บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1936 ยังไงก็ต้องปลอบพ่อ
คนที่เดินจากไปก่อนคือสวีอีกับเจ้าห้า ในใจของพ่อทั้งสองคนนี้ยังไงก็รู้สึกเสียใจ
โดยเฉพาะสวีอีตอนที่เห็นแววตากั่วเอ๋อจ้องมองดูผู้ชายคนนั้น ความรู้สึกนั้นราวกับถูกหนูข่วนหัวใจ ไม่เจ็บปวดมาก แต่ก็รู้สึกไม่ดี
เจ้าห้าก็เสียใจ สรรพสิ่งล้วนมีกฎเกณฑ์ของมันเอง พระอาทิตย์ขึ้นก็ต้องมีพระอาทิตย์ตกฉันใด ลูกสาวต้องแต่งงานฉันนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงตามเจตจำนง
คิดจากกั่วเอ๋อไปถึงเจ๋อหลาน นับตั้งแต่เจ๋อหลานมาถึงโลกใบนี้ บางครั้งก็เหมือนเป็นการเสียดสีมาก จากตั้งครรภ์จนถึงคลอดออกมา จากเริ่มพูดจาจนถึงสามารถโต้เถียงได้ จากความไม่รู้และความเยาว์วัยสู่การท่องโลก ทุกย่างก้าวที่ลูกก้าวไป ล้วนแยกจากครอบครัวไม่ได้
แต่จู่ๆ ก็จะมีอีกคนหนึ่งปรากฏ คนคนนั้นไม่เคยมีส่วนร่วมในชีวิตก่อนหน้านี้ของนาง แต่กลับสามารถมีส่วนร่วมในชีวิตที่เหลือของนาง และกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนางคนนั้น พ่อแม่ญาติพี่น้องกลับต้องถอยห่างทีละก้าว
ลูกสาวคนหนึ่งที่เลี้ยงดูมาอย่างยากลำบาก ก็เพื่อยกให้กับคนอื่น? เหนื่อยเปล่าหรือ?
หรือว่าทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเวรกรรมของผู้ชาย? เพราะเขาแย่งลูกสาวของคนอื่นมาจากพ่อแม่อีกคนหนึ่ง ลูกสาวคนนี้ก็เห็นเขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดในเวลาต่อมา พ่อแม่คนนั้นก็รักษาความเจ็บปวดอยู่ตรงมุมหนึ่งอย่าเงียบๆ ลูกเขยมาแล้ว ยังต้องต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม แสดงท่าทีชื่นชอบอย่างที่สุด
คิดแบบนี้ ในใจค่อยรู้สึกสบายขึ้นมาหน่อย
“ฮ่องเต้ จู่ๆ ข้าน้อยก็อยากดื่มเหล้า” สวีอีก้มหน้าก้มตาพูดขึ้น
เผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเลือก สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ก็คือดื่มเหล้านิดหน่อย แล้วก็หวนคิดถึงภาพตอนที่นางยังเด็ก
“ไปสิ ข้าดื่มเป็นเพื่อนเจ้า” เจ้าห้าตบไหล่ของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องเศร้าแบบนี้ กลับต้องให้เจ้าเห็นเป็นเรื่องน่ายินดี น่าเศร้าใจจริงๆ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าน้อยจะร้องไห้แล้ว” สวีอีสะอึกสะอื้น หันกลับไปมองดูแวบหนึ่ง พวกเขาเดินไปในสระน้ำนั่งลงในศาลาแล้ว ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันบ้าง กั่วเอ๋อยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข
ต้องโทษตัวเอง อายุขนาดนี้แล้วสายตาก็ยังดีอยู่
หยวนชิงหลิงกับอะซี่ก็กลับไปแล้ว เทียบกับความรู้สึกของผู้ชาย เมื่อผู้หญิงเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ อาจจะมีความเสียใจอยู่บ้าง แต่ความยินดีมีมากกว่า เพราะลูกสาวได้เจอคนที่ใช่คนนั้นแล้ว ซึ่งสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
พวกซาลาเปาเจ๋อหลานก็กลับไปแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่พอใจ สามีในอนาคตของกั่วเอ๋อ ดูแล้วก็ไม่เลวจริงๆ
หางตาซาลาเปาฉายแววโหดเหี้ยม เจ้าเสี่ยวหม้าย เขาจะต้องได้มาอย่างแน่นอน
