บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1985 ผลดีจากฮูหยินเฉิน
บทที่ 1985 ผลดีจากฮูหยินเฉิน
และก็ในวันนี้ ฮูหยินเฉินเปิดงานเลี้ยงน้ำชา เชิญพวกฮูหยินมากมายมาพบปะกันในจวน อีกอย่าง ด้วยสถานะของนางมีคนที่เดิมไม่อาจเชิญได้ นางก็เชื้อเชิญ ในบัตรเชิญก็พูดอย่างตรงๆ ว่า โชคดีมีโอกาสได้ฟังคำสั่งสอนของฮองเฮา จึงอยากแบ่งปันร่วมหารือกับทุกคน เพื่อวิเคราะห์ความหมายที่ฮองเฮาต้องการสื่อ
ในบัตรเชิญพูดเช่นนี้ ฮูหยินตราตั้งระดับหนึ่ง ต่างก็มาร่วมด้วย
เมื่อคืนหลังจากฮูหยินเฉินกลับมาก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน ไปลากสามีตนเองกลับมาจากห้องของเมียรอง เดิมใต้เท้าเฉินแสดงสีหน้าไม่พอใจ ตนเองงานยุ่งมาทั้งวัน อยากจะมีความสุขกับเมียรอง กลับไปลากเขากลับมา ช่างไม่รู้กาลเทศะเลย
ปกตินางเป็นคนที่รู้กาลเทศะอย่างมาก
ดังนั้นเมื่อมาถึงในห้องฮูหยิน คิดอยากที่จะตำหนิ ต่อไปจะได้ไม่ทำอีก ต่อไปตอนที่ไปทำอะไรในห้องเมียรอง แล้วถูกลากกลับมา ก็จะทำให้เสียอารมณ์
สุดท้าย คำด่ายังไม่ทันได้พูดออกมา ก็ถูกคำพูดของฮูหยินทำให้ตกใจจนเกือบจะพานางไปหาหมอ
ฮูหยินพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “วันนี้ข้าออกไปคุยกับฮองเฮามา”
เขาคิดว่าเป็นเรื่องโกหก นางไม่ใช่ฮูหยินตราตั้งภายนอก ยิ่งไม่ใช่ฮูหยินตราตั้งภายใน จะมีบุญวาสนาได้เจอฮองเฮาได้อย่างไร?
รอในที่สุดหลังจากเขามั่นใจแล้วว่าเป็นความจริง ก็แทบจะคุกเข่าลง ฮองเฮามายืนถึงบ้านประชาชน และยังเป็นการส่วนตัว ไม่มีขบวนส่งเสด็จ และไม่มีคนตามเคลียร์สถานที่
ได้ยินฮูหยินเล่าคำพูดที่ฮองเฮาพูด เขาก็ไม่กล้ากลับไปในห้องเมียรอง นอนกอดอยู่กับภรรยา ยังไงฮูหยินเคยเห็นฮองเฮา ยังคุยกับฮองเฮาเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงมากมายขนาดนี้ ต่อไปหากฮองเฮามีอะไรจะดำเนินการ ก็คงจะต้องมาหานางไปคุยด้วย
จะต้องยกย่องเชิดชูไว้อย่างดี
ได้ยินว่าวันนี้ฮูหยินเฉินจะเปิดงานเลี้ยงน้ำชา ฮูหยินทุกคนต่างก็มาอย่างรวดเร็ว ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย ก็แทบจะมากันครบหมดแล้ว
จนเฉินเบียดแน่นกันขึ้นมาทันที มีฮูหยินเฉินเป็นศูนย์กลาง กลายเป็นวงล้อมเป็นวงๆ
ฮูหยินเฉินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านช่างสวี ในฐานะที่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ความสามารถในการเล่าเรื่องของฮูหยินเฉิน ถือว่าดีอย่างมาก
“ตอนนั้น พระชายาฉีมาหาข้า ข้าตกใจแทบแย่ ข้าไม่เคยไปมาหาสู่พระชายา แล้วทำไมถึงมาหาข้าล่ะ? ตอนนั้นในใจของข้า มีความคิดเป็นหมื่นพันอย่าง แต่คิดว่าล้วนเป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าลองเดาดู ตามข้าไปด้วยเรื่องอะไร?”
