บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1942 สอบแล้ว
เอาจดหมายมาให้ถังกั่วเอ๋อแล้ว ถังกั่วเอ๋อก็หลบอยู่ในห้องเป็นครึ่งวันก็ไม่ออกมา เปิดอ่านจดหมายแต่ละฉบับรอบแล้วรอบเล่า
เจ๋อหลานกลับไปทานข้าว และก็นอนพักเสร็จกลับมาก็ยังอ่านไม่เสร็จ จึงอดไม่ได้ผลักประตูเข้าไป พร้อมพูดขึ้นว่า “อ่านจนสามารถท่องได้แล้วมั้ง?”
ถังกั่วเอ๋อได้ยินน้ำเสียงประชดของนาง จึงรีบเก็บจดหมาย พร้อมพูดขึ้นอย่างค่อนข้างโกรธว่า “เมื่อกี้ข้านอนวัน จึงยังอ่านไม่เสร็จ”
“ข้าไม่เชื่อ” เจ๋อหลานมองดูนางอย่างยิ้มแย้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ดีใจละสิ? เขียนจดหมายให้เจ้าทีเดียวเยอะขนาดนี้ เขียนอะไรบ้างหรือ?”
“ไม่มีอะไร ก็พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับอาวุธ” ถังกั่วเอ๋อพับจดหมายแต่ละฉบับให้เรียบร้อย หยิบเอากล่องไม้ราคาแพงออกมา จดหมายทั้งหมดที่ได้รับนางล้วนเก็บไว้ในนี้ นี่เป็นสิ่งของติดตัวตอนนางแต่งงาน
“จดหมายสิบฉบับ ล้วนเขียนเรื่องอาวุธทั้งหมด? งั้นเขาคนนี้เป็นคนน่าเบื่อมาก คนน่าเบื่อแต่งงานด้วยไม่ได้นะ”
“อืม…. ก็พูดอย่างอื่นด้วยบ้าง อย่างเช่นดอกไม้ ใบหญ้า ดวงเดือนอะไรประมาณนี้ ใช่ว่าจะน่าเบื่อไปเสียหมด”
เจ๋อหลานนอนตะแคงอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย เท้าส่ายไปมาเล็กน้อย ชายกระโปรงก็ปลิวไสวตาม พร้อมพูดขึ้นว่า “ดอกไม้ภายใต้ดวงเดือน? ต้องเตรียมสอบแล้ว ยังคิดถึงเรื่องความรัก แสดงว่าเขาก็ไม่ใช่คนหนักแน่น แต่งไม่ได้”
ถังกั่วเอ๋อกัดฟัน หันไปยกมือทุบนาง ใบหน้าแดงระเรื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าจะล้อเล่นข้าให้ได้? รอเมื่อไหร่ที่ฮ่องเต้จิ่งเทียนมาสู่ขอเจ้า คอยดูว่าข้าจะล้อเจ้าเล่นยังไง”
เจ๋อหลานยกมือประสานวางอยู่บนท้องน้อย สายตาเหม่อลอย พูดถึงเขา ก็รู้สึกคิดถึงเขาแล้ว
เขาทำอะไรอยู่? อาการป่วยกำเริบไหม? น่าจะไม่กำเริบแล้ว แม่บอกว่าเขาหายดีระดับหนึ่งแล้ว
แต่แม่ก็เคยพูดว่า เขาควรมาอีกสักครั้งจะดีที่สุด หลังจากรักษาแล้วเจาะเลือดตรวจอีกครั้ง หากครั้งนี้ตรวจอีกครั้งแล้วไม่มีปัญหาอะไร งั้นก็หายดีแล้ว
“คิดอะไรอยู่? คิดถึงฮ่องเต้จิ่งเทียนของเจ้าหรือ?” ถังกั่วเอ๋อเห็นนางเหม่อลอย จึงถามขึ้นอย่างหยอกล้อ
ธรรมชาติย่อมเคลื่อนโคจรไปจริงๆ
เดิมคิดว่าเจ๋อหลานจะไม่ยอมรับ กลับคิดไม่ถึงว่านางกลับพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม คิดถึงแล้ว”
ถังกั่วเอ๋อก็นอนลงตาม ทั้งสองพี่น้องรูปร่างผอมเพรียว นอนบนเก้าอี้กุ้ยเฟยได้อย่างสบาย แขนวางทับกัน กั่วเอ๋อถอดถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่เจ้าคิดถึงเขาก็ทำอะไรไม่ได้ อยู่ตั้งไกลขนาดนั้น”
“ระยะห่าง….” สำหรับนางไม่ใช่ปัญหา พร้อมพูดขึ้นว่า “ค่อนข้างไกลจริงๆ”
“น่าเศร้า” กั่วเอ๋อที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก เห็นใจคนที่มีความรักอยากเจอแล้วไม่ได้เจอย่างที่สุด โศกเศร้าขึ้นมาตามกัน พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาเป็นฮ่องเต้ คงไม่สะดวกที่จะมาเป่ยถังเรา? เดิมเคยมา แต่ก็จะมาบ่อยไม่ได้”
“อืม” เจ๋อหลานหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ว่า ยังไงก็มีวันได้เจอกัน”
