บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1945 จอหงวน
การสอบหน้าพระที่นั่งในครั้งนี้ ก็เป็นที่สนใจของผู้อาวุโสทั้งสาม
โดยเฉพาะโสวฝู่ฉู่ มาดูหัวข้อสอบด้วยตนเอง ถึงแม้จะมีความยากระดับหนึ่ง แต่ผลงานของบัณทิตระดับก้งเซิงสามร้อยคน เขาอ่านมาหมดแล้ว พร้อมปรบมือให้อย่างยินดี
คนที่เขาถูกใจคนนั้น ก็มีชื่อติดอันดับด้วย ถือว่าเป็นการเลือกคนที่มีความสามารถที่สุดให้กับองค์ชายรัชทายาท
ผลงานของหม้ายชิงหวากับโจวเม่าเขาชื่นชมมากที่สุด แต่หากให้เขาเลือกคนที่สอบได้ที่หนึ่ง เขาก็เลือกหม้ายชิงหวา เพราะเขาวิเคราะห์ปัญหาในด้านต่างๆ หลายระดับ และมีแนวทางแก้ไขที่สอดคล้องกันมากกว่าโจวเม่า
โจวเม่าจึงดูด้อยกว่าหน่อย แต่โจวเม่ากล้าหาญ มีส่วนช่วยการเริ่มต้นสถานการณ์สำหรับการนวัตกรรมใหม่
ไท่ซ่างหวงทางด้านท่านหมิงก็ให้ความสำคัญ เขาคิดว่าครั้งนี้มีระดับที่ดีที่สุด กระทั่งยอมกลับมาเมืองหลวง หวังอยากเห็นคนที่ได้อันดับหนึ่งถึงสามด้วยตาตนเอง
การสอบหน้าพระที่นั่งจัดสอบในตำหนักเป่าผิง หลังจากพวกบัณทิตเข้าไปในสนามสอบแล้ว หยู่เหวินเห้าเดินตรวจดูด้วยตนเองหนึ่งรอบ
การสอบหน้าพระที่นั่งในครั้งนี้ ตั้งแต่เช้ารุ่งจรดค่ำ เพียงเพื่อพันคำเท่านั้น
แต่อู๋ซ่างหวง ไท่ซ่างหวง ฮ่องเต้ องค์ชายรัชทายาทต่างมาด้วยตนเอง คิดดูว่าต่างให้ความสำคัญขนาดไหน
ภายในวังหลัง เจ๋อหลานอยู่เป็นเพื่อนถังกั่วเอ๋อ เริ่มแรกถังกั่วเอ๋อยังตื่นเต้น แต่เมื่อถึงวันสอบจริง สภาพจิตใจของนางกลับสงบลงอย่างมาก แผนอยู่ที่คน ผลอยู่ที่ฟ้า เมื่อพยายามอย่างที่สุดแล้ว ก็แล้วแต่โชคชะตา
เมื่อพระอาทิตย์ตกเก็บข้อสอบ ผลสอบถูกส่งไปให้ขุนนางตรวจข้อสอบอย่างรวดเร็ว ขุนนางตรวจข้อสอบมีทั้งหมดสิบคน ผลสอบสามร้อยฉบับ อาหารถูกจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย
อดีตโสวฝู่โสวฝู่ฉู่ก็เป็นหนึ่งในคนนั้นอ่านผลสอบ เขาเป็นคนอ่านผลสอบคนสุดท้าย
หลังจากอ่านผลสอบแล้ว ก็จะทำเครื่องหมายสัญลักษณ์ตามลำดับ วงกลมคือดี คนที่ได้วงกลมมากที่สุด จะได้รับให้เป็นจอหงวน รองลงมาคือปั๋งเหยี่ยน อันดับสามคือทั่นฮวาหลาง
จอหงวน ปั๋งเหยี่ยน ทั่นฮวาเป็นอันดับหนึ่ง ยกให้เป็นบัณฑิตชั้นสูง
อันดับสองเริ่มจากคนที่สี่ถึงคนที่ร้อย ยกให้เป็นบัณฑิต
อันดับสามเริ่มจากหนึ่งร้อยหนึ่ง ยกให้เป็นบัณฑิตเหมือนกัน ดังนั้นต่อให้การสอบหน้าพระที่นั่งครั้งนี้ไม่ได้อันดับหนึ่ง ล้วนเป็นการเริ่มต้นชีวิตที่ดีขึ้น
ตอนที่อ่านผลสอบ ผู้สอบต่างกลับไปรอฟังผล รอหลังจากประกาศผลสอบแล้ว ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาประกาศข่าวดี พร้อมประกาศพระราชกฤษฎีกาแสดงความยินดี
