บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1957 นางเลื่อมใสศรัทธาพ่อ
จุดธูปแล้ว สามีปล่อยภรรยาแล้วอุ้มนางไปพักผ่อนบนเตียง ดับไฟ ความมืดปกคลุม
เจ๋อหลานกับจิ่งเทียนไม่จากไปไหน ฟังเสียงลมหายใจทางด้านล่าง
ไม่ได้เข้าสู่โหมดหลับสนิท ทุกลมหายใจ ล้วนเต็มไปด้วยความทรมาน
ในบ้านหลังนี้ ปกคลุมไปด้วยความหดหู่ที่แทบหายใจไม่ออก ความเจ็บปวดจะอยู่กับพวกเขาไปตลอดชีวิต
ฆาตกรถูกจับ อย่างน้อยก็ให้ความสบายใจแก่พวกเขา ได้ปล่อยวางความขุ่นเคืองในครั้งนี้ แต่ความเจ็บปวดไม่เคยหยุดนิ่ง
เจ๋อหลานกับจิ่งเทียนจากไป แต่ไม่ได้รีบกลับวัง เดินไปตามถนนชิงหลวน
เทียบกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของพ่อฆาตกร ความเจ็บปวดอย่างไร้เสียงของพ่อแม่ผู้ถูกกระทำ ยิ่งทำให้นางสะเทือนใจมากกว่า
อีกอย่าง พ่อแม่ของฆาตกรหากในโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ จริงๆ แล้วไม่ถือว่าเป็นผู้ถูกกระทำ เลี้ยงดูอย่างไม่อบรมสั่งสอน ถือเป็นความผิดของพ่อแม่ ต่อให้เป็นผู้ถูกกระทำ แต่ผู้ร้ายคือลูกสาวของพวกเขาโทษคนอื่นไม่ได้
“เจ้า…..เจ้ากลับวังก่อนดีไหม ข้าจะไปทำธุระ” เจ๋อหลานรู้สึกว่ารอต่อไปไม่ได้แล้ว เดิมก็ควรที่จะให้นางตายในคืนนี้ ไม่ควรยืดเยื้อ
จิ่งเทียนมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”
เจ๋อหลานส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ เจ้าไม่ต้องมีส่วนร่วมและก็ไม่ต้องรู้เห็นกับเรื่องพวกนี้”
จิ่งเทียนหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องแบบนี้ข้าเห็นมาน้อยหรือ? ให้ข้าไปกับเจ้าเถอะ หากเจ้าลงมือไม่ลง ข้าช่วยเสริม ดาบของเราทั้งคู่ร่วมมือกัน”
พูดมาอย่างโรแมนติก แต่เรื่องที่จะกระทำกลับไม่โรแมนติกเลย
เจ๋อหลานจึงไม่พูดอะไรมาก ปล่อยเขาตามไปด้วย
คำสั่งของนรกไม่เพียงให้ฆ่าคนง่ายๆ ขนาดนั้น ยังต้องให้คนที่ถูกฆ่ากับคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เข้าใจ ทำไมนางถึงถูกฆ่า
นี่เท่ากับเป็นการบอกลาครอบครัวของผู้ตาย และเป็นการทำให้ครอบครัวของฆาตกรเข้าใจ
เจ๋อหลานมาปรากฏตัวราวกับตัวแทนของนรก การมาในครั้งนี้ไม่ให้พ่อแม่ของฆาตกรรู้ตัว ลากตัวฆาตกรตรงไปในป่า
เปิดกำไลคำสั่งนรก แสงสว่างไสวเป็นประกายล้อมรอบ ฆาตกรมองเห็นภาพผู้ถูกกระทำเฉินเข่อเข่อถูกฆ่า น่าสยดสยองอย่างที่สุด ชีวิตของตนเองก็เดินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
เจ๋อหลานปลิดชีวิตของนางในทันที แล้วก็เคลื่อนไหวกำไล กำไลเปล่งประกายพลังให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดเห็นถึงเรื่องราวทั้งหมดถูกกระบวนการ
คนในครอบครัวของผู้ถูกกระทำเฉินเข่อเข่อ มองเห็นภาพทุกอย่างในความฝัน คู่หมั้นของผู้ตาย ก็คือผู้ชายที่กำลังจะสู่ขอฆาตกรคนนั้น ก็เห็นถึงทุกการกระทำทั้งหมด
หลังจากตื่นขึ้นมา ความรู้สึกเหมือนจริงนี้ยังติดอยู่ภายในใจ อย่างไม่จางหาย
พวกเขาถึงขั้นไม่สามารถหลอกตัวเองได้ว่านี่คือความฝัน มีเสียงหนึ่งบอกพวกเขาว่า นี่คือความจริง ทำให้พวกเขาเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง
จิ่งเทียนอยู่เป็นเพื่อนด้วยตลอด เป็นสักขีพยานที่นางมีความสามารถพิเศษทำให้คนที่มีชีวิตอยู่เหล่านี้เห็นถึงความจริง ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างบีบหัวใจ แต่หลังจากร้องไห้แล้ว ก็รู้สึกได้ถึงความแค้นที่ค่อยๆ จางหายไป
