บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1978 เจ้าหยวนจะพูดถึงหลักการเหตุผล
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1978 เจ้าหยวนจะพูดถึงหลักการเหตุผล
บทที่ 1978 เจ้าหยวนจะพูดถึงหลักการเหตุผล
พี่ใหญ่ลู่พูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ฮูหยินเฒ่าโกรธโมโหจนแทบเป็นลม หลังจากหัวสมองดังตุบหลายที ก็โยนแก้วไปตรงหน้าช่างสวี พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าซื้อบ้านให้กับพวกเขา? เจ้าเอาเงินมาจากไหน? เจ้าเอาเงินสกปรกมาจากไหน? ดี เจ้ากล้าทำให้ตระกูลลู่เสื่อมเสีย ชาติที่แล้วลูกชายข้าทำผิดอะไร ถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงอย่างเจ้า? ข้าว่าเจ้านั่นแหละกินผัว ทำให้ลูกชายของข้าเสียชีวิตเร็ว….”
“แม่” หน้าประตูมีเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียงเร่งรีบฝีเท้าดังขึ้น หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งรีบเดินเข้ามา พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าพูดไปเรื่อย ท่านโมโหจนเลอะเลือนไปแล้ว จึงพูดจาไปเรื่อย”
หญิงคนนั้นพูดเสร็จ ก็เอื้อมมือไปประคองช่างสวี พร้อมพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “พี่สะใภ้ ท่านอย่าคิดมาก แม่โกรธมากแค่นั้นเอง นางก็เพราะเป็นห่วงเจ้า”
นางสั่งพวกหลานๆ พาแม่ไปพักผ่อน นางรับมือกับความโกรธของฮูหยินเฒ่าเอง
ช่างสวีมองดูอาเล็กอย่างซาบซึ้งใจ หลายปีมานี้อาเล็กช่วยนางรับคำก่นด่าของแม่สามีไว้ไม่น้อย
พวกพี่ใหญ่ลู่หลายคนรีบประคองแม่ไป เพิ่งมาถึงห้องด้านหลัง ก็ได้ยินฮูหยินเฒ่าด่าอาเล็กว่า “เจ้าเข้าข้างคนอื่น ไม่ช่วยแม่ตนเอง เจ้าไปช่วยคนอื่น? เจ้าทานอิ่มจนจุแล้วใช่ไหม เรื่องในครอบครัวตนเองยังจัดการได้ไม่ดี ชอบกลับมายุ่งเรื่องในบ้านแม่ ถึงว่าคนในครอบครัวสามีเจ้าถึงได้ไม่ชอบเจ้า สมน้ำหน้า แต่ละคนต่างไม่ได้เรื่อง จะทำให้ข้าโกรธโมโหตายหรือ….”
อาเล็กรับมืออย่างมีประสบการณ์ ยอมรับผิดไปด้วยพูดปลอบพร้อมเปลี่ยนเรื่องไปด้วย เดือดร้อนอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ค่อยสงบลง
รอหลังจากนางไม่ด่าแล้ว อาเล็กค่อยเริ่มพูดว่าพี่สะใภ้ต้องลำบากขนาดไหน
พี่ใหญ่เสียชีวิตไว นางตัวคนเดียวเลี้ยงพวกลูกๆ จนโต
ตอนนั้นนางสามารถทิ้งลูกแล้วแต่งงานใหม่ ในเมื่อไม่แต่งงาน ก็ไม่ทำอะไรไปเรื่อย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงพวกลูกๆ แน่
สุดท้ายฮูหยินเฒ่าไม่ด่าแล้ว เพียงแค่ใช้ให้อาเล็กไปสืบดูว่า นางมีเงินเก็บมากมายจนสามารถซื้อบ้านได้เป็นหลังได้อย่างไร
อาเล็กก็ไม่ปิดบัง จึงพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ลูกรู้แต่แรกแล้ว พี่สะใภ้ไม่ได้ซื้อเพียงหลังเดียว
แต่ซื้อสี่หลัง แบ่งให้พวกหลานๆ คนละหลัง นางทำทุกอย่างเพื่อให้พวกหลานๆ
ได้มีชีวิตที่ดี ถือเป็นสิ่งที่ดี….”
