บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1935 มีเรื่องพูดคุยกัน
ความปีติยินดีอย่างท่วมท้นของเสี่ยวหม้ายปรากฏให้เห็นบนใบหน้าทั้งหมด มู่หร่งกงกงเติมที่ตามมาด้วยอยากจะพูดอะไรบ้าง แต่หันหลังไปมองเห็นเจ้าหญิงสุดที่รักของเขาหลบอยู่ตรงระเบียง แล้วก็คิดถึงเมื่อกี้เจ้าหญิงถูกคุณชายเสี่ยวหม้ายมองเมิน ไม่แม้แต่จะไปทักทาย ไม่รู้ว่าเจ้าหญิงจะเสียใจไหม?
อันดับภายในใจของมู่หร่งกงกง เจ้าหญิงกวากวาอยู่อันดับหนึ่ง ความทุกข์ความดีใจของนางเขาล้วนให้ความสำคัญทุกอย่าง ดังนั้นจึงไม่ทันได้สนใจสองคนนี้แล้ว รีบกลับไปปลอบใจเจ้าหญิง
ตายแน่แล้ว เจ้าหญิงถูกมองเมิน คุณชายเสี่ยวหม้ายคนนั้นยังไงก็ไม่ใช่คนดี
รอเมื่อเขากลับไปถึงตรงระเบียงแล้วเห็นเจ้าหญิง กำลังจะพูดทักทาย กลับถูกมือด้านข้างเอื้อมออกมา คว้าแขนของเขาไว้ แล้วก็ได้ยินเสียงองค์ชายรัชทายาทพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “กงกง รีบซ่อนตัวไว้ พวกเราจะแอบดู”
แล้วเขาค่อยเห็นว่าองค์ชายรัชทายาทกับองค์ชายรองก็อยู่ด้วย ทั้งสามคนหรี่ตามองออกไปไกล มู่หร่งกงกงรีบหลบอยู่ข้างหลังพวกเขา กลับไม่คิดว่าข้างหลังพวกเขายังมีคนอยู่ เมื่อหันกลับไปดูอีกครั้ง โอ้…..ฮ่องเต้ฮองเฮา สวีอีกับฮูหยินสวีอีล้วนอยู่ด้วย
ดวงตาแต่ละคู่ ราวกลับไปประกายความสว่างไสวจ้องมองดูทางนั้นอย่างไม่ละสายตา
ทางด้านนั้น ชายหนุ่มกับหญิงสาวเดินอยู่ในอุทยานอวี้ฮัวทั้งสองเดินเคียงคู่กัน เสี่ยวหม้ายบดบังกั่วเอ๋อไว้ทั้งหมด แสดงว่าฝีเท้าของทั้งสองคนเดินไปพร้อม ๆ กัน
เสี่ยวหม้ายไม่คิดว่าจะได้เจอโดยบังเอิญ จึงไม่ได้เตรียมตัวว่าจะพูดคุยอะไรกัน โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นนางแล้วก็ตื่นเต้นอย่างมาก วันนั้นไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ ยังไงที่นี่ก็เป็นในพระราชวัง รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างบอกไม่ถูก
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อน จึงเชื้อเชิญให้เดินเล่นชมดอกไม้ ครุ่นคิดอย่างหนักเพื่ออยากหาเรื่องคุยกัน แต่ก็หาไม่เจอ
ราวกับไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไรก็แลดูไร้เดียงสามาก
แต่เดิมกั่วเอ๋อก็รู้ก่อนแล้วว่าพวกเขาจะได้เจอกัน ถึงแม้เมื่อกี้จากค่อนข้างไม่ทันตั้งตัว แต่ตอนนี้ได้สติกลับมาแล้ว ในใจของนางค่อนข้างโล่งอก เห็นเขาไม่พูดอะไรจึงพูดขึ้นว่า “ได้ยินว่าคุณชายกำลังเตรียมสอบ ไม่รู้ว่ามีความมั่นใจไหม?”
เสี่ยวหม้ายพูดออกมาว่า “จอหงวน มุ่งมั่นที่จะต้องชนะ”
พูดเสร็จแล้วก็ค่อนข้างเสียใจ แม่นางจะเห็นว่าเขาไม่ประมาณตนไหม
แต่แม่นางก็ไม่ได้แลดูมีท่าทีแปลกไป ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ กลับหน้าแดงขึ้นมา
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือเมื่อกั่วเอ๋อได้ยินประโยคนี้แล้ว ก็คิดเป็นอีกประโยคหนึ่งอย่างไม่รู้ตัวว่า แต่งงานกับเจ้า มุ่งมั่นที่จะต้องสำเร็จ
เพราะเมื่อสอบได้จอหงวน หวู่ปายปายก็จะให้แต่งงาน
สารภาพรักอย่างตรง ๆ เช่นนี้ หญิงสาวจะไม่หน้าแดงได้อย่างไร?
