บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1934 ได้เจอกันแล้ว
สายตาของเขาก็กำลังมองไปรอบ ๆ เถียนเถียนอาศัยอยู่ในวัง ไม่รู้ว่าจะมีวาสนาได้เจอกันสักครั้งไหม?
แต่พระราชวังใหญ่ขนาดนี้ หากจะเจอก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาไม่เชื่อโชควาสนา เพราะวาสนาของเขาล้วนได้มาจากความพยายามของตนเอง
เมื่อกี้สีหน้าฮ่องเต้เคร่งขรึม ถึงแม้เขามีความในใจอยากถามฮ่องเต้ อยากมั่นใจว่าหากสอบจอหงวนได้แล้วจะยกเถียนเถียนให้เขาไหม แต่ก็ไม่กล้าถาม ห้องทรงพระอักษรถือเป็นสถานที่ค่อนข้างเป็นการเป็นงาน ถามเรื่องแต่งงานเรื่องความรัก ไม่เป็นการเหมาะสม
ตอนนี้เขาให้ความสำคัญความคิดเห็นของฮ่องเต้อย่างมาก ความสุขของตนเองอยู่ในมือของเขา
เมื่อคิดอยู่เช่นนี้ แล้วก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งหันหน้ามาจากในหมู่ดอกโบตั๋น เห็นนางสวมชุดกระโปรงสีฟ้า แขนระบายสีลาเวนเดอร์ แลดูผอมเพรียวร่าเริงสดใส
ในใจปีติยินดี แต่เมื่อจ้องมองดูใบหน้าของนาง ถึงแม้จะงดงาม แต่ไม่ใช่คนที่เขาอยากเห็นคนนั้น ความปิติในสายตาจางหายไปทันที รวบสายตากลับแล้วก็หันมองไปทางอื่น
“คุณชายหม้าย นางคือเจ้าหญิงเฉาหยางคนที่ฮ่องเต้โปรดปรานรักใคร่ที่สุด เป็นธิดาของฮ่องเต้กับฮองเฮา สถานะสูงศักดิ์” ไม่รู้ว่าจู่ ๆ มู่หร่งกงกงก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้เขาตกใจแทบแย่
เสี่ยวหม้ายหันกลับมาพร้อมพูดขึ้นว่า “ที่แท้ก็คือเจ้าหญิงเฉาหยาง ข้าเป็นชายไม่สมควรพบเจอเจ้าหญิง จะเป็นการล่วงเกินเจ้าหญิง เรากลับกันเถอะ”
“คุณชายหม้ายไม่ไปทักทายหรือ?” มู่หร่งกงกงถามขึ้น เมื่อกี้เขาหลบอยู่ด้านข้าง เพื่อคอยดูท่าทีตอนที่คุณชายหม้ายเห็นเจ้าหญิง ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
คิดไม่ถึงว่าเขาจะหันหน้าไป จึงรีบออกมาพูดแนะนำสถานะ ดูว่าจะมีท่าทีเปลี่ยนไปไหม
“ไม่ต้อง คิดว่าเจ้าหญิงก็คงไม่อยากให้ใครไปรบกวนเวลาชมดอกไม้” เสี่ยวหม้ายพูดเสร็จ แล้วก็เดินกลับไปทางเดิม
มู่หร่งกงกงเดินตามหลัง เดินไปได้ประมาณสิบกว่าก้าว มู่หร่งกงกงก็พูดขึ้นว่า “เอ๋? นั่นคือเจ้าหญิงฉางหนิงไม่ใช่หรือ?”
ฝีเท้าเสี่ยวหม้ายแทบหยุดชะงักทันที แล้วก็รีบหันไปทางด้านที่มู่หร่งกงกงชี้ ในใจตื่นเต้น แล้วก็เต้นแรงตึกตักขึ้นมา คือนาง คือนางจริง ๆ ด้วย
นางสวมชุดสีเหลืองห่าน มวยผมขึ้นแลดูสดใสร่าเริง พานางกำนัลคนหนึ่งแล้วกำลังเดินมาทางด้านอุทยานอวี้ฮัว นางหันมองดูรอบ ๆ เหมือนกำลังตามหาใคร
ฝีเท้าของเขาเดินไปทางด้านที่นางอยู่อย่างยับยั้งไม่ได้ มู่หร่งกงกงรีบดึงเขาไว้พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณชายหม้าย อย่ารบกวนเจ้าหญิงชมดอกไม้สิ”
เสี่ยวหม้ายพูดขึ้นอย่างเหตุผลถูกต้องและวาทเต็มไปด้วยสัจธรรมว่า “ในเมื่อเจอเจ้าหญิงแล้ว จะไม่ทักทายทำความเคารพได้อย่างไร? ไม่เป็นการเสียมารยาทไปหรือ?”
