บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1981 จะเดินก้าวนี้ยังไง
บทที่ 1981 จะเดินก้าวนี้ยังไง
หยวนชิงหลิงถามขึ้นว่า “แล้วทำไมนางต้องปิดบังเจ้า? นางไม่ปิดบังคนอื่นแต่ปิดบังเจ้า? เจ้าทำอะไรไปบ้างเจ้าไม่รู้ดีแก่ใจหรือ? จะให้ข้าเล่าเรื่องหลายปีมานี้ที่เจ้าข่มเหงลูกสะใภ้ยังไงให้เจ้าฟังไหม?”
ฮูหยินเฒ่าหมอบพื้น ร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาโปรดไว้ชีวิต ฮองเฮา ข้าน้อยแค่กลัวว่านางจะหนีไป ทอดทิ้งลูกชายหลายคนที่น่าสงสาร ตอนนั้นลูกชายของข้าดีกับนางมาก รักใคร่เห็นคุณค่านางอย่างที่สุด นายจะลืมบุญคุณไม่ได้”
“นางหนีไปหรือยัง?” น้ำเสียงหยวนชิงหลิงดังขึ้น ท่าทีก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “กลัวว่านางจะหนีไปก็ควรที่จะดีกับนางบ้างถึงจะถูก ไม่ใช่หาทุกวิถีทางเพื่อสร้างความลำบากใจให้กับนาง ที่ผ่านมาเจ้าคิดว่าตนเองมีจวนอยู่ในมือ จึงสามารถพูดว่าอะไรพวกเขาแม่ลูกก็ได้ แต่ที่จริงนางซื้อบ้านอยู่ข้างนอกแต่แรกแล้วแต่ไม่ย้ายออกไป เจ้าว่านี่เป็นเพราะอะไร? ยังคิดที่จะอยู่เพื่ออยากได้บ้านหลังนี้ของเจ้าหรือ?”
“ไม่…..ไม่ใช่ ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนี้ ฮองเฮาโปรดไว้ชีวิต”
“ใครต้องการชีวิตของเจ้า?” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “ข้าให้เจ้าเห็นคุณค่าสิ่งที่มีอยู่ เจ้าก็เป็นหม้ายตั้งแต่อายุยังน้อย จะไม่รู้ถึงความยากลำบากหรือ? เดิมชีวิตของนางก็ทุกข์ทรมานพอแล้ว คนอื่นยังรู้จักเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ยากของนาง เจ้าล่ะ? เจ้าตั้งใจกลั่นแกล้ง มีเจ้าที่เป็นญาติแบบนี้ด้วยหรือ?”
ฮูหยินเฒ่าปล่อยโฮร้องไห้ ไม่รู้ว่าหวาดกลัวหรือรู้สึกตัวแล้ว หยวนชิงหลิงก็หยุดถามนางไปก่อน หันไปถามช่างสวีว่า “สามีของเจ้าจากไปเร็ว เดิมสามารถที่จะแต่งงานใหม่ ทำไมตอนนั้นเจ้าถึงไม่แต่งใหม่?”
ช่างสวีน้ำตาคลอ พร้อมพูดขึ้นว่า
“เรียนฮองเฮา มีสามสาเหตุ เหตุผลแรกคือทิ้งลูกชายไม่ลง ล้วนเป็นก้อนเนื้อที่หลุดมาจากในท้องข้าน้อย หากแต่งงานใหม่ก็จะต้องทอดทิ้งพวกเขา เหตุผลที่สอง เป็นอย่างที่แม่สามีของข้าน้อยพูด สามีที่เสียไปแล้วดีกับข้าน้อยมาก รักใคร่อย่างมากจริงๆ ข้าน้อยไม่อยากลืมเขา และก็ไม่อยากให้ใครมาแทนที่ตำแหน่งของเขา เหตุผลที่สาม สามีของข้าที่ตายไปแล้วเป็นคนกตัญญูอย่างที่สุด
ก่อนจากไปก็เป็นห่วงว่าแม่ที่เป็นหม้ายเลี้ยงพวกเขามาจนโตจะสามารถรับได้ไหม กลัวว่าต่อไปนางจะโดดเดี่ยวไม่มีที่พึ่ง ดังนั้นข้าน้อยจึงคอยกตัญญูแทนเขา เฝ้าดูแลแม่สามีไปจนนางแก่เฒ่า”
สายตาหยวนชิงหลิงเต็มไปด้วยความเห็นใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นคนให้ความสําคัญแก่ศีลธรรม ข้านับถือเจ้ามาก”
“มิกล้า มิกล้า” ช่างสวีก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร รู้สึกเหมือนทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นความฝัน
หยวนชิงหลิงหันไปมองฮูหยินเฒ่าอีกครั้ง
พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าฟังสิ่งที่ลูกสะใภ้ของเจ้าพูด แล้วก็ลองคิดถึงสิ่งที่เจ้าทำในหลายปีมานี้
เกินไปไหม”
ฮูหยินเฒ่ายิ่งร้องไห้อย่างหนัก นางเผด็จการจนเคยชินแล้ว มักจะต้องกำทุกอย่างไว้ในมือถึงจะรู้สึกปลอดภัย
ฮูหยินเฉินไม่เคยคิดว่านางจะเคยสร้างความลำบากใจให้กับลูกสะใภ้ หลังจากฟังพวกนางพูดคุยกันแล้ว
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็พูดขึ้นว่า “ลู่มามา ที่ผ่านมาเจ้ารับผิดชอบดูแลอบรมสั่งสอนอยู่ในจวน พูดหลักการได้เป็นชุดๆ แต่ทำไมเมื่อถึงตัวเจ้า กลับเผด็จการเห็นแก่ตัวเช่นนี้?
