บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1960 สวีอีไม่มีความมั่นใจในตนเองเลย
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1960 สวีอีไม่มีความมั่นใจในตนเองเลย
เมืองหลวงของเป่ยถัง กลางคืนไม่ได้ห้ามออกจากเคหสถาน สถานบันเทิงยามค่ำคืนรื่นเริงมาก มีอาหาร เครื่องดื่ม และความสนุกสนานทุกประเภท
ในตอนกลางวันจิ่งเทียนยังไม่ค่อยกล้าเล่นตามอำเภอใจ พลบค่ำทานข้าวในภัตตาคาร ดื่มเหล้านิดหน่อย มึนเมาบ้างแล้วก็เริ่มปลดปล่อยตนเองแล้ว
เขาไม่ได้เล่นอย่างสนุกสนานเหมือนอย่างวัยรุ่นปกติทั่วไป ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะมานานมากแล้ว
เจ๋อหลานก็ดื่มเหล้านิดหน่อย ปกตินางชอบความสงบ แต่คืนนี้ก็ร่วมบ้าคลั่งกับทุกคน วิ่งอยู่บนถนนชิงหลวน หันมามองดูใบหน้าทุกคนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในใจก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา ในยุคสมัยนี้ ถือเป็นยุคสมัยที่ดีที่สุดของเป่ยถังจริงๆ
พ่อเก่งมากจริงๆ
จิ่งเทียนมองเห็นรอยยิ้มที่งดงามของนาง ภายในใจเต็มล้นไปด้วยความรัก วิ่งไปหาอย่างห้ามใจไม่ไหว จับมือของนางแล้ววิ่งไปด้วยกัน
ซาลาเปากับทังหยวนมองตากัน จากนั้นก็ปิดตาข้างหนึ่งพร้อมกัน วันนี้มีความสุข ช่างเถอะช่างเถอะ ยังไงพ่อก็ไม่เห็น
ประตูวังในค่ำคืนนี้ ปิดประตูช้าเพื่อรอพวกเขา เพราะเมื่อกลับมาถึงในวัง ก็เลยเที่ยงคืนแล้ว
สวีอีเฝ้ารอตรงประตูวังอยู่ตลอด เห็นพวกเขากลับมา ก็รีบวิ่งไปรายงานฮ่องเต้
หยู่เหวินเห้าคอยสบายใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เตรียมตัวนอน
เขาไม่เป็นห่วงลูกชาย แต่เป็นห่วงลูกสาว ยังไงจิ่งเทียนก็ไปด้วย หากไม่เฝ้าดูให้ดี ปล่อยให้เขามีความคิดเป็นอื่น จุงมือ หอมแก้มอะไรพวกนี้ ตนเองก็อาละวาดไม่ได้
แต่ช่วงวันเวลาที่จิ่งเทียนอยู่เป่ยถัง มีเพียงวันนี้ที่ได้ทำกิจกรรมอย่างเป็นอิสระ ต่อจากนั้น ทั้งสองประเทศร่วมกันปรึกษาหารือ ความเมื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจเริ่มต้นขึ้น เมื่อมีการลงนามในสัญญาการค้าระหว่างชายแดน
ส่วนหยู่เหวินเห้ามอบอำนาจทั้งหมดให้องค์ชายรัชทายาทไปจัดการ ตนเองกลับพักผ่อนอย่างมีความสุข
เรื่องเศรษฐศาสตร์ทางธุรกิจ ท่านชายสี่ยังต้องเป็นผู้นำ โสวฝู่ไม่สนใจไม่ได้ ยังคงต้องคอยเฝ้าดูความคืบหน้าอยู่ตลอดเวลา
ทุกคนต่างงานยุ่งขนาดนี้ หยวนชิงหลิงจึงสั่งห้องเครื่องเตรียมอาหารอร่อยไว้ให้ทุกคนได้บำรุงร่างกาย
หยู่เหวินเห้าก็ไม่ได้ว่างอยู่เป็นเพื่อนภรรยามานานมากแล้ว วันนี้ตั้งใจหาเวลามาครึ่งวันเพื่ออยู่ในวังหลัง แต่หยวนชิงหลิงกลับไม่มีเวลาให้เขา ถูกพวกพี่สะใภ้น้องสะใภ้พาไปแล้ว หยู่เหวินเห้าจึงเดินเล่นในสวนอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นก็ไปตรวจดูที่ห้องเครื่อง
ฮ่องเต้ไปยังห้องเครื่อง ทำให้คนในห้องเครื่องต่างตกอกตกใจ แต่ละคนต่างทำกับข้าวไม่เป็นแล้ว ร่างกายสั่นเทา เหงื่อไหลท่วมตัว สุดท้ายมู่หร่งกงกงดึงเขาออกมา ถึงสามารถรักษาความอร่อยของห้องเครื่องในวันนี้ได้อย่างปกติ
พักผ่อนครึ่งวัน กลับไม่มีอะไรทำ พูดไม่ออกเลยทีเดียว
