บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1980 ฮองเฮาสั่งสอน
บทที่ 1980 ฮองเฮาสั่งสอน
สายตาหยวนชิงหลิงเยือกเย็น น่าเกรงขามจริงๆ หลังจากจวิ้นจู่ใหญ่อาน ก็ไม่เคยเห็นหญิงใดเบ่งอำนาจขนาดนี้
แต่ก็ไม่สนใจนาง ถามอาการบาดเจ็บของช่างสวีว่าเจ็บไหม มีเลือดไหลไหม แล้วก็ถามพี่ชายใหญ่ลู่ว่าแต่งงานหรือยัง ผู้หญิงบ้านไหน ได้ยินมาว่าพี่ชายใหญ่ลู่รอผู้หญิงคนนั้นมาหกปีแล้ว ก็ตื้นตันใจมาก พูดชมเขาไปหลายคำ
คนตระกูลลู่ให้เกียรติหยวนชิงหลิงอย่างมาก ถึงแม้นางจะเป็นแค่หมอหญิงคนหนึ่ง แต่นางพูดจาเป็นมิตรอย่างมาก ยังเหมือนมีแรงยับยั้งที่ทำให้คนต้องยอมจำนน ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้
ฮูหยินเฒ่าถูกมัดไว้ ขยับไม่ได้ เห็นพวกเขาต่างก็ไม่มีวี่แววจะมาหา จึงตะโกนด่าขึ้นมาว่า “เจ้าพวกคนอกตัญญู ต้องเห็นข้าตายไปแล้วถึงจะดีใจใช่ไหม? ยังไม่รีบมาแก้เชือก เกรงกลัวนางทำไม”
ลูกหลานตระกูลลู่ลังเล กำลังคิดอยากที่จะไปช่วยแก้มัดให้กับนาง หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ห้ามแกะมัด ให้นางถูกมัดอยู่อย่างนี้ นางพูดเอาความมีศีลธรรมจองจำคนอื่น ให้นางถูกมัดไว้ก่อน ดูสิว่านางจะทรมานไหม”
ถึงแม้ฮูหยินเฒ่าจะไม่รู้สถานะของนาง แต่ก็โกรธโมโหอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่? เรื่องภายในครอบครัวของข้าเจ้ามีสิทธิ์มายุ่งด้วยหรือ? ”
“เรื่องไม่ยุติธรรมใครก็สามารถยุ่งได้ แม่สามีร้ายกาจและใจร้ายอย่างเจ้า ใครเห็นแล้วไม่เกลียดบ้าง? ความกลมเกลียวในครอบครัวนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง เจ้ากระทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายจนไก่หมากระเจิงถึงจะพอใจ ลูกชายของเจ้าตายไปตั้งนานหลายปีขนาดนี้ ลูกสะใภ้ของเจ้าเลี้ยงลูกมาจนโตคนเดียว ความทุกข์นี้เจ้าไม่รู้หรือ? มีลูกสะใภ้แบบนี้เจ้ายังไม่พอใจ ยังคิดวางอำนาจบาตรใหญ่ ทำตัวน่ารังเกียจยิ่งนัก มีคนแก่อย่างเจ้าอยู่ด้วย หลานของเจ้าคิดอยากแต่งงานก็เป็นเรื่องยาก ใครจะยอมยกลูกสาวมาทนรับกรรมที่บ้านของเจ้า? ตอนนี้พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นโสด ล้วนเป็นเพราะเจ้า นึกว่าเป็นมามาในจวนขุนนางแล้วสูงส่งมากหรือ? เจ้าออกไปถามดู คนอื่นรู้จักเจ้าหรือรู้จักลูกสะใภ้ของเจ้า?”
ฮูหยินเฒ่าเคยถูกใครด่าทอเช่นนี้เสียเมื่อไหร่ โดยเฉพาะต่อหน้าพวกลูกๆ ความน่าเกรงขามของเขาไม่เหลือแล้วสักนิด จึงพูดขึ้นอย่างโกรธโมโหว่า “เจ้าหุบปาก เจ้าจะไปรู้อะไร? ข้าทำไปเพราะหวังดีต่อนาง”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องพูดอะไรเลย ถึงเรียกว่าหวังดีต่อนางจริงๆ”
สีหน้าฮูหยินเฒ่าไม่พอใจ แต่ก็เถียงหยวนชิงหลิงไม่ไหว
จะเห็นว่าตนเองเสียมารยาท
ทำได้เพียงหุบปาก เดี๋ยวฮูหยินมาถึงแล้ว
ไม่นานหยวนหย่งอี้ก็พาฮูหยินเฉินมาแล้ว ฮูหยินเฉินรู้จักหยวนหย่งอี้ ยังไงลูกสาวตระกูลหยวนก็มีชื่อเสียงในเมืองหลวง และนางยังเป็นพระชายาฉี
แต่ฮูหยินเฉินกลับไม่รู้จักฮองเฮา นางไม่ได้เป็นสตรีบรรดาศักดิ์ ไม่เคยเห็นหน้าฮองเฮา
ดังนั้นสายตาจึงลังเล
พาฮูหยินเฉินมาถึงแล้ว”
เห็นพระชายาฉีเดินไปหาฮูหยินคนนั้นแล้วยกมือประสาน พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่หยวน
ฮูหยินเฉินรีบคุกเข่าลง
ฮูหยินเฒ่าเห็นฮูหยินมาถึง
กำลังจะทำความเคารพ กลับเห็นฮูหยินคุกเข่าลง นางกำลังงง กลับได้ยินฮูหยินเฉินพูดขึ้นอย่างหวาดกลัวตื่นเต้นว่า “ถวายพระพรฮองเฮา
ฮองเฮาทรงพระเจริญ”
