บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1961 เมาเหมือนฝัน
สวีอีถอนหายใจ วิ่งตามไป ยังคงพยายามพูดเกลี้ยกล่อมฮ่องเต้
“หรือว่า รอสวีเปิ้งเปิ้งเติบโต แต่งงานมีภรรยาแล้ว ค่อยให้เขามาอยู่จวนเจ้าพระยาจงภักดี? อีกอย่าง เราเคยไปบ้านครอบครัวของฮองเฮา ที่นั่นมีกฎที่ไม่เป็นทางการ ลูกสะใภ้ไม่ชอบอาศัยอยู่กับพ่อแม่สามี งั้นกระหม่อมก็ยังคงอาศัยอยู่ในพระราชวัง หากพระองค์มีอะไรอยากให้กระหม่อมรับใช้ ก็สามารถใช้ได้ทันที ไม่ดีหรือ?”
หยู่เหวินเห้าคิดว่า ต่อไปหากภรรยาไม่มีเวลาว่าง งั้นก็ไม่ต้องมีเวลาพักผ่อน จะต้องถูกสวีอีทำให้รำคาญแน่
การตัดสินใจให้สวีอีออกมาอยู่ข้างนอก ไม่มีทางเปลี่ยนใจ ถึงแม้จะทำใจไม่ได้ แต่เขามีลูกชาย ต่อไปยังมีหลาน ต่อไปตระกูลสวีจะต้องเจริญรุ่งเรืองขึ้น สวีอีจะต้องมีจวนเป็นของตนเอง มีวงจรชีวิตเป็นของตนเอง สร้างรากฐานครอบครัวที่มั่นคงให้กับลูกหลานของเขา
มู่หร่งกงกงรู้ถึงความตั้งใจของฮ่องเต้ จึงพูดกับสวีอีอยู่ข้างหลังอย่างเป็นขั้นเป็นตอน หวังว่าเขาจะเข้าใจความตั้งใจของฮ่องเต้
หยู่เหวินเห้าเดินอยู่ข้างหน้า ได้ยินพวกเขาคุยกันอยู่ข้างหลัง แสงแดดดีขนาดนั้น ลมอ่อนโยนขนาดนั้น ยามบ่ายที่แสนธรรมดาของมนุษย์ ยามบ่ายเช่นนี้ในแต่ละวัน รวมวันเวลาที่น่าเบื่อในชีวิตของเขาเข้าด้วยกัน
เขาชอบมาก
ออกมาจากจวนเจ้าพระยาจงภักดี เขาไปยังค่ายทหารเขตใต้อย่างไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
เขาที่ออกมาจากค่ายกองทหาร รู้สึกมีความผูกพันกับค่ายทหารอย่างมาก แต่การที่ฮ่องเต้มาอย่างกะทันหัน ทำให้แม่ทัพกับเหล่าทหารในค่ายทหารเขตใต้ตกอกตกใจ
ตอนนี้ฮ่องเต้แคว้นจินมาเป็นแขกอยู่ในเมืองหลวง ฮ่องเต้มาได้อย่างไร? และก่อนมาก็ไม่มีพระราชโองการ ภายในค่ายทหารเตรียมการไม่ทัน ทำได้เพียงต้อนรับอย่างรีบร้อน
ค่ายทหารเขตใต้มีลูกน้องเก่าของเขามากมาย มองดูใบหน้าที่คุ้นเคยและตื่นเต้นพวกนี้ หยู่เหวินเห้ารู้สึกผิดต่อพวกเขาอย่างมาก ผ่านไปหลายปีขนาดนี้ ไม่เคยคิดที่จะร่วมฉลองกับพวกเขา
คิดได้เช่นนี้จึงสั่งคนไปซื้อเหล้ามา แล้วดื่มกับพวกแม่ทัพทุกคนสามร้อยแก้ว
ในที่สุดสวีอีก็ไม่พูดมากอีก เขาก็มีความสุข ได้เห็นพวกเขา ราวกับยังได้มองเห็นปีแห่งความรุ่งเรืองในตอนนั้น พวกเขาร่วมเป็นร่วมตามกันอยู่ในสนามรบ นี่ล้วนเป็นมิตรภาพที่เคยผ่านความตายมาด้วยกัน
ค่ายทหารเขตใต้กำลังจะจัดโต๊ะดื่มเหล้า หยู่เหวินเห้ามองดูสนามฝึก แล้วก็พูดขึ้นว่า “เตรียมโต๊ะเหล้าทำไม? นั่งบนพื้นด้านนอกนี้แหละ ดื่มให้ลืมวันลืมคืนไปเลย”
ยังไงฟ้าไม่มืดค่ำเจ้าหยวนก็ไม่กลับวัง เขาสามารถดื่มได้อย่างสะใจ พูดคุยเล่าเรื่องเก่าในตอนนั้นกับทุกคน
ถึงแม้กันนั่งพื้นจะเป็นการไม่สมฐานะของฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้ยืนยันที่จะทำเช่นนี้ ทุกคนจึงรีบเตรียมกันทันที
ถ้วยใบโตแต่ละอันวางลงบนพื้น เทเหล้าจนเต็ม ยกหมดถ้วยกันก่อนอย่างไม่พูดอะไรสักคำ เพื่อขจัดความระแวดระวังความเกรงใจของทุกคน
ดื่มวนไปสามรอบ ทุกคนค่อยๆ ผ่อนคลาย คนเก่าคนแก่มารวมตัวกัน ล้วนพูดถึงแต่เรื่องที่ผ่านมา และที่น่าจดจำที่สุดคือเรื่องบนสนามรบ