นี่ช่างอัศจรรย์จริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสะใจ ทำให้ได้ครุ่นคิด ยังทำให้ชวนคิด มีความรู้สึกเหมือนกันกับหลังจากที่ร่วมทำคดีกับที่ทำการปกครองสำเร็จ แสดงให้เห็นถึงอำนาจของกฎหมาย ให้เงาแห่งความยุติธรรมเดินบนโลก
ในระหว่างทางกลับวัง เขาไม่พูดอะไรอยู่สักพัก ตกอยู่ในภวังค์ครุ่นคิด
รอเมื่อเข้าวังแล้ว จู่ๆ เขาก็ยืนนิ่ง มองดูเจ๋อหลานแล้วถามขึ้นว่า “เจ๋อหลาน ข้าก็อยากมีพระราชโองการแห่งกษัตริย์ของแคว้นจินให้กับเจ้า แบบนี้หากเจ้าเจอคดีที่เกี่ยวข้องกับคนแคว้นจิน ก็สามารถไปจัดการด้วยวิธีของเจ้าได้”
เจ๋อหลานลังเลสักพัก แล้วก็พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ข้าต้องถามพ่อก่อน”
ใช่ว่านางไม่อยาก ที่จริงนางอยากกระทำแบบนั้นมาก ตอนนี้ทั้งสองประเทศไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิด คนค้าขายเดินทางไปมาทั้งสองประเทศ มีคดีที่เกิดจากการข้ามพรมแดนที่คลี่คลายได้ยากอย่างมากมาย แม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีการแลกเปลี่ยนกัน แต่การสอบสวนคดีอาญายังไม่ทั่วถึง คดีจึงยากที่จะคลี่คลาย
อย่างเช่นฆาตกรก่อเรื่องในเป่ยถัง จากนั้นก็หนีกลับแคว้นจิน คดีก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ชะงัก ยากที่จะสืบสวน เพราะที่ทำการปกครองของเป่ยถัง ไม่สามารถไปจับผู้ร้ายในแคว้นจินได้ ต่อให้เข้าไปในแคว้นจินแล้ว ไม่มีที่ทำการปกครองท้องถิ่นให้ความร่วมมือ ก็หาตัวฆาตกรไม่เจอ
แต่นางคิดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่พระราชโองการที่เขามีให้กับนาง แต่จะปรึกษากับพ่อว่าควรที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
อันที่จริงแล้ว ทั้งสองประเทศต่างแต่งตั้งแผนกหนึ่งขึ้นมา รับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ เมื่อเจอคดีสามารถร่วมกันสืบสวน ในส่วนของการรับโทษ หากก่อเรื่องในประเทศไหน ก็ให้รับโทษตามกฎหมายของประเทศนั้น
เหมือนกับข้อบังคับการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนจะสามารถทำได้ถึงระดับไหน ก็จะไม่ใช่เรื่องที่นางสามารถไปมีส่วนร่วมได้
พ่อสามารถที่จะให้พี่ชายองค์ชายรัชทายาทไปจัดการเรื่องนี้ ก่อนอื่นต้องให้ทางด้านแคว้นจินเห็นด้วยเสียก่อน
เจ๋อหลานเล่าเรื่องนี้ให้จิ่งเทียนฟังคร่าวๆ หลังจากจิ่งเทียนฟังแล้ว ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งพร้อมพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ข้าจะพูดเรื่องนี้กับฮ่องเต้ หากทั้งสองประเทศต่างมีความเห็นตรงกัน เรื่องนี้ก็ไม่ยาก”
เจ๋อหลานหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดี งั้นข้าจะรอข่าวดีของพวกเจ้า”
จิ่งเทียนมองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มของนาง ในใจสั่นไหวแล้วก็ถามขึ้นว่า “เจ๋อหลาน ทำไมเจ้าถึงให้ความสนใจการทำคดีลงโทษคนร้ายแบบ?”
สายตาเจ๋อหลานเป็นประกายเรืองแสงเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจว่า “เพราะเมื่อก่อนพ่อของข้าเคยเป็นเจ้ากรมการพระนคร สืบสวนคลี่คลายคดีใหญ่มากมาย”
ลูกสืบทอดกิจการของพ่อ พี่ชายที่เป็นองค์ชายรัชทายาทต้องเป็นฮ่องเต้ ส่วนนางก็อยากเดินตามรอยเท้าในตอนนั้นของพ่อ ก้าวเดินไปทีละก้าว นางภาคภูมิใจในตัวพ่อมาก แต่ไม่เคยพูดกับพ่อมาตลอด