เจ้าช่างทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”
ฮูหยินเฒ่าเอื้อมมือไปดึงชายแขนเสื้อฮูหยินเฉิน พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำมูกน้ำตาไหลว่า “ฮูหยิน ข้าผิดไปแล้ว…..”
“เจ้าพูดกับข้ามีประโยชน์อะไร? ฮองเฮาอยู่ตรงนี้
ไปพูดกับฮองเฮาเถอะ”
ฮูหยินเฉินสะบัดมือของนาง พร้อมพูดขึ้น
ฮูหยินเฒ่าจึงไปร้องขอสำนึกผิดต่อหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “มาสำนึกผิดต่อข้าทำไม?”
หญิงชรานิ่งอึ้ง หันไปมองดูลูกสะใภ้ของตนเอง นางยังคงไม่สามารถแบกหน้าไปพูดสำนึกผิดได้ในทันที แต่สายตาอันเฉียบคมของฮองเฮาจ้องมองดูอยู่ นางจึงจำเป็นต้องไปพูดขึ้นด้วยเสียงอู้อี้ว่า “ข้า….ที่ผ่านมาข้าเข้มงวดใจดำต่อเจ้า เจ้าให้อภัยแม่ได้…..”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสำนึกผิด” หยวนชิงหลิงพูดดักนางขึ้นว่า “สำนึกผิดต่อหน้าข้า อาจจะไม่ใช่การสำนึกผิดจากใจจริง มีคำพูดบางอย่างหากวันนี้ข้าไม่พูดข้าจะอยู่ไม่เป็นสุข ฮูหยินเฉินเจ้าก็ฟังไว้ ฟังดูว่าสิ่งที่ข้าพูดมีเหตุผลไหม”
ฮูหยินเฉินตั้งใจขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอฮองเฮาสั่งสอน”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่ฮ่องเต้ขึ้นของราชย์ ก็ได้เปลี่ยนแปลงกฎหมายปกป้องสถานะของผู้หญิง แต่ร้อยพันปีผ่านมา ความคิดที่ว่าผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชายนั้นฝังแน่น ผู้หญิงสำคัญน้อยกว่าผู้ชายกลายเป็นเรื่องปกติ ในที่นี้มีผู้ชายข่มเหงผู้หญิง แต่สิ่งที่ทำให้ข้าโกรธที่สุดก็คือผู้หญิงมักจะดูถูกผู้หญิงด้วยกัน ผู้หญิงมักจะเอารัดเอาเปรียบผู้หญิงด้วยกัน พวกผู้หญิงเราไม่รวมตัวกันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง กลับสรรหาเหตุผลมากมายเพื่อช่วยผู้ชายหลุดพ้นแล้วก็ดูถูกผู้หญิงด้วยกัน”
“เหมือนอย่างวันนี้สิ่งที่ฮูหยินเฒ่าตระกูลลู่กระทำ ลูกชายเสียชีวิตเร็ว ทอดทิ้งภรรยากับลูกอีกหลายคน นางไม่ดูแลรักใคร่ กลับพยายามเอารัดเอาเปรียบทุกอย่าง ชีวิตความเป็นอยู่ของลูกสะใภ้ลำบากแล้วลำบากอีก โชคดีที่ช่างสวีเข้มแข็งพอ เข้มแข็งพอที่จะใช้งานฝีมือหาที่ยืนอยู่ในเมืองหลวง และยังเตรียมสมบัติให้กับพวกลูกชาย หากนางอ่อนแอเสียหน่อย คงจะผูกคอตายตามสามีไปแล้ว”
“ยุคสมัยในตอนนี้ สถานะของผู้ชายมั่นคงอยู่แล้ว จะเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถกระทำได้เลย เราพวกผู้หญิงควรที่จะครุ่นคิดดูไหม ร่วมกันคิดปรับเปลี่ยนสถานะของตน แทนที่จะรอให้ผู้ชายมาเห็นถึงความอ่อนแอหรือขอความคุ้มครองจากพวกเขา ในอนาคตราชสำนักจะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสถานภาพและสิทธิสตรี แต่พวกเราก็ต้องคิดดูว่าจะก้าวไปอย่างไร ซึ่งก้าวแรกนี้ ควรที่จะเริ่มจากการที่ผู้หญิงไม่ข่มเหงผู้หญิงด้วยกันไหม?