“แต่เมื่อกี้เจ้าเห็นเจ้าหญิงเฉาหยาง บอกว่า…..”
“จะเหมือนกันได้อย่างไร? เมื่อกี้เจ้าหญิงเฉาหยางกำลังชมดอกไม้ จึงไม่ควรไปรบกวน แต่เจ้าหญิงฉางหนิงยังไม่ได้เริ่มชมดอกไม้ ไม่ถือว่าเป็นการรบกวน”
พูดเสร็จ แล้วก็ก้าวเท้ายาวไปหาเจ้าหญิงฉางหนิง
มู่หร่งกงกงเม้นริมฝีปาก นี่ไม่ใช่สองมาตรฐานที่ฮองเฮาชอบพูดถึงหรือ? เดิมฮองเฮาพูดว่าฮ่องเต้ ทำไมใช้กับคุณชายหม้ายก็เหมาะสม?
ถังกั่วเอ๋อมาตามหาฮองเฮา เมื่อกี้มีคนมาตาม ให้นางมาเดินชมดอกไม้เป็นเพื่อนฮองเฮา แต่เมื่อมาถึงอุทยานอวี้ฮัว กลับไม่เห็นฮองเฮา แต่เห็นน้องเจ๋อหลานหลบหายไปอย่างลับๆ ล่อๆ
ก่อนหน้านี้น้องเจ๋อหลานเคยบอกว่า ฮองเฮาเตรียมที่จะให้นางกับคุณชายหม้ายได้เจอกัน แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่ นางเห็นน้องเจ๋อหลานแต่งตัวอย่างงาม แล้วหลบจากไปอย่างลับๆ ล่อ จึงรู้แล้วว่าเป็นวันนี้
ฝีเท้าของนางลังเลขึ้นมาทันที ในใจโมโห ทำไมเมื่อกี้ถึงคิดไม่ได้? จนลืมแต่งตัว ออกมาด้วยใบหน้าสดแบบนี้ หวีผมมวยอย่างขอไปทีแล้วก็ออกมา จะเป็นการเสียมารยาทไหม?
เมื่อดวงตาเป็นประกาย ก็เห็นเขาเดินมุ่งหน้ามาหาตน ท่าทีหาญกล้าจากการฝึกฝีมือการต่อสู้ที่สำรวม เผยให้เห็นถึงจิตวิญญาณนักปราชญ์ ใบหน้ารูปหยกภายใต้แสงพระอาทิตย์สาดส่อง แลดูโดดเด่นอย่างบอกไม่ถูก
ในใจนางตื่นเต้น นางที่เป็นคนใจกว้างมาตลอด กลับไม่รู้ว่าจะตอบสนองยังไง
วันนั้นปีนขึ้นไปบนกำแพงบ้านของเขา แม้จะน่าอับอาย แต่ก็คิดว่าตนเองไม่ได้เปิดเผยสถานะ ดังนั้นจึงน่าจะผ่านไปได้
แต่ตอนนี้ ทั้งสองครอบครัวได้ปรึกษากันถึงเรื่องแต่งงาน เขาเองก็กำลังเตรียมสอบ เพียงเพื่อให้ได้แต่งงานกับนาง เจอหน้ากันภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“แม่นางสวี” ในขณะที่ไม่รู้จะทำยังไง เขาก็มาถึงตรงหน้าแล้ว ร้องเรียกขึ้นอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงอ่อนโยน
เขาไม่ได้เรียกว่าเจ้าหญิง และก็ไม่ได้เรียกนางว่าแม่นางเถียนเถียน พูดตามความจริง หากเขาเรียกนางว่าแม่นางเถียนเถียน นางจะมุดเข้าไปในดิน อับอายอย่างที่สุด
ยังไงก็เคยร่ำเรียนเรื่องมารยาทมาก่อน กั่วเอ๋อรวบเก็บอารมณ์ของตนเองอย่างรวดเร็ว ท่าทีสง่างาม ย่อตัวพร้อมพูดขึ้นว่า “สวัสดีคุณชายหม้าย”
ในเมื่อรู้จักกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกัน
เขายิ้มแย้มอย่างสดใส ราวกับอารมณ์ดีอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “บังเอิญจังเลย ที่ได้เจอกับเจ้าที่นี่”
กั่วเอ๋ออมยิ้ม สบตาเขาแล้วก็พูดขึ้นว่า “ใช่ คุณชายหม้ายเข้าวังมาเข้าเฝ้าหรือ?”
ไม่ได้ สายตาเขาร้อนรุ่ม ไม่มั่นคง รีบหันไปทางอื่นอย่างพ่ายแพ้