บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1944 เตรียมการสอบหน้าพระที่นั่ง
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1944 เตรียมการสอบหน้าพระที่นั่ง
ถังกั่วเอ๋อรู้จากเจ๋อหลานแต่แรกแล้วว่าเขาสอบได้สอบได้ที่หนึ่ง แต่ถึงตอนพลบค่ำ ตอนที่พ่อกลับมาบอก นางกลับทำเป็นไม่รู้ พูดขึ้นอย่างค่อนข้างตกใจว่า “จริงหรือ?”
ในใจสวีอียินดีมาก วันนี้ตอนที่อยู่ในกรมทหาร เพื่อนร่วมงานมากมายต่างนั่งคุยกัน พูดถึงหม้ายชิงหวา ทุกคนต่างพูดชมเขาไม่ขาดปาก
รอเมื่อเลิกงานกลับมาในวัง พวกโสวฝู่เหลิ่งยังอยู่ในห้องทรงพระอักษร และก็กำลังพูดถึงเรื่องผลสอบ แต่ครั้งนี้พูดถึงบทความ พวกเขาพูดอย่างลึกซึ้งมาก ถึงแม้สวีอีฟังไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ก็รู้สึกว่าเก่งมาก
บวกกับโสวฝู่เหลิ่งกับฮ่องเต้ล้วนแสดงออกถึงความชื่นชมดีใจ นั่นก็แสดงว่าลูกเขยในอนาคตของเขาคนนี้ มีความสามารถจริง
ความรู้สึกอึดอัดพวกนั้นจึงไม่มีแล้ว
คนทั้งบ้านนอกจากสวีเปิ้งเปิ้งแล้ว ต่างก็มีความสุขอย่างมาก
รูปลักษณ์สวีเปิ้งเปิ้งเหมือนสวีอีอย่างมาก อายุอย่างน้อยก็แลดูทรงพลัง ต่อยหนักพุ่งไปหาทุกคนแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าไม่สน ข้าไม่สน ใครแย่งพี่สาวข้า ข้าก็จะต่อยคนนั้น”
พูดเสร็จแล้วก็วิ่งออกไป
อะซี่หัวเราะให้กับทุกคน จากนั้นก็ถือไม้แล้วก็ไล่ตามออกไป สักพัก หลังจากได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้น อะซี่ก็กลับมา สวีเปิ้งเปิ้งเดินตามหลังมาอย่างว่าง่าย ยังมีน้ำมูกสีใสห้อยอยู่ใต้จมูก เดินมาถึงตรงหน้าถังกั่วเอ๋อ พูดขึ้นอย่างจริงจังด้วยท่าทีน่าสงสารว่า “พี่สาว ข้าไม่ต่อยพี่เคยแล้ว”
ถังกั่วเอ๋อลูบคลำหัวของเขา หัวเราะแล้วก็พูดขึ้นว่า “ดี ขอบใจที่เจ้ายอมเขา”
สวีเปิ้งเปิ้งพูดขึ้นทั้งน้ำตาว่า “พี่สาว เจ้าพาข้าแต่งงานไปด้วยได้ไหม?”
“ได้สิ ขอเพียงเจ้ายินยอม พี่สาวก็จะพาเจ้าไปด้วย แต่หากเจ้าไปกับพี่สาวแล้ว เจ้าก็จะไม่ได้กินลูกชิ้นกุ้ยฮวาฝีมือของแม่แล้วนะ”
สวีเปิ้งเปิ้งขมวดคิ้ว จะต้องเสียสละค่อนข้างเยอะ ไม่คุ้มค่า
สวีเปิ้งเปิ้งเป็นคนเห็นแก่กิน คนเห็นแก่กินมักจะถูกต่อรองง่ายที่สุด
การสอบหน้าพระที่นั่งกำหนดไว้ในเดือนมีนาคม พวกบัณทิตระดับก้งเซิงยังต้องเตรียมตัวอีกสักครั้ง การสอบหน้าพระที่นั่ง นอกจากสอบความรู้สะสมของตนเองแล้ว ยังสอบคุณภาพทางจิตวิทยาที่แข็งแกร่งอีกด้วย
เพราะ การเข้าร่วมการสอบหน้าพระที่นั่งของบัณทิตระดับก้งเซิงสามร้อยคนสอบชิงสามอันดับแรก
สอบชิงสามอันดับแรกในสามร้อยคน ฟังดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่คนสามคนนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา เป็นบัณฑิตชั้นเยี่ยมที่ได้ผ่านการสอบมาในแต่ละระดับ
ทุกคนล้วนเป็นอันดับยอดเยี่ยม งั้นก็ต้องเหนือกว่าอันดับยอดเยี่ยมเพื่อให้ได้ชัยชนะ
การสอบหน้าพระที่นั่งสอบเฉพาะคำถามนโยบาย โสวฝู่กับเน่ย์เก๋อตั้งคำถามมาหลายคำถาม แล้วก็ยื่นให้กับฮ่องเต้เป็นคนตัดสินใจ
หยู่เหวินเห้าเลือกสถานการณ์ปัจจุบัน กำหนดไว้ห้าคำถาม กำหนดเป็นตัวอักษรแบบบรรจง จำกัดคำศัพท์หนึ่งพันคำ
1000 คำอธิบายตอบห้าคำถาม กำหนดแบบนี้คำตอบจะต้องผ่านการกลั่นกรองอย่างดี ไม่สามารถมีคำสิ้นเปลืองแม้เพียงคำเดียว
แม้แต่โสวฝู่ที่เข้มงวดมาตลอด ยังรู้สึกว่ายากเกินไปไหม?
