บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1937 ไปรับท่านย่ากลับมา
ในเรื่องการพูดปลอบพ่อ เจ๋อหลานมีประสบการณ์ พ่อมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนไหวอย่างที่สุด ทำให้นางกับแม่ เห็นว่าพ่อแลดูอ่อนไหวอ่อนแอที่สุด โศกเศร้าเสียใจได้ง่ายมาก
ถังกั่วเอ๋อออกมาจากความสุขแห่งความรักซึ่งกันและกัน เชื่อฟังคำพูดของเจ๋อหลาน แล้วก็กลับไปปลอบพ่อ
สวีอีดื่มกับฮ่องเต้ของเขาจนเมาแล้วก็กลับมาที่ห้อง ช่วงนี้เขามีเรื่องไม่สบายใจมากมาย แต่เรื่องพวกนี้กลับต้องเห็นเป็นเรื่องน่ายินดี อย่างเช่นเขาถูกแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพระยา ไม่ช้าก็จะมีจวนเป็นของตนเองแล้ว เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานได้เป็นเจ้าพระยา เป็นเรื่องน่ายินดีใช่ไหม?
อย่างเช่นลูกสาวเตรียมจะแต่งงานแล้ว สามีในอนาคตก็เป็นคนดีมาก เป็นที่น่าพอใจ นี่ก็เป็นเรื่องน่ายินดีใช่ไหม?
แต่เขากลับไม่มีความสุข เขาคือสวีอีที่ไม่มีวิสัยทัศน์อะไร แค่อยากมีชีวิตที่สงบสุข ต้องโทษที่ตนเองมักถูกคนอื่นรังแกแล้วไม่ตอบโต้ จึงทำให้ฮ่องเต้จำเป็นต้องปกป้องเขา แต่งตั้งให้เป็นเจ้าพระยา ดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นบุญวาสนาของลูกหลาน แต่ที่ต้องเสียสละคือชีวิตที่สงบสุขมาตลอดของเขา
เขาหวังอยากให้ชีวิตดำเนินเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต
เมื่อกี้ตอนที่ดื่มเหล้า จู่ฮ่องเต้ก็เอามือมาวางบนไหล่ของเขา แล้วก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง ทำให้เขาเกือบร้องไห้
ฮ่องเต้พูดว่า สักวันหนึ่ง คนข้างกายก็ต้องจากไปทีละคน รอถึงตอนนั้นแล้วหวนคิดถึงตอนที่ลูกสาวแต่งงาน ก็จะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร
มีบางครั้งช่างน่าโมโหฮ่องเต้จริงๆ ทำไมจะต้องพูดอะไรตรงขนาดนี้? ทำไมจะต้องพูดถึงความจริงของชีวิต? เขาเป็นคนที่สามารถทนรับได้แบบนั้นหรือ?
การเป็นครูยังต้องสอนนักเรียนตามความถนัด เป็นฮ่องเต้แล้วทำไมไม่สั่งสอนตามอุปนิสัยของขุนนาง?
ถังกั่วเอ๋อยกน้ำแกงสร่างเมามาให้กับพ่อด้วยตนเอง ประคองเขาขึ้นมานั่งบนเตียงหลัวฮั่น พร้อมพูดขึ้นด้วยดวงตาแดงๆ ว่า “หากเพราะเรื่องแต่งงานของข้าแล้วทำให้พ่อลำบากใจ หรือทำให้พ่อรู้สึกไม่มีความสุข ลูกยอมที่จะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต ในใจของลูก ไม่มีใครในโลกที่สำคัญไปกว่าพ่อกับแม่”
สวีอีอยู่กับหยู่เหวินเห้ามานาน ยังไงก็ถูกกลมกลืน หยู่เหวินเห้าไม่สามารถต้านทานคำพูดเช่นนี้ของลูกสาว ตอนนี้สวีอีก็เหมือนกัน
เพียงเพราะประโยคเดียวที่พูดว่า ไม่มีใครในโลกที่สำคัญไปกว่าพ่อกับแม่ ทำให้ความโศกเศร้าในใจสวีอี ปกคลุมไปด้วยความหวานซึ้ง เขาเชื่อทุกคำพูดของลูกสาว ลูกสาวไม่เคยโกหกใคร
เรื่องงานแต่งงาน ถูกกำหนดไว้ในใจของผู้ใหญ่ทุกคน ท่านย่าตระกูลหยวนสั่งคนมาทำบัตรแลกเปลี่ยนประวัติกัน ทางด้านจวิ้นจู่ใหญ่อานก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก พูดคุยกับท่านย่าตระกูลหยวนอย่างอบอุ่น พูดถึงความดีของหลานตัวเองอยู่ตลอด
ท่านย่าตระกูลหยวนก็เป็นคนเฉลียวฉลาด ไม่มีเรื่องกับใคร แต่ในใจเห็นทุกอย่างราวกับกระจก จวิ้นจู่ใหญ่อานมายังจวนหยวนบ่อยๆ นางก็เพียงวางตัวเป็นคนดูละคร ไม่เชื่อว่าต่อไปนางจะปฏิบัติดีต่อกั่วเอ๋อ