อาเล็กไม่พูดยังดี เมื่อพูดขึ้นมา ฮูหยินเฒ่าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พร้อมพูดขึ้นว่า
“พวกเจ้าล้วนรู้หมด ปิดบังข้าคนเดียว? ดี แต่ละคนเกลือเป็นหนอน ไม่รักดี
ไสหัวออกไปให้หมด”
อาเล็กพูดกล่อมนานขนาดนี้ คิดว่าคงหายโมโหแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะโกรธโมโหขึ้นมาอีก
จึงอดทนต่อไปไม่ไหว พูดขึ้นว่า “นี้เป็นเรื่องน่ายินดี สำหรับท่านทำไมถึงกลายเป็นสิ่งชั่วร้าย? ท่านยังเป็นแบบนี้ต่อไป
พวกหลานๆ ล้วนจะไม่กตัญญูต่อท่านแล้ว”
พูดเสร็จแล้วก็ไม่สนใจนาง เดินเข้าไปในดูพี่สะใภ้
ฮูหยินเฒ่าคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาเล่นๆ ได้ยินลูกสาวพูดว่าต่อไปหลานจะไม่กตัญญูนาง
แล้วก็คิดถึงปกติที่ตนเองดูแลจัดการบ้านแล้วพวกเขาเชื่อฟัง เพราะมีบ้านอยู่ในมือ ตอนนี้พวกเขาต่างมีบ้านแล้ว
งั้นต่อไปยังจะเชื่อฟังท่านย่าอีกไหม?
ยังไงก็อยู่ในจวนใหญ่มานาน นางคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าจะใช้แรงกดดันจากความคิดเห็นของประชาชนเพื่อบังคับลูกสะใภ้และหลานชายกตัญญูต่อนาง จึงวิ่งออกไปร้องไห้ พร้อมพูดว่าลูกสะใภ้กับหลานไม่เคารพตน
เมื่อร้องไห้เช่นนี้
และก็รู้ว่าหลายปีมานี้ช่างสวีน่าสงสารขนาดไหน ดังนั้นพวกเพื่อนบ้านต่อหน้าพูดปลอบนาง แต่ในใจต่างคิดว่าสมน้ำหน้านาง
เรื่องราวก็กลายเป็นใหญ่โต แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่านางเป็นคนยังไง
แต่เดือดร้อนเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี พวกพี่ชายใหญ่ลู่จึงวิ่งออกไปพูดกล่อม
พูดรับประกันทุกอย่างต่อไปจะทำยังไงบ้างต่างๆ นานา ฮูหยินเฒ่าพูดเพียงประโยคเดียวว่า ให้โอนบ้านและโฉนดทั้งหมดที่ลูกสะใภ้ซื้อไว้ข้างนอกมาให้นางทั้งหมด
นางถึงจะยอม
จะว่าไปแล้ว
นางต้องการควบคุมทุกอย่าง ลูกสะใภ้มีเงินทองแล้ว มีบ้านแล้ว
ก็จะไม่มีดูแลกตัญญูนางไปจนแก่เฒ่าแน่
ในขณะที่กำลังวุ่นวาย รถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ด้านนอกซอย หยวนชิงหลิงพาหยวนหย่งอี้เดินลงมาจากรถม้าแล้วเดินเข้ามา
เมื่อกี้หลังจากช่างสวีกลับมา นางคิดๆ ดูแล้วก็ไม่วางใจ มักรู้สึกว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นอีก หยวนหย่งอี้ก็มาพอดี จึงชวนหยวนหย่งอี้มาหาช่างสวีที่บ้าน
เพิ่งมาถึงปากซอย ก็ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวาย เมื่อเดินเข้ามาใกล้ ก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งร้องไห้ต่อว่าลูกสะใภ้กับหลานอกตัญญู ยังพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าให้ลูกสะใภ้เอาโฉนดที่ดินออกมา
หยวนหย่งอี้ถามเพื่อนบ้านที่มามุงดู แล้วไปเล่าให้หยวนชิงหลิงฟัง “คนที่ด่าคือแม่สามีของช่างสวี ไร้ยางอาย อยากได้โฉนดที่ดินของช่างสวีไปครอบครอง ยังพูดว่าเมื่อคืนช่างสวีล่วงเกินขุนนาง ถูกขุนนางโบยตีต่างๆ”
สามารถพูดได้ว่า สรุปได้อย่างถึงใจ
น้องเล็กลู่เห็นหยวนชิงหลิง เขาจำได้ว่านางเป็นหมอที่ประคองแม่ออกมาจากที่ทำการปกครองเหนือ จึงรีบฝ่าผู้คนไปหา พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านหมอ ท่านมาได้อย่างไร?”
หยวนชิงหลิงเงยหน้าเล็กหน่อย พร้อมพูดขึ้นว่า “เอายามาให้แม่ของเจ้า”
นางเห็นว่าหญิงชราคนนั้นยังกรีดร้องอย่างโวยวาย จึงพูดกับหยวนหย่งอี้ว่า “เจ้าไปลาก…..เชิญหญิงชรานั่นเข้ามา ข้าพูดหลักการให้นางฟัง อย่าให้นางทำลายชื่อเสียงของช่างสวี