บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1943 สอบได้ที่หนึ่ง
ในช่วงสอบ เจ้าห้าก็กระวนกระวายใจ ถึงแม้หน้าตาตนเองจะไม่แก่ แต่ก็ต้องยอมรับว่า คนรุ่นใหม่กำลังมาแรงเติบโตขึ้น
นี่ถือเป็นเรื่องดี เขาไม่ถึงขั้นเสียใจในความเยาว์วัยที่สูญเสียไป เพียงแต่หวนคิดถึงเรื่องราวในตอนวัยหนุ่ม หาเหตุผล เรียกพวกเพื่อนพ้องมาร่วมดื่มเหล้าในวัง
ดื่มไปดื่มมา เขาชี้ไปที่หัวกู้ซือ แล้วพูดขึ้นว่า “กู้ซือ เจ้ามีผมขาวแล้ว และไม่น้อยด้วย ยังมีริ้วรอยเหี่ยวย่นแล้ว”
กู้ซือยกเหล้าขึ้นมาดื่ม พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า “มีแต่ผู้หญิงที่ให้ความสำคัญรูปลักษณ์ ข้าน้อยยังคงมีทั้งแรงกายแรงใจ”
เขาหันไปมองท่านชายสี่ ท่านชายสี่เอื้อมมือไปจับผม สีดำแวววาว ขอโทษ เขาไม่มีผมขาว
อ๋องซุนดื่มหนึ่งแก้ว แล้วก็พูดขึ้นว่า “ผมขาวสามารถบ่งบอกถึงอะไร? นั่นถือเป็นของขวัญที่ตนเองได้ก้าวผ่านโลกไปทีละก้าว เป็นอย่างที่กู้ซือพูด พวกเรายังคงมีทั้งแรงกายแรงใจ”
กู้ซือมองดูอ๋องซุน พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่ข้าบอกว่ามีทั้งแรงกายแรงใจ หมายถึงในตำแหน่งหน้าที่การงาน ไม่ได้หมายถึงเรื่องแบบนั้น”
อ๋องซุนหรี่ตาลง มือใหญ่ที่อ้วนท้วนกำหมัดขึ้นมา ชกไปที่หน้าอกกู้ซือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าหมายถึงในตำแหน่งหน้าที่การงาน เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว?”
“ช่วงนี้เจ้าพูดจาไปเรื่อยตลอด ใครจะไปรู้ว่ามีทั้งแรงกายแรงใจของเจ้า หมายถึงอะไร?”
“ข้าพูดจาไปเรื่อยเมื่อไหร่?” อ๋องซุนอึ้ง พร้อมพูดขึ้นอย่างน่าสงสาร
“เจ้าพูดจาไปเรื่อยจริงๆ” โสวฝู่เหลิ่งยกขาขึ้นไขว่ห้างอย่างเกียจคร้าน แม้ว่าหน้าตาจะหล่อเหลาไม่หวือหวา แต่ก็ราวเข้าไปอยู่ในตู้เย็น คงความสดใหม่อยู่ตลอดเวลา พูดขึ้นว่า “ครั้งก่อนข้าถามเจ้าว่า ฮ่องเต้จิ่งเทียนส่งสาส์นมาเพื่อเยี่ยมเยือนเป่ยถังไหม เจ้าพูดว่าอย่างไรจำได้ไหม?”
“ข้าบอกว่าใช่ไง”
หงเย่พูดขึ้นว่า “เจ้าพูดว่าทางเหลียงตี้มียาวิเศษอย่างหนึ่ง กินเข้าไปแล้วทำให้สมรรถภาพผู้ชายแข็งแรง เจ้ายังบอกว่าจะให้คนอื่นเอามาให้ด้วย”
ทุกคนถอนหายใจ มองดูอ๋องซุนอย่างไม่อยากเชื่อ คนอื่นเป็นถึงฮ่องเต้จะมาเป่ยถัง ถือเป็นเรื่องจริงจังขนาดนี้ เขายังจะให้คนอื่นเอายาวิเศษมาด้วย?
อ๋องซุนพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ข้าแค่พูดล้อเล่น จะให้คนอื่นเอามาจริงๆ ได้อย่างไร? ข้าจะกระทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้หรือ?”
