บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1966 เจ้าตาทับทิมไหว้อาจารย์
บทที่ 1966 เจ้าตาทับทิมไหว้อาจารย์
เจ๋อหลานก็ไม่รู้ว่าตกลงนางเข้าใจหรือไม่ และก็รู้สึกว่าตนเองอาจจะพูดไม่ชัดเจน แต่ตามที่เจ้าตาทับทิมมีความเข้าใจต่อโลกและจิตใจมนุษย์นั้น ต่อให้พูดชัดเจนนางก็อาจจะไม่เข้าใจ
นางเพิ่งเรียนรู้ในการเป็นคน จำเป็นต้องเรียนรู้ความจริงของการเป็นคนจนกระทั่งเพิ่มคุณค่าของชีวิตนั้น ถือว่ามากเกินไปสำหรับนาง
สุดท้ายเจ๋อหลานคิดไปคิดมา แล้วก็ไปรอพี่องค์ชายรัชทายาท คุยกับเขาก่อน แล้วถามให้ชัดเจนว่าเขามีความคิดเหมือนที่ตนเองคิดไหม
องค์ชายรัชทายาทยังคงกลับมาถึงวังตอนใกล้เที่ยงคืน ยังกลับไม่ถึงวังก็ถูกเจ๋อหลานดักรอไว้
เจ๋อหลานรู้ว่านางรีบกลับวัง จึงรีบเร่งพูดอย่างรวดเร็ว
องค์ชายรัชทายาทก็คาดเดารู้ว่านางจะต้องไปหาเจ๋อหลาน จึงพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ เมื่อวานข้าก็ไม่รู้จะพูดกับนางยังไง เจ้าพูดแบบนี้ก็ถูก ข้ามีความตั้งใจเช่นนี้จริง หวังอยากให้นางมีสิ่งที่ตนชอบ”
“สิ่งที่นางชอบในตอนนี้ ก็คือทำกับข้าวให้เจ้า”
องค์ชายรัชทายาทถอดถอนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “นางเคยชินกับการที่เห็นข้าสำคัญที่สุด แต่ข้าอยากให้นางเห็นตนเองสำคัญที่สุด ข้าอยากให้คนที่นางรักที่สุดคือตนเอง”
“ที่จริงพี่ชายเป็นห่วงนางมากใช่ไหม?”
ตาคิ้วองค์ชายรัชทายาท เต็มไปด้วยความอ่อนโยน พร้อมพูดขึ้นว่า
“เป็นห่วงอยู่แล้ว และก็เพราะเป็นห่วง จึงอยากให้นางไปลองใช้ชีวิตนอกจากการมีข้า
สิ่งอื่นๆ ที่ดี และก็เพื่อแสวงหาพรสวรรค์ของนาง แต่ละคนต่างก็มีพรสวรรค์ลักษณะเป็นของตนเอง นางเองก็มี”
เจ๋อหลานได้ยินแบบนี้ก็วางใจ แต่ยังไงพี่ชายก็ยังเป็นวัยรุ่น
ไอคิวอาจจะสูง แต่การดีกับคนข้างกายนั้นยังขาดประสบการณ์
และการที่คนสองคนจะอยู่ด้วยกันยังไงก็ต้องผ่านการฝึกฝน
และเจ้าตาทับทิมก็ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทอ่อนแอ
นางเพียงแค่ไม่รู้ ยังอยู่ในระหว่างการเรียนรู้ นางก็ฉลาดมาก เรียนรู้ได้เร็ว
ดังนั้นคาดว่าไม่นานก็คงจะเข้าใจ
เจ้าตาทับทิมยังครุ่นคิดอยู่หลายวัน นางกำลังคิดว่านอกจากการอยู่กับพี่ซาลาเปาแล้ว นางยังทำอะไรได้อีก หรือชอบอะไรอีก
เปิดร้านขายขนมหวาน
ฝีมือการทำอาหาร นางตั้งใจเรียนเพื่อพี่ซาลาเปา ไม่อยากเอามาแบ่งปัน
หรือร้านซาลาเปา นางล้วนไม่อยาก
วันนี้กว่าองค์ชายรัชทายาทจะมีเวลา ก็รีบพาน้องออกจากวัง
ถึงแม้ครึ่งวันไปไหนไกลไม่ได้ แต่อยู่ใกล้ๆ
เมืองหลวงได้
วันนี้เขาไม่ได้มาเดินเที่ยวอย่างไม่มีจุดหมาย แต่ตั้งใจจะพาเจ้าตาทับทิมไปยังสถานที่หนึ่ง