ตรงที่ไกลออกไป คนที่หูดีที่สุดในกลุ่มเริ่มบ่นพึมพำขึ้นมาแล้วว่า
“ทำไมไม่คุยกันล่ะ? เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องทรงพระอักษรพูดเป็นต่อยหอย พูดเสียยืดยาว แค่แป๊บเดียวเอง กลายเป็นใบ้เสียแล้ว?”
“เอียงอายอยู่” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำแล้วเหลือบมองดูเขาแวบหนึ่ง ดูก็ดูเฉยๆ ไม่ต้องพูดมากได้ไหม?
“เอียงอาย? เป็นผู้ชายอกสามศอกยังเอียงอาย?” เจ้าห้าแสดงท่าทีไม่พอใจ
“เงียบ” หยวนชิงหลิงกลับรู้สึกว่าแบบนี้ถึงจะปกติ อยู่กับคนที่ตนรัก และหลังจากมีความตั้งใจดังว่า ครั้งแรกที่ได้เจอกันได้คุยกันจะต้องเอียงอายแน่นอน
เจ๋อหลานรู้ว่าพ่ออึดอัดใจ จึงรีบไปพูดกระซิบข้างหูของเขาว่า “พ่อ ข้าเคยไปแอบสืบมา คุณชายเสี่ยวหม้ายเตรียมสินสอดไว้มากมาย อย่างที่พ่อคิดไม่ถึง”
หยู่เหวินเห้ายิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม คนคนนี้คบได้”
หยวนชิงหลิงมองดูเขาแวบหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “สำหรับเจ้า ถ้าให้เงินมาแล้วคนอะไรก็คบได้หรือ?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “อย่างน้อยก็น่าคบกว่าคนที่ไม่ยอมเสียเงินเลยสักบาท”
หยวนชิงหลิงหรี่ตาลง อดไม่ได้ที่จะพูดล้อเล่นขึ้นว่า “ต่อไปไปมาหาสู่พวกเสด็จปู่ใหญ่น้อยครั้งหน่อย อย่างอื่นไม่เรียนรู้มา ได้แต่ความยากจนและตระหนี่มา”
หยู่เหวินเห้ามองดูภรรยาของตนเองอย่างน่าสงสาร พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่น่าจะไม่ใช่ติดมา อาจเป็นเพราะกรรมพันธุ์”
เขาก็ไม่อยาก แต่ความตระหนี่ของตระกูลหยู่เหวิน เหมือนจะฝังอยู่ในกระดูกแล้ว
“ไม่ต้องคุยกัน พวกเขาคุยกันแล้ว เราตั้งใจฟังให้ดี” ดวงตาทั้งคู่ของสวีอีจ้องมองด้านหน้า ตั้งใจฟังอย่างแน่วแน่
ทุกคนรีบรวบรวมสติ แล้วหันไปมองพร้อมกัน
แล้วก็ได้ยินถังกั่วเอ๋อ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชมว่า “จริงหรือ? ดาบเล่มนั้นของเจ้าเจ้าทำขึ้นมาเองหรือ? ข้ายังคิดว่าเจ้าซื้อกลับมา เจ้าเก่งขนาดนี้เลยหรือ แม้แต่อาวุธก็หล่อขึ้นมาเอง”
หาหัวข้อที่สามารถคุยกันได้อย่างเหมาะสมแล้ว เสี่ยวหม้ายแลดูดีใจอย่างมาก แววตาเต็มไปด้วยความสดใส พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เพียงแค่ดาบ อาวุธที่เจ้าเห็นในวันนั้น ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นข้าหล่อขึ้นมาเอง อาจารย์ที่สอนฝีมือการต่อสู้ให้กับข้าเป็นคนหลงรักอาวุธ เขารักชอบการทำอาวุธ เขายังเคยเป็นอาจารย์หล่ออาวุธในกรมทหาร ขณะที่เขาสอนข้าฝึกฝีมือการต่อสู้ก็จะสอนการหล่ออาวุธไปด้วย”
“งั้นเจ้ามีโรงงานหล่อเป็นของตัวเองไหม?” สายตากั่วเอ๋อเป็นประกายสว่างไสวยิ่งกว่าแสงอาทิตย์แล้ว
เสี่ยวหม้ายพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “มี เจ้าอยากไปไหม? วันหลังข้าพาเจ้าไปดู”
ถังกั่วเอ๋อแทบอดไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นมาเพราะดีใจ แต่ยังคงยับยั้งความตื่นเต้นไว้ในใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าอยากไปมาก อยากไปมาก”
เสี่ยวหม้ายมองดูหญิงสาวที่ดีใจขนาดนี้ ความปีติยินดีในใจยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดีมากเลย ในที่สุดก็หาสิ่งที่รักร่วมกันได้แล้ว ต่อไปไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเรื่องอะไรคุยกันแล้ว