กั่วเอ๋อเอื้อมมือไปกอดน้องสาว อย่างห่วงใย
พวกบัณฑิตรอคอยการสอบในช่วงฤดูใบไม้ผลิมานาน ในที่สุดก็มาถึงอย่างคึกคักเร่าร้อน
ถังกั่วเอ๋อก็อดทนไม่ไหว พาเจ๋อหลานไปยังสถานที่สอบ หวังว่าเวลาเขามาจะได้เห็นเขาสักครั้ง ต่อให้ได้พูดด้วยเพียงประโยคเดียวก็ยังดี
อาจเป็นเพราะช่วงเวลาสอบ บนถนนตั้งด่านมากมาย เพื่อตรวจสอบเอกสารประจำตัวสำหรับคนที่มาจากที่อื่นโดยเฉพาะ พวกนางก็ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยสถานะ จึงทำได้เพียงเข้าแถวแล้วก็ผ่านเข้ามาอย่างเชื่องช้า
รอเมื่อมาถึงด้านนอกสนามสอบ ทันได้เห็นด้านหลังที่เขากำลังเดินเข้าไปในสนามสอบพอดี แต่งกายด้วยผ้าแพร แผ่นหลังยาว
ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เสียงดังกระหึ่ม ตะโกนก็ไม่สามารถได้ยิน และนางก็ไม่สามารถที่จะตะโกนออกมาได้
นางร้อนใจอย่างมาก แต่ก็ทำได้เพียงอวยพรอยู่อย่างเงียบๆ มองดูแผ่นหลังก็ใกล้จะลับตาไปแล้ว ทันใดนั้น เขาหยุดฝีเท้าหันกลับมา ท่ามกลางผู้คนมากมาย ทั้งสองคนสบสายตากัน
แววตาของเขารุ่งโรจน์ ใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วก็หันไปอย่างไม่อยากจากละสายตา
กั่วเอ๋อถือผ้าเช็ดหน้าไว้ พยักหัวให้กับเขา ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ
เสี่ยวหม้ายพูดออกมาประโยคหนึ่ง เสียงผู้คนดังกระหึ่ม ระยะห่างก็ไกลมาก กั่วเอ๋อไม่ได้ยิน ร้อนใจอย่างมาก
เจ๋อหลานพูดข้างหูของนางว่า “ข้าได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร เขาพูดสองพยางค์ว่า รอข้า”
สายตาถังกั่วเอ๋อร้อนผ่าว รีบพยักหัวให้กับเขา แล้วก็พูดขึ้นสามพยางค์ว่า “ข้ารอเจ้า”
เสียงเบามาก เขาไม่ได้ยินอย่างแน่นอน แต่เขารู้อยู่แล้วว่านางพูดสามพยางค์นี้
คนไปมาอย่างไม่ขาดสายบดบังสายตาระหว่างพวกเขา สุดท้าย เจ๋อหลานกับกั่วเอ๋อถูกผู้คนเบียดจนแยกจากกัน เข้ามองไม่เห็นแล้ว จึงค่อยหันเดินเข้าไปในสนามสอบอย่างมั่นใจ
กั่วเอ๋อยังคงมองดูทางด้านประตูทางเข้าสนามสอบ แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและทำใจไม่ได้ จับมือของเจ๋อหลานไว้แน่นจนเจ็บอย่างไม่รู้ตัว
เจ๋อหลานยืนเป็นเพื่อนนางอยู่เนิ่นนาน รอจนคนที่มาส่งผู้สอบล้วนกลับไปแล้วส่วนใหญ่ พวกนางค่อยเดินทางกลับทางเดิมอย่างเชื่องช้า
สำหรับพี่สาวแล้ว ช่วงเวลาสอบสามสนามนี้ เป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดสำหรับนาง
บนถนนชิงหลวน พวกนางเจอรถม้าขององค์ชายรัชทายาท
องค์ชายรัชทายาทเรียกพวกนางขึ้นรถม้า แล้วกลับไปพร้อมกัน
“พี่ใหญ่ ทำไมเจ้าก็มาด้วย?” เจ๋อหลานจับมือถังกั่วเอ๋อไว้ นางยังเหม่อลอยอยู่
องค์ชายรัชทายาทสวมเสื้อมีปก พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ส่งเพื่อนของข้าหลายคนมาสอบ เมื่อพวกเขาสอบได้แล้ว ก็จะเป็นคนของข้า”
“ถ้าสอบไม่ได้ล่ะ?” เจ๋อหลานหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
“งั้นก็สอบครั้งหน้าอีก” องค์ชายรัชทายาทยังคงเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวพวกเขา มองดูกั่วเอ๋อแล้วพูดขึ้นว่า “การสอบนอกจากดูหัวข้อสอบแล้ว ก็ต้องดูสภาวะของแต่ละคน ครั้งนี้ไม่ผ่าน งั้นก็ครั้งหน้า ขอเพียงไม่ลดความพยายาม ก็จะประสบความสำเร็จในที่สุด”
แน่นอนว่าคำพูดนี้เพื่อพูดปลอบกั่วเอ๋อ นางจะได้ไม่ตื่นเต้นจนเกินไป