นั่นก็คือโรงงานแกะสลักโรงงานหนึ่ง เจ้าของโรงงานเป็นอาจารย์แกะสลักฝีมือดีมีชื่อเสียงในเป่ยถัง ชื่อสวีเฉียวเป็นหม้ายมานานหลายปี เริ่มแรกอาศัยการขายไม้แกะสลักเลี้ยงดูลูกหลายคน
เพราะความตั้งใจในการผลิตผลงานด้านแกะสลัก ทำให้นางค่อยๆ มีชื่อเสียง จนถึงตอนนี้ในวงการไม้แกะสลัก
หากพูดถึงนางไม่มีใครไม่รู้จัก
ส่วนช่างสวีถนัดแกะสลักสัตว์ ผลงานที่ผ่านการแกะสลักโดยฝีมือนาง
แลดูมีชีวิตชีวา องค์ชายรัชทายาทคิดว่าเจ้าตาทับทิมจะต้องชอบ
และจะชอบมาก
และแล้ว เมื่อเจ้าตาทับทิมมาถึงโรงงาน เห็นถึงผลงานของช่างสวีความชอบอย่างตกตะลึง ที่นางแสดงออกมานั้นไม่ปกปิดเลย
จับอันนี้ แตะอันนั้น สุดท้ายจับผลงานจิ้งจอกที่ยังทำไม่เสร็จขึ้นมา นิ้วมือลูบคลำตามร่องรอย
อย่างหลงใหลอย่างมาก
องค์ชายรัชทายาทมองดูตาคิ้วที่ชื่นชอบของนาง แล้วถามขึ้นว่า “อยากเรียนไหม?”
เจ้าตาทับทิมพูดขึ้นว่า “อาจารย์จะสอนหรือ?”
นางหันไปมองช่างสวีแววตาเต็มไปด้วยความร้องขอ
ช่างสวีไม่รู้สถานะขององค์ชายรัชทายาทกับเจ้าตาทับทิม หลายวันก่อนมีลูกค้าเก่าแนะนำเขามา
เมื่อวานจู่ๆ ก็บอกว่าจะแนะนำลูกศิษย์ให้นาง
ซึ่งมาวันละครั้งทุกวัน ดูผลงานอย่างเดียวแล้วก็ไม่ซื้อ
ในการรับลูกศิษย์นั้นนางค่อนข้างปฏิเสธ หลายปีมานี้มีคนไม่น้อยที่อยากจะขอเป็นศิษย์ของนาง
เพราะนางไม่มีความอดทนที่จะสอนใคร เอาเวลาที่มีไปทำผลงานแกะสลักยังจะดีกว่า
ล้วนถูกนางปฏิเสธ
แต่เมื่อวานหลังจากหนุ่มคนนี้พูดสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ได้รับปากนางอย่างหนึ่ง นั่นก็คือหากนางยอมสอนคนที่เขาแนะนำในฐานะลูกศิษย์ เขาก็สามารถส่งลูกชายคนเล็กของนางไปทำงานในที่ทำการปกครองกรมการพระนคร
นางมีลูกหกคน มีทั้งทำธุรกิจค้าขาย เป็นทหาร เป็นเจ้าหน้าที่ในที่ทำการปกครอง
นางล้วนไม่ต้องเป็นห่วง มีเพียงลูกชายคนเล็กที่ดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีความอดทน
ยอมแพ้กลางคันอยู่ตลอด เถลไถลไปวันๆ คลุกคลีอยู่กับอันธพาล แม้แต่ภรรยาก็หาไม่ได้ ทำให้นางหงุดหงิดใจยิ่งนัก
หากสามารถได้เข้าไปทำงานในที่ทำการปกครอง มีเบี้ยจากราชสำนัก ต่อไปก็ไม่ต้องเป็นห่วงเขาแล้ว งั้นมีลูกศิษย์คนหนึ่งก็ไม่เป็นไร
โดยเฉพาะยังเป็นแม่นางที่ใสซื่อบริสุทธิ์งดงามคนหนึ่งเช่นนี้ มองดูสายตาที่เต็มไปด้วยความรอคอยของนาง หัวใจก็แทบละลายแล้ว
สิ่งที่นางเสียใจที่สุดในชีวิตมีสองอย่าง อย่างแรกก็คือสามีเสียชีวิตเร็วเกินไป อย่างที่สองก็คือไม่มีลูกสาว มีลูกศิษย์เป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็ดี