เสี่ยวหม้ายที่สอบเสร็จแล้ว เมื่อกลับไปถึงจวนแล้วก็โล่งไปทั้งกาย ช่วงนี้เคร่งเครียดอย่างมาก ก่อนสอบ คิดว่ายังไงก็ได้ชัยชนะแน่ แต่หลังจากเข้าไปในสนามสอบจริงแล้ว ความรู้สึกของเขาก็เริ่มหนักแน่น
นี่เป็นการเริ่มต้นชีวิตอีกด้านหนึ่ง ในเวลานี้ เขาไม่เพียงทำเพื่อได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ตอนรัก ยิ่งมีความปรารถนาที่จะรับใช้ชาติ
จวิ้นจู่ใหญ่อานเตรียมที่จะจัดงานเลี้ยงในจวน ต่อให้ไม่ได้เป็นจอหงวน แต่เข้าร่วมการสอบหน้าพระที่นั่งด้วยอันดับที่หนึ่ง ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตระกูลหม้ายแล้ว
นางก็ตามเสี่ยวหม้ายกลับมา ถามอยู่อย่างเดียวว่ามีความมั่นใจว่าจะได้ที่หนึ่งไหม
เสี่ยวหม้ายก็จนใจ เขาไม่เคยเห็นผลสอบของคนอื่น จะกล้าพูดได้อย่างไรว่าตนเองจะต้องได้จอหงวนแน่?
ก่อนหน้านี้เคยพูดว่าสามารถได้เป็นจอหงวน นั่นเป็นเพียงคำพูดของเด็กไร้เดียงสา หลังจากสอบแล้วถึงรู้ว่ายากลำบากขนาดไหน
ใต้เท้าหม้ายได้ยินนางถามอยู่อย่างเดียว จึงโมโหพูดตำหนินางว่า หากนางมีความสามารถก็ไปสอบเอง ถึงสามารถหุบปากของนางไว้ได้อย่างไม่เต็มใจ
เสี่ยวหม้ายมองดูท่านปู่อย่างขอบคุณ ความจริงแล้วในช่วงเวลาที่รอคอยผลสอบนั้น ทุกข์ทรมานอย่างมาก ไม่อยากให้มีใครพูดถึง ถามถึงอยู่ตลอด ยังไงสภาพจิตใจก็ไม่สามารถสงบลงได้
เขาอยากเจอกั่วกั่วมาก ได้เห็นรอยยิ้มอย่างอบอุ่นบนใบหน้าของงาน เขาจะต้องสามารถสงบจิตสงบใจได้
แต่เวลานี้ อยากเจอก็ไม่สามารถได้เจอ
ที่จริงในใจของเขาก็ค่อนข้างหวาดหวั่น หากไม่ได้เป็นจอหงวน เรื่องงานแต่งงานในครั้งนี้จะ…..
ไม่ได้ จะคิดไปเรื่อยไม่ได้ ครั้งนี้สอบไม่ได้ เขาก็จะยังคงพยายามต่อไป
ในขณะที่กำลังรอคอยอย่างร้อนรุ่มใจ ผลสอบออกมาแล้ว
ท่านโสวฝู่อ่านรายชื่อคนที่ได้อันดับหนึ่งถึงสาม ต่อหน้าอู๋ซ่างหวง ไท่ซ่างหวง ฮ่องเต้กับองค์ชายรัชทายาท
จอหงวน หม้ายชิงหวา
ปั๋งเหยี่ยน โจวเม่า
ทั่นฮวาหลาง หลิวอี้เผิง
ปั๋งเหยี่ยนทั่นฮวาล้วนเป็นคนขององค์ชายรัชทายาท ดังนั้นเมื่อได้ยินท่านโสวฝู่อ่าน องค์ชายรัชทายาทอมยิ้มขึ้นมา ทุกอย่างราบรื่นแล้ว
สำหรับผลที่ออกมา หยู่เหวินเห้าพูดเพียงว่า “คู่ควรแก่ชื่อเสียงและความสำเร็จแล้ว”
กรมขุนนางแต่งตั้งจอหงวนเป็นขุนนางระดับหก หยู่เหวินเห้าเลือกให้เขาเป็นผู้สอนเทียนจื่อ เข้าเน่ย์เก๋อเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว
ส่วนปั๋งเหยี่ยนกับทั่นฮวาหลาง ยกให้เป็นขุนนางระดับเจ็ด ให้พวกเขาติดตามองค์ชายรัชทายาทก่อน ฝึกฝนสักพักหนึ่งแล้วค่อยว่ากัน