“เจ้าไม่สั่งให้คนอื่นเอามาอยู่แล้ว แต่เจ้าพูดจาไปเรื่อย ตอนนี้ก็กำลังพูดถึงเรื่องที่เจ้าพูดจากไปเรื่อย”
อ๋องฉีวางจอกเหล้าลง เงยใบหน้าหล่อเหลาขึ้น พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาสงสัยว่า “คำพูดแบบนี้พูดได้ด้วยหรือ? พี่รอง ทำไมช่วงนี้พี่ถึงได้หมกมุ่นขนาดนี้ เอาเรื่องบนเตียงของข้ามาพูด ยังถามเจ้าอ้วนว่ายอมเพื่อ…..ข้าฟังแล้วก็อับอายมาก”
สายตาแปลกประหลาดของทุกคนต่างหันไปมองอ๋องซุน หยู่เหวินเห้าอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “พี่รองถามเช่นนี้ หมายถึง….. ยอมที่จะทำอะไรหรือ? พูดให้ชัดเจนหน่อยสิ”
อ๋องซุนเงยดวงตาที่ดูใสบริสุทธิ์ขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ยอมเข้าครัวทำกับข้าวให้เขา พี่สะใภ้รองของเจ้ายอมเข้าครัวทำกับข้าวให้ข้าด้วยตนเอง”
“แบบนี้ยากตรงไหน? แบบนี้ข้าก็สามารถทำได้” สวีอีที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นมา
“อะซี่ก็ทำกับข้าวให้เจ้าด้วยตนเองหรือ?” อ๋องซุนถามสวีอี
สวีอีอึ้ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “ข้าทำกับข้าวให้กับนาง ข้าหมายถึงว่าข้าสามารถทำได้”
ทุกคนหันไปมองสวีอีอย่างเห็นใจ สวีอีกลับรู้สึกมีความสุขมาก สามารถได้ทำกับข้าวให้คนที่ตนเองรัก ถือเป็นสิ่งที่มีความสุขมาก
กู้ซือมองดูอ๋องฉี พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาก็แค่ถามเรื่องเข้าครัวทำกับข้าว ทำไมเจ้าจะต้องหน้าแดง?”
อ๋องฉีจ้องมองอ๋องซุน พร้อมพูดขึ้นว่า “ถามเรื่องเข้าครัวทำกับข้าวตรงไหน? ถามเรื่องบนเตียงต่างหาก”
สายตาอ๋องซุนกลอกไปมา พร้อมพูดขึ้นว่า “หูของเจ้ามีปัญหา ข้าพูดถึงก็คือเรื่องในครัว”
“พี่ห้า ไม่ใช่เรื่องจริง เจ้าอย่าไปเชื่อเขา” อ๋องฉีหันมามองหยู่เหวินเห้า แล้วก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “พี่ห้า เจ้ากับพี่สะใภ้ห้าเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานหลายปีขนาดนี้แล้ว ระวังพวกเจ้าก็รักใคร่กันมาก ไม่รู้ว่าพวกเจ้า……”
หยู่เหวินเห้าหยิกแขนของเขา แล้วก็พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ห้ามถาม ข้าเคยสาบานไว้ จะไม่พูดเรื่องระหว่างสามีภรรยาของเราต่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด”
ประสบการณ์ที่เคยประสบมา เขาจำได้อย่างแม่นยำ ตอนนั้นเขายังเป็นอ๋องฉู่ ทำงานอยู่ในกรมการพระนคร ลิ้มรสชาติแรกระหว่างชายหญิง รู้สึกแปลกใหม่น่าสนุก จึงคุยเล่นกับพวกเขา หลังจากที่เจ้าหยวนรู้เรื่อง เจ้าหยวนโกรธโมโหอย่างมาก
ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่กระทำเรื่องที่ทำให้เจ้าหยวนโกรธโมโหอีก
เรื่องแบบนี้ มู่หร่งกงกงไม่ชอบฟัง จึงหอบโถน้ำร้อนนั่งอยู่ด้านนอก มองดูลมเริ่มแรง พัดกิ่งก้านไม้ในสวน หวนคิดถึงทุกวันวานที่อยู่ในวังแห่งนี้
การสอบสามครั้ง พวกเขาก็ดื่มเหล้าด้วยกันสามมื้อ แล้วต่างคนต่างก็เริ่มยุ่งกับงานของตน
อาจารย์ผู้ตรวจข้อสอบมีโสวฝู่เหลิ่งเป็นคนนำ แต่เขาไม่ออกความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น ให้พวกเขาคุยปรึกษากันเอง สุดท้ายผ่านเอกฉันท์สอบได้ที่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นเอกสารให้กับโสวฝู่เหลิ่ง
หลังจากโสวฝู่เหลิ่งอ่านเสร็จ แล้วก็มองดูชื่อ พร้อมพูดขึ้นอย่างพอใจว่า “งั้นก็เขาละกัน”
หม้ายชิงหวา
องค์ชายรัชทายาทก็อยู่ที่นี่ เขาหาเจอชื่อเพื่อนหลายคนของเขาตามต้องการ
บัณฑิตบรรณาการสามร้อยคน เริ่มเตรียมการสอบหน้าพระที่นั่งกันอย่างไม่หยุดพัก