บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1949 บีบบังคับให้เสี่ยวหม้ายกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1949 บีบบังคับให้เสี่ยวหม้ายกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ
พระราชฎีกากำหนดให้แต่งงาน ส่งมาถึงจวนหม้าย
จวิ้นจู่ใหญ่อานดีใจอย่างที่สุด ในฐานะที่เป็นจวิ้นจู่ เป็นครั้งแรกในหลายปีมานี้ที่มีหน้ามีตาขนาดนี้ หลานชายได้เป็นจอหงวน ฮ่องเต้ยังพระราชทานงานแต่งงานด้วยตนเอง
นางกำลังเตรียมจะส่งบัตรเชิญไป จัดงานเลี้ยงพวกเพื่อนพ้อง ยังไงก็ต้องเฉลิมฉลอง ที่จริงแล้วก็เพื่อโอ้อวด
แต่บัตรเชิญยังไม่ถูกส่งออกไป คำสั่งของฮองเฮาก็มาถึง
มู่หร่งกงกงเป็นคนนำคำสั่งมาแจ้งด้วยตนเอง พูดกับจวิ้นจู่ใหญ่อานเพียงคนเดียว ดังนั้นจวิ้นจู่ใหญ่อานจึงรีบเชิญมู่หร่งกงกงเข้าไป จัดน้ำชาเตรียมขนมต้อนรับเป็นอย่างดี
แต่มู่หร่งกงกงแสดงสีหน้าจริงจังอยู่ตลอดเวลา ถ่ายถอดถ้อยคำของฮองเฮา คำพูดของฮองเฮาพูดอย่างค่อนข้างถนอมน้ำใจ แต่มู่หร่งกงกงกลังนางฟังไม่เข้าใจ ช่วยแปลให้จวิ้นจู่ใหญ่อานฟังว่า “ความหมายของฮองเฮาก็คือ ผู้มีความสามารถโดดเด่น หากแต่มากเกินหน้าเกินตามักจะมีผู้คิดอิจฉาริษยาปองร้าย ค่ะตนเองเห็นว่าเป็นเรื่องน่ายินดี ก็ปิดประตูฉลองกันภายในครอบครัว ไม่ต้องโอ้อวดกับคนภายนอก นำมาซึ่งความอิจฉาริษยา จะเป็นการทำลายอนาคตของจอหงวน ฮองเฮายังพูดว่า เวลาจวิ้นจู่ใหญ่พูดจาไม่รู้จักความเหมาะสม แต่จัดการเรื่องงานได้ดี ให้จวิ้นจู่ใหญ่รับผิดชอบดูแลเรื่องงานแต่งงานของพวกเขาทั้งสองก็พอ หากจะฉลอง ในวันแต่งงานจะต้องได้ฉลองแน่นอน”
จวิ้นจู่ใหญ่อานคิดถึงคำเตือนของฮองเฮาในวันนั้น จึงไม่กล้าขัดขืนอีก รีบพูดรับปากว่าไม่จัดแล้ว จะฉลองกันภายในครอบครัวเท่านั้น
นางก็ขอให้ฮองเฮาวางใจ นางจะจัดเตรียมงานแต่งงานของทั้งสองให้เป็นอย่างดี บอกว่าพรุ่งนี้ก็จะไปปรึกษากับทางด้านกรมพิธีการ
มู่หร่งกงกงพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาหมายความว่า จวิ้นจู่ใหญ่รับผิดชอบจัดการทางด้านของเจ้าก็พอ ทางด้านกรมพิธีการจัดการงานแต่งงานของเจ้าหญิงกับจอหงวนยังไงนั้น ท่านไม่ต้องลำบาก”
จวิ้นจู่ใหญ่อานอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่งานแต่งงานของหลานชายข้ากับเจ้าหญิง ทางด้านกรมพิธีการเป็นที่สำคัญอยู่แล้ว ทางด้านข้ายังจะสามารถทำอะไรได้อีก?”
“ฮองเฮาพูดว่า สามสื่อหกพิธี เรื่องยุ่งยากทุกกระบวนการทางท่านต้องไปจัดการ หากไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ งั้นก็เตรียมสินสอดเยอะหน่อย”
จวิ้นจู่ใหญ่อานได้ยินเช่นนี้ ในใจไม่พอใจอย่างมาก งั้นก็ทำได้เพียงงานหนักแต่ไม่ให้ออกหน้าออกตา?