ฮูหยินเฒ่าตกตะลึง สั่นเทาไปทั้งร่างกายอย่างไม่สามารถควบคุมได้
หยวนชิงหลิงโบกมือให้กับหยวนหย่งอี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ปิดประตู”
“ค่ะ”
เมื่อหันกลับมา ก็เห็นคนในห้องทั้งหมดล้วนคุกเข่าลง แม้แต่ช่างสวีก็คุกเข่าลง
หยวนหย่งอี้หันเดินไปปิดประตู ปิดกั้นเพื่อนบ้านไว้ด้านนอก
คนตระกูลลู่ยังไงก็ไม่คาดคิดว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้คือฮองเฮา และฮองเฮายังมาเยือนถึงบ้านด้วยตนเอง ควันเขียวผุดจากหลุมฝังศพบรรพบุรุษ ก็ยังไม่มีบุญขนาดนี้
หยวนชิงหลิงก็ไม่ถือสาที่จะเปิดเผยสถานะของตน
เจ้าไม่ต้องคุกเข่า ลุกขึ้นมาเถอะ”
พร้อมพูดขึ้นว่า “ล้วนลุกขึ้นมาเถอะ ช่างสวี
หยวนหย่งอี้ไปประคองนาง ช่างสวีสั่นเทาไปทั้งตัว
เพราะคนที่อยู่ตรงหน้านางคือฮองเฮา คุณชายเปาเป็นลูกชายของนาง
งั้นคุณชายเปาก็คือองค์ชายหรือ….องค์ชายรัชทายาท
ส่วนเจ้าตาทับทิม ก็คือพระชายาองค์ชาย หรือพระชายาองค์ชายรัชทายาท
ส่วนนางเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา จะรับลูกสะใภ้ราชวงศ์มาเป็นศิษย์ได้อย่างไร?
หยวนชิงหลิงให้ทุกคนนั่งลง ทุกคนต่างก็ไม่กล้านั่ง ต่างยืนอยู่ตรงหน้านางอย่างนอบน้อม
หยวนหย่งอี้แกะเชือกให้กับฮูหยินเฒ่าด้วยตนเอง ฮูหยินเฒ่าคุกเข่าลงพื้นพร้อมเหงื่อไหลท้วมตัว เมื่อกี้นางพูดจาล่วงเกินฮองเฮา โทษมหันต์เลยทีเดียว
หยวนชิงหลิงเห็นพวกเขาไม่นั่ง จึงหันไปมองฮูหยินเฉิน พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮูหยิน ตามเจ้ามาอย่างกะทันหัน เพราะเจ้าเป็นฮูหยินบ้านเจ้านายฮูหยินเฒ่า อยากให้เจ้าเป็นพยานให้กับเรื่องของนางด้วย หากภายหลังนางไม่เข้าใจความหมายที่ข้าพูด เจ้าจะได้บอกกล่าวบ้าง เจ้าไม่ถือสาใช่ไหม?”
ฮูหยินเฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ได้ยินฮองเฮาพูดเช่นนี้ คิดว่าลู่มามาคงกระทำเรื่องล่วงเกินฮองเฮา จึงรีบคุกเข่าลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาพูดเช่นนี้ เป็นการลงโทษข้าน้อยแล้ว ข้าน้อยจะถือสาได้อย่างไร ข้าน้อย….เป็นบุญของข้าน้อย ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว”
“ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว ลุกขึ้นมา” ท่าทีหยวนชิงหลิงยังคงเป็นมิตร แต่ตอนที่มองดูฮูหยินเฒ่า แววตาค่อนข้างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ข้าได้ยินเจ้าพูดว่า เจ้าใช้ให้ช่างสวีเอาโฉนดที่ดินทั้งหมดให้เจ้า เพื่ออะไร? บ้านที่นางซื้อ ทำไมต้องให้เจ้า?”
ฮูหยินเฒ่าตกใจอย่างสุดขีด เท้าทั้งคู่สั่นเทาอยู่ตลอด พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าน้อย ข้าน้อยพูดจาไม่เป็น ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น ฮองเฮาโปรดไว้ชีวิต ฮองเฮาโปรดไว้ชีวิต”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “เรื่องในครอบครัวของเจ้า ข้าก็พอรู้มาบ้าง ลูกชายของเจ้าเสียชีวิตเร็ว ลูกสะใภ้ของเจ้าดูแลครอบครัวเลี้ยงลูกจนโต หลายปีมานี้เจ้าทำงานในจวนเฉิน ก็ไม่เคยช่วยเหลือลูกสะใภ้เลย มีเพียงบ้านหลังนี้ที่ให้พวกเขาแม่ลูกอาศัยอยู่ ลูกสะใภ้ของเจ้าอาศัยงานฝีมือหาเงินอยู่ข้างนอก มีอะไรน่าอับอายขายหน้า? เจ้ารู้ไหมว่าฝีมือของนาง แม้แต่ฮ่องเต้ยังชื่นชม?”
คำพูดประโยคนี้ค่อนข้างเกินจริง เจ้าห้าไม่เคยชื่นชมเลย
“ข้าน้อย…..ข้าน้อยไม่รู้ ข้าน้อยคิดมาตลอดว่า นางเพียงแค่หาได้พอกินพอใช้” ฮูหยินเฒ่าปาดเหงื่ออยู่ตลอด ริมฝีปากสั่นเทา พร้อมพูดขึ้นว่า “นางปิดบังข้ามาตลอด ป้องกันข้าด้วย”