บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1984 เป็นตัวอย่างให้ก่อน
บทที่ 1984 เป็นตัวอย่างให้ก่อน
เมื่อก่อนอาเล็กก็เป็นคนกลัวปัญหา คิดว่าครอบครัวสงบทุกอย่างก็จะดี ทะเลาะกันขึ้นมาจะดูไม่ดี อ่อนแอแบบนี้ทำให้พวกลูกๆ ต่างดูถูกนาง
ครอบครัวสามีพอมีทรัพย์สินบ้าง ดังนั้นจึงมีเมียรองสองคน ไม่ว่าจะเกิดจากนางหรือเมียรอง ต่างก็ไม่เคารพนาง
นางไม่มีความเป็นผู้นำในครอบครัวเลย
ที่ผ่านมากลัวมีเรื่อง แต่วันนี้นางเคยเจอฮองเฮาตัวเป็นๆ แล้ว รู้สึกเหมือนชีวิตสูงส่งขึ้น เรื่องวุ่นวายภายในบ้าน นึกขึ้นมาแล้วก็ไม่น่ากลัวเลย
นางลุกขึ้นมา ท่าทีสง่างาม พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้พูดถูก ข้าต้องใช้หลักการให้พวกเขารู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่ใครก็จะสามารถรังแกได้ง่ายๆ”
ช่างสวีรีบพูดสั่งพูดลูกๆ ว่า “พวกเจ้าไปส่งอาเล็ก ใช้หลักการได้ แต่จะวู่วามไม่ได้ เรามีครอบครัวคอยสนับสนุน ทำไมไม่ใช้?”
อาเล็กลังเลสักพัก ที่ผ่านมานางเคยมาพูดในครอบครัว หวังอยากให้พวกหลานๆ ช่วยนาง แต่แม่ไม่เห็นด้วย แม่บอกว่าเรื่องภายในครอบครัวของตนก็จัดการเอง มาพาคนในครอบครัวไปมีเรื่อง จะกลายเป็นว่าลูกสาวของนางนิสัยไม่ดี?
ฮูหยินเฒ่าก็จะเป็นแบบนี้ ตัวนางเองนิสัยแย่ได้ แต่คนอื่นห้ามมีนิสัยแย่
“ไป” ฮูหยินเฒ่าก็ลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ทางด้านแม่ข้าจะไปพูดเอง หากนางโกรธ ข้าจะรับไว้ หลายปีมานี้เจ้าคอยปกป้องข้า ตอนนี้ควรที่จะเป็นข้าปกป้องเจ้า”
มีพี่สะใภ้พูดเช่นนี้ อาเล็กค่อยมีความมั่นใจ รีบพาพวกหลานๆ กลับบ้านสามี
กลางค่ำกลางคืนเช่นนี้ เดือดร้อนจนบ้านสามีอาเล็กวุ่นวายจนไก่บินเตลิดหมาวิ่งพล่าน ซึ่งทางด้านนั้นหาเหตุผลให้อาเล็กได้เป็นอย่างดี วันนี้นางกลับบ้านแม่จนดึกก็ไม่กลับมา เมื่อเข้าบ้านจึงถูกแม่สามีตำหนิดุด่า
นางไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ร้องไห้ยอมรับฟังอย่างว่าง่าย ตอบกลับไปหลายคำ จนสามีออกมาลงมือตบหน้า นี่ถ้าไม่ลงมือยังดี เมื่อลงมือ ฝ่ามือตบผ่านแก้มของนาง ยังไม่ทันชักมือกลับ หลานหลายคนก็กระโจนเข้ามาจากด้านนอก จับกดอาผู้ชายไว้แนบพื้น แล้วก็กระหน่ำชกต่อยลงไป
เมียรองสองคนกับพวกลูกๆ ออกมาตามเสียง ต่างอยากเข้ามาช่วย แต่จะสู่คนหนุ่มตระกูลลู่หลายคนได้ยังไง? วัยหนุ่มอย่างพวกเขาในตอนนี้ มีกำลังมากจนน่าตกใจ
เผชิญกับการต่อต้านของลูกสะใภ้อย่างกะทันหัน พ่อแม่สามีโกรธโมโหอย่างมาก บอกว่าจะพานางไปแจ้งความ
อาเล็กไม่หวาดกลัวเลยสักนิด ถามกลับว่านางกลับบ้านแม่ของตนเองผิดตรงไหน? ทำไมแค่กลับบ้านแม่แล้วกลับมาค่ำจะต้องถูกตำหนิดุด่าด้วย? ทำไมถูกด่าแล้วถึงตอบโต้ไม่ได้ ตอบโต้แล้วก็โดนตบ?