โชคดีที่ฮองเฮาเคยพูดเตือนนางแล้วในก่อนหน้านี้ ต่อไปกั่วเอ๋อแต่งงานจะมีตำหนักเป็นของตนเอง ไม่ต้องคอยรองรับอารมณ์ของนาง
ทุกคนต่างกำลังแอบเตรียมสินสอดของกั่วเอ๋อ ในพระราชวัง ตระกูลหยวน ตระกูลสวีต่างเตรียมไว้พร้อมกัน บอกว่าขบวนสินสอดยาวสิบลี้ก็ไม่เกินไป
จัดเตรียมเรื่องสินสอดเสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงก็กลับไปยังยุคปัจจุบัน ไปดูสุขภาพของท่านย่า
ท่านย่าหายดีขึ้นมาก หลังจากการรักษาทุกครั้งสถิติออกมาดีอย่างมาก แต่ต่อไปยังต้องใช้ยาตลอด โชคดีที่ กล่องยาของหยวนชิงหลิง ก็สามารถจัดสรรยาพวกนี้ได้
ดังนั้นนางจึงถามท่านย่า ว่าอยากกลับไปอยู่ที่เป่ยถังสักพักไหม
ท่านย่าอยากกลับไปอยู่แล้ว ไม่เจอพวกเขาตั้งนานมากแล้ว ในใจคิดถึงอย่างมาก
นางคิดว่าหลังจากกลับไปแล้ว ก็สะดวกแก่การพักรักษาตัว
ตอนที่หยวนชิงหลิงถามอู๋ซ่างหวง อู๋ซ่างหวงยักไหล่ พร้อมพูดขึ้นว่า “แล้วแต่ ข้าไปอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน ใช้ชีวิตให้มีความสุขกับสภาพการณ์นั้นๆ”
“ถังกั่วเอ๋อเตรียมแต่งงานแล้ว”
อู๋ซ่างหวงรีบพูดขึ้นว่า “เตรียมแต่งงานแล้ว คุณชายตระกูลไหน? นิสัยเป็นยังไง? บุคลิกลักษณะเป็นยังไง? บู๋นหรือบู๊?”
“หลานของจวิ้นจู่ใหญ่อาน ชื่อหม้ายชิงหวา เก่งทั้งบู๋นทั้งบู๊ รูปงาม บุคลิกลักษณะนิสัยล้วนเป็นเลิศ”
อู๋ซ่างหวงได้ยินว่าเป็นคนตระกูลจวิ้นจู่ใหญ่อาน ก็พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “ครอบครัวของนางเรื่องเยอะ นางก็เป็นคนปากพล่อย จิตใจนางเหี้ยมโหด วางตนเองสูงศักดิ์ มองคนอื่นยังต่ำต้อย เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้ด้วยหรือ?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ อู๋ซ่างหวงรู้จักนิสัยของจวิ้นจู่ใหญ่อานเป็นอย่างดีจริงๆ
“เห็นด้วย ตอนนี้สวีอีเป็นถึงเจ้าพระยาจงภักดีแล้ว มีจวนประจำตำแหน่งเจ้าพระยา จะไม่คู่ควรกับครอบครัวของนางหรือ? อีกอย่างหม้ายชิงหวาก็เป็นเด็กที่มีวิสัยทัศน์ มีบ้านมีกิจการเป็นของตนเองอยู่ข้างนอกแต่แรกแล้ว การเปิดสอบหลังฤดูใบไม้ผลิ เขาตั้งใจสอบให้ได้จอหงวน กั่วเอ๋อแต่งงานไปจะไม่ลำบากแน่นอน”
อู๋ซ่างหวงพยักหัวอย่างพอใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “สวีอีอยู่กับฮ่องเต้มานานหลายปี เป็นขุนนางภายใต้อำนาจฮ่องเต้ หลายปีมานี้ประพฤติตนเหมาะสมและปฏิบัติตนสงบเสงี่ยมอยู่ในวังมาตลอด ควรที่จะเลื่อนตำแหน่งให้เขาแล้ว”
ท่านย่าหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ประพฤติตนเหมาะสมและปฏิบัติตนสงบเสงี่ยมอยู่ในวังอะไร เลื่อนตำแหน่งอะไร? แต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาถือเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าคิดว่าเป็นการแต่งตั้งพระชายาสวีหรือ? พูดออกไปไม่เหมาะสมเลย”
อู๋ซ่างหวงพูดขึ้นว่า “พวกเขาหากเป็นระหว่างชายหญิง คงจะอยู่ด้วยกันแล้ว”
พูดเสร็จแล้วก็เหลือบมองดูหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “แล้วก็คงไม่มีเรื่องอะไรของเจ้าแล้ว”
หยวนชิงหลิงหัวเราะอีก ดังนั้น นางต้องขอบคุณที่สวีอีเกิดมาเป็นผู้ชายหรือ?