เพียงแค่ประโยคง่ายๆ เช่นนี้ ล้วนสามารถดึงดูดความสนใจจากทุกคน มองดูนางอย่างแทบกลั้นหายใจ ไม่ทายแล้ว ยังไงพระชายาฉีคนนี้ไม่ไปมาหาสู่กับพวกฮูหยินตราตั้ง
แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจได้สักพักจริงๆ จนคนที่ค่อนข้างใจร้อนถามขึ้นว่า “ฮูหยินเฉิน เจ้ารีบพูดเถอะ นี่จะให้พวกเราร้อนใจจะแย่หรือ? พระชายาฉีมาหาเจ้าทำไม? พระชายาฉีมาเล่าคำพูดของฮองเฮาให้เจ้าฟังหรือ? เจ้ารีบพูดต่อสิ”
ฮูหยินเฉินค่อยพูดว่า “ตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางเรียกข้าไปยังสถานที่หนึ่ง ข้าจึงตามไป เมื่อออกมาจากหน้าประตู รถม้าก็เตรียมไว้แล้ว พระชายาฉีพาข้าขี่ม้าไปพร้อมกัน”
“ขี่ม้าตัวเดียวกัน?” มีคนเบิกตาโตพร้อมถามขึ้น
“ไม่ใช่หรอกหรือ? ต้องยอมรับว่า ความสามารถในการขี่ม้าของพระชายาฉีนั้นดีจริงๆ ม้าตัวนั้นว่าง่ายราวกับสุนัข….”
แล้วก็มีคนหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูเจ้าพูดสิ ม้าจะเหมือนกับสุนัขได้อย่างไร…..”
“เงียบๆ อย่าพูดดัก ฟังนางพูดต่อ” ดวงตาเป็นคู่มากมายหันกลับมามองฮูหยินเฉิน รอคอยให้นางพูดต่อ
“พระชายาฉีพาข้าไปที่บ้านลู่มามาที่เคยทำงานในจวนของข้า” ฮูหยินเฉินเห็นความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดแล้ว จึงไม่พูดอ้อมค้อมแล้ว เริ่มพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “เมื่อเข้าไปในบ้าน ลู่มามาถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้ ลู่มามาที่เคยทำงานในจวนของข้าคนนั้นทุกคนน่าจะรู้ดี ปกติกระทำทุกอย่างอย่างมีหลักการ เป็นคนรู้จักกาลเทศะ กลับทำไมถึงถูกมัดไว้ล่ะ? และตอนนั้นลูกสะใภ้ ลูกสาว พวกหลานๆ ของนางต่างก็อยู่ด้วย ไม่มีใครแกะเชือกให้นาง”
“โอ้พระเจ้า ทำไมถึงอกตัญญูเช่นนี้? เป็นฝีมือของลูกสะใภ้ของนางหรือเปล่า? ลูกสะใภ้คนนั้นของนางได้ยินว่าทำงานฝีมือ วันๆ คลุกคลีไปมาหาสู่กับพวกค้าขาย เป็นคนไม่สงวนตัว….”
“แบบนั้นทำเกินไปแล้ว? ลูกสะใภ้มัดแม่สามี ไม่มีกฎหมายแล้วใช่ไหม? ควรที่จะส่งนางไปลงโทษ”
“คงไม่ใช่เพราะฮองเฮารู้เรื่องนี้ จึงสั่งให้พระชายาฉีลงมือ สั่งสอนลูกสะใภ้กับพวกหลานอกตัญญูมั้ง?”
ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็นกันขึ้นมา พร้อมใจกันด่าตำหนิลูกสะใภ้ของลู่มามา
ฮูหยินเฉินเห็นทุกคนด่าช่างสวีอย่างตื่นเต้น จึงพูดขึ้นด้วยเสียงดังว่า “ตอนนั้น ภายในห้องยังมีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หลัก และคนคนนี้ทำให้พวกลูกสะใภ้ทั้งหมดไม่กล้าไปแกะมัดให้กับลู่มามา”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนเงียบขึ้นมาในทันที หันไปมองฮูหยินเฉินอย่างตกตะลึง หรือว่ามีโจร?
พวกนางล้วนต่างคิดไม่ถึงว่า ฮองเฮาจะมาที่บ้านประชาชน ดังนั้นจึงไม่คาดเดาเลยว่าคนคนนั้นคือฮองเฮา
“ตอนแรกข้าก็ไม่รู้ว่าคนคนนี้คือใคร แต่รอเมื่อพระชายาฉีเข้ามา แล้วก็เรียกคนคนนั้นว่าพี่หยวน ข้าก็รีบคุกเข่าลงทันที”