ส่วนเรื่องสินสอด ชิงหวาคือคนของเจ้าหญิงซ่าง ควรที่จะเป็นทางด้านนั้นเตรียมสินสอด เจ้าหญิงซ่างก็ควรจะทำตามกฎเจ้าหญิงซ่าง
มู่หร่งกงกงเห็นนางไม่พอใจ จึงถามขึ้นว่า “จวิ้นจู่ใหญ่ไม่พอใจกับสิ่งที่ฮองเฮาจัดการหรือ? ฮองเฮาก็พูดว่า หากจวิ้นจู่ใหญ่ไม่พอใจ สามารถเข้าวังไปคุยกับนางต่อหน้าได้ ฮองเฮาจัดงานแต่งงานให้ลูกสาว ทุกอย่างสามารถคุยกันได้”
จวิ้นจู่ใหญ่อานได้ยินแบบนี้ หัวใจแทบหยุดเต้น พร้อมรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่มีอะไรไม่พอใจ ข้าน้อยพอใจมาก ทุกอย่างเป็นไปตามอย่างที่เหนียงเหนียงจัดการ นี่ถือเป็นบุญบารมีของตระกูลหม้ายเรา”
“หากในใจจวิ้นจู่ใหญ่คิดเช่นนี้จริง ถึงจะเป็นบุญบารมีของตระกูลหม้าย” ในด้านการพูดแทงใจดำ มู่หร่งกงกงถือเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา
เชื่อฟังฮองเฮาเพียงภายนอกมีประโยชน์อะไร? จะต้องเชื่อฟังจากใจ ขอเพียงระวังคำพูดเสียงหน่อย ก็ถือเป็นบุญของตระกูลหม้ายแล้ว
สีหน้าจวิ้นจู่ใหญ่อานย้ำแย่มาก แต่มู่หร่งกงกงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่จำเป็นต้องสนใจสีหน้าของนาง หลังจากถ่ายทอดคำสั่งเสร็จแล้วก็เดินจากไป ไม่ดื่มชาที่นางจัดเตรียมให้
มองดูคนในจวนช่วยกันยุ่งกับการจัดเตรียมงานเฉลิมฉลอง มู่หร่งกงกงถอดถอนใจ โชคดีที่เหนียงเหนียงรู้ทัน แล้วมาพูดเตือนนาง
เดิมเฉลิมฉลองก็ไม่เป็นไร แต่จวิ้นจู่ใหญ่อานจะสามารถทำได้เพียงแค่เฉลิมฉลองเท่านั้นหรือ? นางทำไปเพื่อโอ้อวดต่างหาก
หลังจากได้เป็นจอหงวน ก็ได้เป็นผู้สอนเทียนจื่อ ฮ่องเต้ยังพระราชทานให้แต่งงานกับเจ้าหญิงด้วยตนเอง แบบนี้จะโอ้อวดได้หรือ? ไม่กลัวคนอื่นอิจฉาหรือ? นางอยากให้คนอื่นเขาอิจฉา อยากเห็นเวลาที่คนอื่นอิจฉา?
มีอายุมาจนมากขนาดนี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าการมีชื่อเสียงแล้วมักจะนำมาซึ่งความอิจฉาริษยา ไม่รู้จักหลบหลีกความเสี่ยงอันตรายในอนาคตของหลานชายตนเอง เห็นแก่หน้าตาของตนเองแล้วเพิ่มศัตรูให้กับเขา
ในราชสำนักมีคนมีความสามารถมากมาย มีขุนนางเก่าแก่มากมาย จะทนเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ดิบได้ดีขนาดนี้หรือ?
หลังจากมู่หร่งกงกงไปแล้ว จวิ้นจู่ใหญ่อานก็ไม่ได้จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองอะไร แต่เรียกญาติพี่น้องในตระกูลมาทานข้าวด้วยกัน สีหน้าท่าทางนั้นก็ทำให้คนอื่นรังเกียจมากเหมือนกัน
แต่หลังจากที่ทุกคนได้ยินว่าหม้ายชิงหวาจะแต่งงานกับเจ้าหญิง เดี๋ยวติดตามเจ้าหญิงไปอาศัยอยู่ในตำหนักเจ้าหญิง ทุกคนค่อยรู้สึกสะใจ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่สามารถทำให้คนในตระกูลต่างรังเกียจ ถือว่าพ่ายแพ้อย่างมาก
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ คุณชายเสี่ยวหม้ายก็ไม่วางใจให้ย่าทวดจัดการสินสอด นางมีความคิดมากเกินไป กลัวว่าจะทำอะไรที่ทำให้เสียมารยาท แล้วส่งผลทำให้กั่วกั่วเป็นที่ขบขัน
กระทั่งเขาสามารถมองเห็นถึงว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงจะต้องปกป้องไว้อย่างดี ก่อนที่จะได้รับตำแหน่ง เขามีเวลาพักผ่อนอยู่ช่วงหนึ่ง สามารถที่จะมีเวลาจัดการงานแต่งของตนเองพอดี
ตระกูลใหญ่จะแต่งงาน มีที่ไหนที่ให้เจ้าบ่าวเป็นคนจัดการงานแต่งด้วยตนเอง? คนอื่นต่างก็ให้ผู้หญิงในตระกูลช่วยจัดการ ยังไงเสี่ยวหม้ายก็ไม่รู้เรื่องอะไร
แต่เจ้าคนนี้ก็มีความพยายามอย่างมาก หาแม่สื่อมาหนึ่งคน และเปิดตำราเรื่องการจัดงานแต่งงาน ลำดับขั้นตอนในการเตรียมงานแต่งงาน จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการจัดงานแต่งงาน
หลังจากที่หยู่เหวินเห้าได้ยินพวกนี้แล้ว ดึงโสวฝู่เหลิ่งมาแล้วก็พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า คนคนนี้จะต้องให้ความสำคัญ ต่อไปจะสามารถช่วยทำการใหญ่ได้
ยังไงงานแต่งงานของลูกชายทั้งห้าคน เขาก็ไม่สามารถที่จะคาดหวังให้กรมพิธีการจัดการทั้งหมด ตนเองที่เป็นพ่อก็ต้องช่วยเหลือบ้าง ยังไงเจ้าหยวนก็ไม่รู้เรื่องอะไร ล้วนต้องพึ่งเขาแล้ว