ตอนนั้นเทพแห่งความตายมาปกคลุม ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเป็นเรื่องชั่วขณะ ตอนนี้เมื่อพูดถึง ยังรู้สึกโศกเศร้า
หยู่เหวินเห้าเทเหล้าลงพื้นหนึ่งแก้ว เคารพพวกทหารพลีชีพ บรรยากาศเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที ส่วนมากเต็มไปด้วยความเคารพ
แต่บรรยากาศกลับอบอุ่นขึ้นมาในทันใด กระทั่งมีคนไม่เรียกฮ่องเต้ เรียกว่าแม่ทัพใหญ่เหมือนอย่างในตอนนั้น
ตอนนี้เจ้าห้าดื่มเหล้า ต่อให้ดื่มมากอีกแค่ไหนก็ไม่เมา แต่วันนี้ไม่รู้ทำไม ที่รู้สึกเมาขึ้นมา ภาพเรื่องราวเก่าๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เขาพูดกับสวีอีว่า “จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่า เรื่องราวทุกอย่างเหมือนเป็นความฝัน”
สวีอีก็เมามาย แต่ก็ยังจำได้ว่าเขาเป็นฮ่องเต้ จึงพูดขึ้นว่า “พระองค์ไม่ใช่อ๋องฉู่แล้ว พระองค์คือฮ่องเต้ เป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน”
หยู่เหวินเห้าตบบ่าของเขาแรงๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ากำลังพูดกับเจ้าเรื่องความฝัน เจ้าพูดถึงฮ่องเต้อะไร? ข้ายังหนุ่มขนาดนี้ เป็นฮ่องเต้อะไร?”
มู่หร่งกงกงได้ยินคำพูดเหลวไหลพวกนี้ คิดว่าควรที่จะกลับวังได้แล้ว หากดื่มต่อไป เรื่องฉู่หมิงชุ่ยในตอนนั้นก็ต้องพูดออกมาแน่ ดังนั้นจึงรีบเตรียมรถม้า แล้วสั่งทุกคนเดินทางกลับวัง
กลับมาถึงในวัง หยวนชิงหลิงก็กลับมาแล้ว เห็นเจ้าห้าที่ดื่มจนเมา นางแปลกใจอย่างมาก ดื่มไปตั้งเท่าไหร่? ถึงทำให้เขาเมามายเช่นนี้
มู่หร่งกงกงบอกว่าจะไปเตรียมน้ำสร่างเมา หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องแล้ว ให้เขาได้ลิ้มรสของความมึนเมาบ้าง ให้เขาพูดจาไปเรื่อยอีกสักพัก”
หยู่เหวินเห้าโอบกอดนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “พูดไปเรื่อยอะไร? ที่พูดมาล้วนเป็นความในใจ ชั่วชีวิตนี้ ตอนนี้เมื่อหวนคิดก็เหมือนอย่างฝัน หลังจากเจ้ามาปรากฏตัว ข้าก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝันมาตลอด”
“ความฝันนี้เหมือนจริงไหม?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
หยู่เหวินเห้าปล่อยนาง ล้มนอนลงบนเตียง หัวสมองวิงเวียน พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เมานั้นเป็นความจริง แต่ตอนนี้เมื่อหวนคิดถึง ก็รู้สึกลวงตาอย่างมาก ชีวิตคนเรา เดิมก็เป็นดั่งความฝันที่หลอกให้ดีใจเก้อ”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดกับมู่หร่งกงกงว่า “กงกง เจ้ากลับไปพักก่อนเถอะ ข้าดูแลเขาเอง”
“ลำบากเหนียงเหนียงแล้ว ฮ่องเต้ไม่เมาแบบนี้มานานมากแล้ว” มู่หร่งกงกงพูดเช่นนี้ แต่ก็ดีใจอย่างมาก เพราะถึงแม้ฮ่องเต้จะเมา แต่ก็มีความสุข
หลังจากมู่หร่งกงกงออกไปแล้ว ประตูตำหนักถูกปิด หยวนชิงหลิงนอนลง เอนพิงบนไหล่ของเขา มือค่อยๆ โอบกอดเบาๆ กลิ่นแอลกอฮอล์แฝงไปด้วยความเย้ายวนใจ แต่ก็ซ่อนรสนิยมของผู้ชายไว้ไม่ได้ ระหว่างลมหายใจของเขา ริมฝีปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย ใช่ เหมือนดั่งความฝันจริงๆ