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “อยากจะเป็นลูกศิษย์ของกษัตริย์ ไม่มีความยากหน่อยไม่ได้”
การสอบในครั้งนี้ เขาเห็นว่าเป็นการสอบที่ดีที่สุด เพิ่มความยากเสียหน่อย ยิ่งสามารถขุดพวกกลับกลอกปลิ้นปล้อนสับปลับออกมาได้
ถึงแม้สวีอีจะทำงานอยู่ในกรมทหาร แต่หลังจากเลิกงานกลับมาแล้วล้วนอยู่แต่ในวัง จวนเจ้าพระยายังต่อเติมไม่เสร็จ ดังนั้นจึงเข้าร่วมการสนทนาในครั้งนี้ด้วย
พูดอย่างถูกต้องคือที่จริงเขาไม่ได้เข้าร่วมการสนทนา เพียงแค่เฝ้าอยู่ด้านนอก ฟังดูพวกเขาสนทนาเรื่องความยากในการสอบหน้าพระที่นั่งในครั้งนี้
เมื่อกลับมาบ้าน ก็จะต้องเล่าให้อะซี่ฟัง ครั้งนี้ลูกเขยในอนาคตของเรา เผชิญกับความท้าทายที่ยากมากแค่ไหน
สวีอีพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว บทสนทนาของทั้งสองสามีภรรยา กั่วเอ๋อได้ยินแล้ว กั่วเอ๋อแอบร้อนใจ หากเขาไม่ได้รับเลือกให้เป็นจอหงวน หวู่ปายปายก็จะไม่พระราชทานให้แต่งงานหรือไม่?
พลิกไปมาอย่างนอนไม่หลับ จึงไปหาเจ๋อหลานพูดคุยเป็นเพื่อน
เจ๋อหลานกำลังเล่นอยู่กับน้องฟีนิกซ์ ได้ฟังถึงความเป็นกังวลของนาง จึงหัวเราะแล้วก็พูดปลอบว่า “หัวข้อสอบไม่ได้มีเอาไว้ให้เขาเพียงคนเดียว หากยากเกินไป ทุกคนล้วนต่างรู้สึกยาก เขาก็ยังมีโอกาสที่จะได้เป็นจอหงวน”
ถังกั่วเอ๋อคิดไปคิดมาก็ถูก เหตุผลง่ายขนาดนี้ ทำไมนางถึงไม่เข้าใจ?
เป็นห่วงจนจิตใจสับสนไปแล้วจริงๆ
“พี่สาว ก้าวถอยหมื่นก้าว ต่อให้เขาไม่ได้เป็นจอหงวน ยังไงพ่อก็พระราชทานให้แต่งงาน สินสอดก็จัดเตรียมไว้หมดแล้ว คนภายนอกก็รู้แล้วไม่น้อย พ่อไม่กระทำให้ส่งผลกระทบต่องานแต่งงานของเจ้าแน่”
“ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่หวู่ปายปายคาดหวังในตัวเขามาก หากไม่สามารถได้อันดับหนึ่ง หวู่ปายปายก็จะผิดหวังใช่ไหม?”
“เขาไม่ผิดหวังแน่ เขาชื่นชมในตัวคุณชายเสี่ยวหม้ายอย่างมาก ต่อให้ครั้งนี้สอบไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะปฏิเสธความสามารถของเขา”
“จริงหรือ? งั้นก็ดี งั้นก็ดี” ถังกั่วเอ๋อยกมือทาบอกพร้อมพูดขึ้นว่า “ช่วงนี้ข้านอนไม่หลับ รู้ว่าเขาเหน็ดเหนื่อยลำบากอยู่ในสนามสอบ สำหรับเขาถึงเป็นด่านที่ค่อนข้างสำคัญมาก อยากที่จะมีส่วนร่วมไปพร้อมกับเขา แต่เสียดายที่ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้”
เจ๋อหลานควงแขนของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงพูดว่าเจ้าช่วยอะไรไม่ได้? เจ้าเป็นเป้าหมายของเขา เป็นหัวใจสำคัญของเขา หากไม่ใช่เพราะเจ้า เขาไม่ไปสอบด้วยซ้ำ การปรากฏของเจ้าทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไป”
ถังกั่วเอ๋อหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูเจ้าพูดสิ พูดว่าข้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขายังไง? คนมีความสามารถมักถูกชื่นชมโดยธรรมชาติไม่ต้องแสดงตัวต่อหน้าคนอื่น ต่อให้ไม่ใช่ทำเพื่อข้า ก็ต้องมีสักวันที่เขาก็จะโดดเด่นอยู่แล้ว”
ที่จริงเดิมก็เป็นที่โดดเด่นแล้ว ในเป่ยถังไม่รู้ว่ามีคนตั้งเท่าไหร่ที่ชื่นชมความสามารถของเขา