บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1967 ตระกูลคุณชายเปามีคนเป็นขุนนางมั้ง
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1967 ตระกูลคุณชายเปามีคนเป็นขุนนางมั้ง
บทที่ 1967 ตระกูลคุณชายเปามีคนเป็นขุนนางมั้ง
หลังจากเจ้าตาทับทิมกลับวังก็ดีใจอย่างมาก รีบไปหาเจ๋อหลาน บอกนางเรื่องที่ตนไหว้อาจารย์
ช่วงนี้เจ๋อหลานไม่ค่อยเห็นนางมีความสุขขนาดนี้ ราวกับนกที่ถูกขังอยู่ในกรงเป็นเวลานาน จู่ๆ กรงถูกเปิดแล้วได้บินออกไปอย่างมีความสุข
ยังคงเป็นพี่ชายที่คิดได้อย่างรอบคอบ เจ้าตาทับทิมไม่สามารถถูกขังไว้อยู่ในกรงไปตลอด นางเรียนรู้ได้เร็วมาก ก็ควรให้นางไปเรียนรู้อยู่ตลอด ต่อไปจะเปิดโรงงานก็ดี แกะสลักเล่นก็ดี ยังไงก็มีสิ่งที่ชอบทำ ถือว่าเดินออกมาแล้วก้าวแรก
อีกอย่างเมื่อพี่ชายมีเวลาว่างก็สามารถไปหานางที่โรงงานได้ ไม่จำเป็นต้องกลับวังในราชวังถึงแม้จะไม่ไกล แต่ก็กว้างใหญ่ การไปกลับต้องใช้เวลาอย่างมาก
ท่าทีมุ่งมั่นตั้งใจของเจ้าตาทับทิม ทำให้ช่างสวีพอใจมาก เด็กผู้หญิงคนนี้ราวกับหยกอย่างดี ใสซื่อบริสุทธิ์น่ารัก ทั้งรู้ความและว่าง่าย ได้ยินว่านางเป็นคู่หมั้นของคุณชายเปา ถือว่าเหมาะสมกันอย่างมาก ราวกับกิ่งทองใบหยก
นางซาบซึ้งใจในตัวคุณชายเปาอย่างมาก เพราะคุณชายเปาพูดคำไหนคำนั้น เอาลูกชายของนางไปทำงานที่ทำการปกครองจริงๆ และยังเป็นตำรวจอยู่ที่ที่ทำการปกครองกรมการพระนครถือว่าไม่เสียแรงที่เขาฝึกฝีมือการต่อสู้มาอยู่บ้าง
และเข้าไปได้ไม่กี่วัน นิสัยเอาแต่ใจของเจ้าเด็กนี่ก็สงบลง เห็นได้จากบาดแผลบนใบหน้า เป็นการถูกซ้อม จะต้องมีคนทำร้ายเขาอย่างรุนแรงสักครั้ง
เป็นแบบนี้มาครึ่งเดือน ช่างสวีพูดกับคุณชายเปาว่า “เจ้าตาทับทิมมีพรสวรรค์อย่างมาก อนาคตจะต้องไม่ธรรมดาแน่”
ภายในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ โชคดีที่รับนางไว้เป็นศิษย์ตั้งแต่ตอนนั้น มีลูกศิษย์ที่ดีขนาดนี้ก็ถือเป็นบุญของนาง
องค์ชายรัชทายาทนอบน้อมถ่อมตนอย่างมาก ยกมือประสานพร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นเพราะอาจารย์สอนได้ดี หวังว่าอาจารย์จะถ่ายทอดความรู้อย่างเต็มที่”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
ช่างสวีมองดูเขาแวบหนึ่ง เห็นเขาหล่อเหลาแลดูสูงศักดิ์ เห็นได้ชัดว่าสถานะไม่ธรรมดา จึงอดไม่ได้ที่จะทางขึ้นว่า
“ข้าได้ยินเจ้าตาทับทิมบอกว่านางเป็นคู่หมั้นของเจ้า ไม่รู้ว่าพวกเจ้าวางแผนที่จะจัดงานแต่งงานกันเมื่อไหร่?”
“ไม่รีบ รออีกหลายปีหน่อย” องค์ชายรัชทายาทพูดตอบอย่างยิ้มแย้ม
ช่างสวีส่ายหัว
จะได้ไม่มีเหตุอย่างอื่น”
พร้อมพูดขึ้นว่า “เด็กผู้หญิงรอนานไม่ได้ แต่งงานยิ่งไวยิ่งดี
ช่างสวีคิดว่าเจ้าตาทับทิมมีสถานะธรรมดา เพราะนางไม่รู้เรื่องมารยาทของคนในตระกูลใหญ่เลย
มีบางครั้งที่เอะอะเสียงดัง พูดตรงไปตรงมา สำหรับในชาวบ้านถือว่ามีนิสัยร่าเริง
นางชอบ แต่สำหรับในตระกูลใหญ่ถือว่าไม่เหมาะสม
นางเป็นห่วงว่าหากปล่อยไปอีกหลายปี คนในตระกูลคุณชายเปาหากมีตัวเลือกที่ดี อาจจะล้มเลิกงานแต่งงานก็ได้
องค์ชายรัชทายาทมองดูเจ้าตาทับทิมที่กำลังตั้งใจแกะสลักไม้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ข้าไม่มีทางเปลี่ยนใจเป็นอื่น ข้าจะแต่งงานกับนางเท่านั้น”
ช่างสวีมองดูเขา ลังเลอยู่สักพักแล้วก็ถามขึ้นว่า “คนในครอบครัวคุณชายเปามีใครเป็นขุนนางหรือไม่?”
องค์ชายรัชทายาทหันกลับมาพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงถามเช่นนี้?”
“หากคุณชายเปาไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไร” ช่างสวีส่ายหัว
องค์ชายรัชทายาทพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ไม่มีอะไรไม่สะดวก เพียงแค่ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ถึงถามแบบนี้ ทานไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรกับขุนนางในราชสำนักมั้ง?”
ช่างสวียิ้มแย้มพร้อมพูดขึ้นว่า “จะมีความคิดเห็นอะไรล่ะ?
เป่ยถังในตอนนี้ ภายใต้การปกครองของฮ่องเต้ ทุกอย่างโปร่งใส
พวกขุนนางต่างปฏิบัติตนตามหน้าที่ อย่างน้อยภายในเมืองหลวงก็ได้ยินเรื่องคดโกงกดขี่ข่มเหงน้อยมาก เพียงแค่หากคนในตระกูลคุณชายเปาเป็นขุนนางในราชสำนัก แล้วตำแหน่งสูง ไม่รู้ว่าครอบครัวเจ้าตาทับทิมเหมาะสมหรือไม่?”
จะว่าไปแล้วก็เพราะเป็นห่วงลูกศิษย์
องค์ชายรัชทายาทพูดขึ้นว่า “คุณอาคุณลุงของข้าเป็นขุนนางในราชสำนักจริง ส่วนครอบครัวเจ้าตาทับทิมกับครอบครัวข้าก็เหมาะสมกัน”
เจ้าตาทับทิมเป็นเจ้าหญิงแคว้นต้าซุ่น ส่วนเขาเป็นองค์ชายรัชทายาทของเป่ยถัง ถือว่าเหมาะสมกันจริงส่วนคุณลุงคุณอาเป็นขุนนางอยู่ในราชสำนักก็เป็นความจริง
อาเจ็ดทำงานอยู่ที่กรมการพระนคร ลุงรองอยู่ในศาสหงหรู ลุงสามกับลุงสี่ล้วนอยู่ที่จวนเจียงเป่ย หากไม่พูดถึงความเป็นอ๋องชิน
ก็ถือว่าดำรงตำแหน่งขุนนาง
ช่างสวีได้ยินว่าสถานะเหมาะสมกัน ก็ค่อยวางใจ นางคิดว่าคนในครอบครัวคุณชายเปาคงเป็นขุนนางตำแหน่งไม่ใหญ่โตเพราะไม่เคยได้ยินขุนนางที่มีนามสกุลแซ่เปา
เมื่อมองดูท่าทีลักษณะของเจ้าตาทับทิม ก็ไม่เหมือนผู้หญิงที่มาจากครอบครัวตระกูลใหญ่ เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
ช่างสวีไม่ถามแล้ว เข้าไปตรวจดูผลงานแกะสลักของเจ้าตาทับทิม
เมื่อเจ้าตาทับทิมหันมา มองเห็นพี่ซาลาเปา ก็ลุกขึ้นมาอย่างดีใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ซาลาเปา
เจ้ามาแล้ว? มาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมข้าถึงไม่รู้”
องค์ชายรัชทายาทมองดูนางอย่างรักใคร่ พร้อมพูดขึ้นว่า “เพิ่งมาได้สักพัก คุยอยู่กับอาจารย์”
“อ้อ
“ยังเช้าอยู่เลย ข้าเข้าครัวทำกับข้าวให้เจ้ากับอาจารย์ดีไหม?”
เราจะกลับกันแล้วไหม? เจ้าตาทับทิมมองดูท้องฟ้าด้านนอก พร้อมพูดขึ้นว่า
ตั้งแต่นางเริ่มเรียนแกะสลักก็ไม่ได้ทำกับข้าวอีกเลย รู้สึกค่อนข้างห่างเหินแล้ว
ช่างสวีได้ยินเช่นนี้ ก็หันมาถามอย่างแปลกใจว่า “เจ้าทำกับข้าวเป็นด้วยหรือ?”
แม่นางในครอบครัวขุนนางส่วนใหญ่ ล้วนสูงศักดิ์ยิ่งนัก ในบ้านมีสาวใช้คอยปรนนิบัติรับใช้ ให้นางเข้าครัวทำงานได้อย่างไร? หากเรียนทำขนมไม่กี่อย่าง เรียนทำน้ำแกงยังพอว่า