เสี่ยวหม้ายกับถังกั่วเอ๋อคุยกันนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เวลามีความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว รอเมื่อมู่หร่งกงกงมาเร่ง บอกว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว เสี่ยวหม้ายค่อยรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก
มองดูถังกั่วเอ๋ออย่างทำใจไม่ได้ ดวงตาอันอบอุ่นไม่อยากละสายตาจากใบหน้าของนาง ภายใน 1 ชั่วโมงนี้ พวกเขาคุยกันเริ่มตั้งแต่การหล่อหลอมอาวุธจนถึงการฝึกฝีมือการต่อสู้ จากอันดับยอดฝีมือในยุทธภพจนถึงความคาดหวังในอนาคต ความคิดเห็นของทั้งสองคนเข้ากันได้อย่างที่สุด
ความรู้สึกดีดีที่มีอยู่ในใจของเสี่ยวหม้าย ได้กลายเปลี่ยนเป็นความชอบอย่างแท้จริง ยังมีสิ่งที่น่าดีใจอย่างยิ่งอย่างหนึ่ง นั่นก็คือที่แท้ก็สามารถเข้ากับนางได้ดีขนาดนี้
เดิมถังกั่วเอ๋อก็กลัวว่าเขาจะเป็นคนน่าเบื่อหน่าย แต่หลังจากที่ได้คุยกันในครั้งนี้ นางมั่นใจว่าตนเองได้เจอกับคนที่เป็นเนื้อคู่คนนั้นแล้ว
มองดูเสี่ยวหม้ายกลับไป ระลอกคลื่นในดวงตาของนางยังไม่หายไป รอเมื่อหันกลับมา นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไปคิดบัญชีกับเสี่ยวกวา
ภายในตำหนักด้านข้าง เจ๋อหลานรีบพูดร้องขอว่า “ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่เห็นแก่เล่นอีก จากไม่หาเรื่องล้อเล่นพี่เขยเอง”
“เจ้าพูดไปเรื่อยๆ อะไรกัน?” ถังกั่วเอ๋อคว้าจับข้อมือของนางไว้ แล้วก็ตบบนไหล่ของนางหลายที ใบหน้าแดงระเรื่อ พร้อมพูดขึ้นอย่างทำเป็นโมโหว่า “พูดไปเรื่อยอีก ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่”
นางนั่งลง เจ๋อหลานกลับยิ้มหัวเราะแล้วขยับไปนั่งใกล้นาง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สาว รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”
ใบหน้าถังกั่วเอ๋อยังร้อนรุ่ม แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเล่าให้น้องสาวฟังว่า “รู้สึกว่าเขาพูดจาน่าสนใจ มีความรู้อย่างมากด้วย เขายังหล่ออาวุธเป็น บอกว่าวันหลังจะพาข้าไปดูโรงงานของเขา ยังบอกว่าจะให้ดาบแก่ข้าเล่มหนึ่ง วันนั้นก็จะให้ข้าแล้ว แต่ข้าไม่เอา”
“พี่สาว มีความสุขไหม?” เจ๋อหลานยิ้มหัวเราะพร้อมถามขึ้น
“มีความสุข….อืม ก็ปกติ รู้สึกว่าเป็นคนที่ดีเชื่อถือได้คนหนึ่ง” ถังกั่วเอ๋อหันหน้าไป กลัวว่าเจ๋อหลานจะเห็นถึงความปีติยินดีในดวงตาของนาง
“ดีจังเลย” เจ๋อหลานขยับมาใกล้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ก็รอคุณชายหม้ายสอบ จากนั้นกำหนดเรื่องแต่งงาน คิดไม่ถึงเลยว่า เจ้าจะได้แต่งงานเร็วยิ่งกว่าพี่ใหญ่ เมื่อกี้ท่าทีท่านลุงสวีแลดูโศกเศร้ามาก คนเป็นพ่อยังไงก็ไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงาน เจ้ากลับไปปลอบเขาด้วย พูดคุยอยู่กับเขา ให้เขารู้ว่าถึงแม้เจ้าจะแต่งงานแล้ว แต่คนที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นเขา อย่างน้อยก็ต้องให้เขารู้สึกแบบนี้”
มีบางครั้งคนเป็นพ่อก็ต้องการให้พูดจาอ่อนหวานที่สุด ไม่ว่าจริงหรือเท็จ เมื่อฟังแล้วยังไงก็มีความสุข