คำพูดพวกนี้ข้าเอามาพูดกับเจ้า คำพูดไม่ดีเราเป็นพ่อแม่เป็นผู้ใหญ่มาคุยกัน เรื่องไม่ดีเราเป็นพ่อแม่เป็นผู้ใหญ่กระทำกัน พวกลูกๆ จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลใจ หากหวังดีกับพวกเขาจริงๆ ก็ควรที่จะอวยพรไม่ใช่ต่อต้าน ดังนั้นขอให้จวิ้นจู่ใหญ่ฟังคำพูดของข้าไว้ให้ดี หากต่อไปฉางหนิงแต่งงานไปแล้ว จวิ้นจู่ใหญ่รังแกนาง ข้าก็มีวิธีจัดการเจ้า รับรองว่าจวิ้นจู่อันสูงศักดิ์ของเจ้า ได้กลายเป็นดินโครนแน่”
น้อยครั้งมากที่หยวนชิงหลิงพูดจาโหดขนาดนี้ โดยเฉพาะหลายปีมานี้ได้ฝึกฝนตนเองมากยิ่งขึ้น เป็นกันเองและจริงใจ พูดคำพูดที่เป็นการข่มขู่ผู้อาวุโสออกมา แสดงว่าในใจของนางโกรธจัดอย่างมากแล้ว
สีหน้าจวิ้นจู่ใหญ่อานขาวซีดทันที ความโกรธความอับอายปนเปกัน แต่ในใจก็หวาดกลัวหวั่นไหว ตำแหน่งจวิ้นจู่ที่นางให้ความสำคัญที่สุด ความเป็นเชื้อพระวงศ์ที่สูงศักดิ์ ฮองเฮาสามารถที่จะพูดเช่นนี้กับนางได้
เนิ่นนาน ใบหน้าที่ขาวซีดของนาง ค่อยๆ ฉีกยิ้มอย่างแข็งกระด้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาวางใจ หากเจ้าหญิงฉางหนิงแต่งงานกับชิงหวาแล้วจริงๆ ข้าน้อยจะให้ความสำคัญอย่างยิ่ง”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “เจ้าพูดมาเช่นนี้ ข้าก็วางใจ เจ้าก็อย่าถือสา คนเป็นพ่อแม่ ยังไงก็ต้องคิดเผื่อลูก นี่ล้วนเป็นความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก ฮูหยินน่าจะเข้าใจ”
สีหน้าจวิ้นจู่ใหญ่อานย่ำแย่ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าใจ ข้าน้อยเข้าใจ”