อยากไปคุยกับลูกสาว แต่ลูกสาวก็ถูกกั่วเอ๋อกับอานจือพาไปแล้ว ไม่มีเวลาสนใจพ่ออย่างเขา ไปหาทังหยวน ทังหยวนก็บอกว่าต้องช่วยงานพี่ชายองค์ชายรัชทายาท แม้แต่เข้าสังคมเขาก็ไม่มีเวลา
หยู่เหวินเห้านอนกลางวันไปสักพัก แล้วก็ฝึกเพลงดาบอยู่ในสวน
หลังจากที่ไม่ได้ฝึกฝนมานาน ทำให้ห่างเหินไปมากจริงๆ แต่ยังไงก็ยังมีฝีมืออยู่ติดตัว สักพักก็หาความรู้สึกกลับมาแล้ว รับ แทง ตวัด บิน ผ้าแพรปลิวไสว ราวกับยังเป็นอ๋องฉู่ที่กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา
หลังจากฝึกเพลงดาบแล้ว ยังไม่ถึงยามเซิน เขาตามสวีอีกับมู่หร่งกงกงมา บอกว่าจะไปดูจวนเจ้าพระยาจงภักดีของเขาว่าต่อเติมถึงไหนแล้ว
สวีอีไม่ค่อยอยากไป สถานที่มีเป็นความเจ็บปวดในใจของเขา มาถึงจวนเจ้าพระยาจงภักดี ของกินของใช้ทุกอย่างล้วนต้องรับผิดชอบเอง ไม่ได้อยู่ข้างกายฮ่องเต้ ในใจทรมานอย่างมาก
สิ่งที่ทรมานที่สุดก็คือ ตั้งแต่เขาติดตามฮ่องเต้มา ยังไม่เคยแยกจากฮ่องเต้เลย แต่งงานมีลูก ก็ไม่เหมือนกับการมีครอบครัวใหม่ แต่เมื่อมาอยู่ข้างนอก เท่ากับเป็นการตั้งครอบครัวจริงๆ แล้ว
ภายใต้ความตั้งใจของหยู่เหวินเห้า สวีอียังคงตามไปด้วย
การต่อเติมเป็นไปอย่างรวดเร็ว กำแพงเปลี่ยนกระเบื้องใหม่ ประตูที่เก่าก็เปลี่ยนใหม่ ภายในลานก็ย้ายปลูกต้นไม้ใหม่ รากต้นไม้ยังไม่ติดดี ทำให้แลดูเหี่ยวเฉา
สวีอียังไม่มีความรู้สึกอยากอยู่ที่นี่ เดินวนหนึ่งรอบ รู้สึกเหมือนกำลังดูจวนของคนอื่น
หยู่เหวินเห้าให้เขาแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมาบ้าง เขามองอยู่ตั้งนาน แล้วก็บอกว่าไม่มีความเห็นอะไร
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “นี่เป็นบ้านของเจ้า เมื่อก่อนอยู่ที่จวนอ๋องฉู่ ตอนที่ซ่อมต่อเติมบ้านหลังเล็กหลังนั้นของเจ้า เจ้ามีความคิดเห็นมากมาย ทำไมเมื่อมาถึงจวนเจ้าพระยา เจ้ากลับไม่มีความสนใจ? เจ้าให้ความสนใจหน่อย นี่คือบ้านของเจ้า บ้านของเจ้า”
สวีอีพูดขึ้นอย่างหดหู่ว่า “ที่นี่เทียบกับเรือนเล็กที่จวนอ๋องฉู่ได้ยังไง? ที่นั่นเป็นบ้าน ที่นี่เป็นจวน”
“ทำหน้าโศกเศร้าทำไม มีคนตั้งมากมายแค่ไหนอยากที่จะมีความมั่งคั่งได้เลื่อนตำแหน่ง เจ้ากลับคิดถึงแต่ความทุกข์ยากในอดีต”
“กระหม่อมไม่รู้สึกว่าที่ผ่านมานั้นทุกข์ยาก เมื่อก่อนมีความสุขมากมายขนาดไหน อยู่ภายในวังก็มีความสุข ฮ่องเต้ อยากจะขอถามพระองค์ว่า อยากที่จะให้กระหม่อมออกมาอยู่ข้างนอกจริงหรือ? ตอนนี้กระหม่อมทำงานอยู่ในกรมทหาร วันนี้วันหยุดถึงค่อยมีเวลามาอยู่กับพระองค์ แต่ต่อไปตอนกลางวันไม่มีเวลาว่าง ตอนกลางคืนไม่ได้อยู่ในวัง พระองค์จะได้เจอกระหม่อมก็ถือเป็นเรื่องยาก บางทีเป็นเดือนก็ยังไม่ได้เจอกันสักครั้ง”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เจ้าไม่เข้าร่วมว่าราชการเช้าหรือ?”
“ว่าราชการเช้าแล้วยังไง? ในที่ว่าราชการเช้ามีขุนนางมากมายขนาดนี้ พระองค์มีดวงตาเพียงคู่เดียว จะสามารถมองเห็นกระหม่อมหรือ?”
“เจ้าดูเจ้าสิ ทำตัวอย่างกับผู้หญิง ขี้เกียจยุ่งกับเจ้า” หยู่เหวินเห้าหันหน้าเดินไป สวีอีไม่มีความมั่นใจในตนเองเลย