พ่อแม่สามีถูกถามจนมึน หลังจากมึนแล้วก็ยิ่งโกรธโมโห โกรธจนพูดออกมาว่าจะหย่ากับนาง พวกลูกๆ อาเล็ก ก็ต่างพูดตำหนิ
ในใจอาเล็กรู้สึกสบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกว่าอดกลั้นอยู่ในใจมานานมากแล้ว วันนี้อาละวาดอย่างอารมณ์ดี คิดถึงคำพูดของฮองเฮา ผู้หญิงมักจะรังแกผู้หญิง ถูกแม่สามีตำหนิ บอกว่าหลังจากแต่งงานแล้วก็ไม่ได้รับการดูแลอย่างดี เห็นนางเป็นวัวเป็นควาย ปกติเมื่อป่วยก็ยังจะต้องทำงาน ไม่มีใครเป็นห่วงไม่มีใครสนใจ
แม่สามีถูกด่าจนนิ่งอึ้ง แล้วพูดขึ้นว่า “ภรรยาที่ไหนไม่เป็นแบบนี้บ้าง? ข้าก็ผ่านมาแบบนั้นไม่ใช่หรือ?”
อาเล็กพูดว่า “ท่านผ่านมาแบบนั้นจึงต้องทำกับข้าด้วยหรือ? ตอนนั้นท่านไม่ทุกข์ทรมานหรือ? ท่านทุกข์ทรมาน แล้วทำไมข้ายังจะต้องทนรับด้วย? ข้าทนมาหลายสิบปีแล้ว ต้องรอให้ท่านจากไปก่อนแล้วข้าค่อยมีชีวิตที่ดีหรือ? หากเป็นเช่นนี้ ลูกสะใภ้ที่จิตใจย่ำแย่ จะไม่คิดทำร้ายแม่สามีหรือ?”
แม่สามีพูดอะไรไม่ออกแล้ว รู้สึกว่านางเป็นบ้าไปแล้ว หรือว่าที่ผ่านมาให้การดูแลน้อยไป จึงเป็นบ้าเป็นบอไปแล้ว?
มีเรื่องกับคนบ้าไม่ได้ ต้องตามใจนาถึงจะถูก
คนในบ้านปรึกษากัน ถือว่านางเป็นบ้าไปแล้ว ในใจหวาดกลัวว่านางจะกระทำเรื่องเลวร้ายกว่านี้ ต่อไปจะไม่สร้างความลำบากใจให้กับนางอีก
อาเล็กได้ยินเช่นนี้ ในใจรู้สึกเสียดสี นางเป็นบ้าไปแล้วค่อยสามารถมีชีวิตที่ดี?ฮองเฮาพูดถูก เส้นทางที่ผู้หญิงคิดจะต่อต้านนั้นยังอีกยาวไกล
อาผู้ชายถูกต่อยตีไปหนึ่งยก หวาดกลัวแล้ว ท่าทีที่มีต่อนางก็ดีขึ้น หากไม่ดูแลดีๆ ก็จะถูกต่อยตีอีก หากต่อยตีอีก ชีวิตเขาก็หมดลมหายใจแล้ว
เรื่องที่อาเล็กลุกขึ้นมาต่อต้าน ถึงแม้จะไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนสถานะอาเล็กที่มีอยู่ในบ้าน แต่ลับหลังนางถูกนินทาว่าเป็นคนบ้านนั้นไม่ค่อยได้
พวกลูกๆ ตระกูลลู่กลับไปเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง หลังจากช่างสวีฟังแล้ว ในใจรู้สึกไม่ดี แต่เรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป เรื่องที่ฮองเฮาตัดสินใจจะทำ จะต้องมีการศึกษาสั่งสอนไปทั่วทั้งประเทศ
วันที่สอง เจ้าตาทับทิมน้อยมาที่บ้านตระกูลลู่พร้อมกับสวีอี
เห็นอาจารย์บาดเจ็บไปทั้งร่างกาย เจ้าตาทับทิมน้อยร้องไห้ออกมา พูดอยู่ตลอดว่าตอนนั้นตนเองไม่ควรจากไป
คนตระกูลลู่เดิมเพราะรู้สถานะของเจ้าตาทับทิม คิดอยากที่จะเจียมเนื้อเจียมตัวบ้าง แต่เมื่อเห็นเจ้าตาทับทิมน้อยร้องไห้ ต่างก็เป็นห่วงมาก ต่างเปลี่ยนกันมาพูดปลอบ ท่าทีการพูดก็กลายเปลี่ยนเป็นเหมือนอย่างพี่ชาย เจียมตัวเจียมตัวไม่ลง
ช่างสวีก็เหมือนกัน เห็นลูกศิษย์ร้องไห้เสียใจขนาดนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะโอบกอดแล้วพูดปลอบ
ได้ยินว่าคนตัวสูงใหญ่ที่ตามมาด้วยเป็นเจ้าพระยาสวีเจ้าพระยาจงภักดี คนสนิทของฮ่องเต้ในตอนนี้ ทุกคนจึงรีบทักทาย สวีอีได้สัมผัสถึงการเป็นเจ้าพระยา รู้สึกว่าความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลว