บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1986 หรงเยว่คนหน้าไม่อาย
บทที่ 1986 หรงเยว่คนหน้าไม่อาย
ฮูหยินบางส่วนที่อยู่ตรงนั้นเข้าใจได้ทันที ยืนเรียงกันตามลำดับก่อนหลังนับได้ราว ๆ เจ็ดแปดคน
มีบางส่วนที่ตกตะลึงอึ้งค้าง “พี่หยวน? เป็นคนตระกูลหยวนรึ?”
ฮูหยินเฉินยกมือขึ้นกุมหน้าอก ถึงแม้ว่าจะพยายามฝืนเก็บอาการอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ในใจก็ยังตื่นเต้นมาก เมื่อย้อนนึกถึงภาพฉากนี้ขึ้นมานางก็ตื่นเต้นยิ่งนัก“ถ้าเป็นผู้หญิงที่มีอายุกว่านี้หน่อย ข้าก็คงจะคิดแบบนั้น แต่ท่านนั้นไม่ใช่ ท่านนั้นดูอย่างไรก็อายุน้อยกว่าพระชายาฉี ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินจากฮูหยินบางคนที่เข้าวังไปน้อมทักทายฮองเฮาเล่าให้ฟังว่า หน้าตาผิวพรรณของฮองเฮายังดูอ่อนเยาว์มากดูเหมือนคนอายุเพิ่งจะยี่สิบกว่า ๆ เท่านั้นเอง ดังนั้น ทันทีที่ข้าได้ยินพระชายาฉีเรียกว่าพี่หยวน ข้าก็คิดถึงท่านผู้นั้นขึ้นมาเลย เพราะก็เคยได้ยินฮูหยินบางคนเล่าว่า ตอนที่ท่านยังไม่ได้เป็นฮองเฮา พระชายาฉีมีสัมพันธ์อันดีกับพระนางมาก ทั้งยังเคารพพระนางในฐานะพี่สาว ข้าพูดอย่างนี้แล้ว พวกเจ้าก็พอจะเดาได้แล้วสินะ? ”
มีเสียงสูดหายใจเฮือกดังขึ้นทั่วบริเวณ สีหน้าแต่ละคนตื่นตะลึงเพราะคาดไม่ถึงได้แต่หันมองหน้ากันเลิกลั่ก เป็นไปไม่ได้หรอก ฮองเฮาจะเสด็จไปบ้านสามัญชนได้อย่างไรกัน? เป็นไปได้ว่าจะต้องไม่มีขบวนธงเกียรติยศแน่ ไม่อย่างนั้นก่อนจะเข้าบ้านไปฮูหยินเฉินต้องรู้แล้ว
“พวกเจ้าเดาถูกแล้ว นั่นคือฮองเฮาจริง ๆ หลังจากที่ข้าได้เข้าเฝ้าพระนางพระนางก็บอกเรื่องนี้กับข้า ปรากฏว่าลู่มามาบ้านข้าคนนั้นน่ะ เป็นคนปากหวานก้นเปรี้ยวแบบถึงแก่นจริง ๆ บีบบังคับเอารัดเอาเปรียบลูกสะใภ้หม้ายคนนั้นมาโดยตลอด ลูกสะใภ้ของนางกัดฟันเลี้ยงลูก ๆ ตามลำพังจนเติบใหญ่ ซื้อบ้านซื้อเรือนอาศัย ลู่มามานั่นยังมีหน้าคิดจะแย่งชิงไปให้ได้อีก.…”
ท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริศของทุกคน ฮูหยินเฉินก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาอย่างครบถ้วนไม่มีตกหล่น ทั้งยังลากยาวไปถึงเรื่องของช่างสวีที่เคยถูกตีไปกองบัญชาการรักษาความสงบยังที่ทำการปกครองเหนือ ที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ฮูหยินเฉินไม่ได้พูดถึง พูดแค่ว่าช่างสวีถูกจับขังคุกไปอย่างไม่เป็นธรรม
ด้วยเหตุนี้จึงมีบางคนสันนิษฐานว่า อาจมีเจ้าหน้าที่จิตใจชั่วร้ายจากที่ทำการปกครองเหนือเห็นว่าช่างสวีหาเงินได้เยอะมาก ทั้งไม่มีผู้ชายให้พึ่งพิงจึงคิดจะมาขอส่วนแบ่งผลประโยชน์ แต่ช่างสวีไม่ยอม จึงผลักสถานะอาชญากรให้นางเพื่อจะได้ล้มนางแล้วชิงสมบัติมา เป็นต้น
“ที่จะพูดต่อจากนี้ไป ฮูหยินทุกท่าน ฮูหยินทุกท่าน ….” ฮูหยินเฉินยืนขึ้นก่อนจะพูดเสียงดังว่า “มีคำพูดบางคำของพระนางที่พอข้าได้ยินแล้ว เกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ ชวนให้สะท้อนใจไม่น้อย จึงคิดว่าจะพูดให้ฮูหยินทุกท่านได้ฟังด้วย เพื่อมาร่วมกันพิจารณาดูว่ามันสมเหตุสมผลดีหรือไม่”
นางเล่าสิ่งที่เมื่อวานนี้ฮองเฮากล่าวไว้ให้กับบรรดาฮูหยินทั้งหลายฟัง วิธีที่นางแสดงความเห็นนั้น อาจมีความแตกต่างไปบ้าง แต่ความหมายของคำพูดที่ต้องการสื่อนับว่าถูกต้อง
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกบอกเล่าออกมา ฮูหยินบางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ไหวร้องไห้ออกมาทันที ฮองเฮาเป็นคนระดับสูงส่งตั้งขนาดไหน แต่ในพระทัยกลับคิดเผื่อเรื่องของผู้หญิงทั้งหลาย คิดเรื่องที่พวกนางต้องทนทุกข์ ต้องเหนื่อยยากลำบาก ต้องถูกด่าทอ รวมถึงถูกทุบตี
นี่คือความเมตตาห่วงใย และจิตใจรักใคร่อยากปกป้องที่มาจากราชวงศ์ แม้ว่าที่ผ่านมาพวกนางจะทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อรักษาชื่อเสียงของจวนตนเองมาโดยตลอด แต่ในใจของพวกนางได้แต่น้อยเนื้อต่ำใจ พวกนางน้อยเนื้อต่ำใจเหลือเกินแล้ว
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 1986 หรงเยว่คนหน้าไม่อาย –
ทุกคนขยับเข้ามานั่งใกล้กันขึ้นอีกเล็กน้อย ร่วมกันวิเคราะห์ทุกคำพูดของฮองเฮา คุยไปคุยมายังทำท่าคล้ายกับว่าต้องการพิสูจน์ข้อคิดเห็นของตนต่อหน้าฮูหยินเฉิน ราวกับว่าฮูหยินเฉินเป็นผู้มีอำนาจในที่แห่งนี้ไปเลยทีเดียว
ฮูหยินเฉินยังไม่ทันได้เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกเป็นเกียรติเป็นศรี ก็เกิดความรู้สึกรับผิดชอบในหน้าที่ขึ้นมาอย่างแรงกล้า นางมองดูบรรดาฮูหยินพูดคุยกันอย่างเอาจริงเอาจัง ก็นึกสาบานในใจว่าไม่ว่าฮองเฮาจะทำอะไรก็ตาม นางก็จะขอเสนอตัวเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก่อนใคร เพื่อจัดการธุระของพระนางให้ดีที่สุด
ในวัง หยวนชิงหลิงยังเรียกบรรดาพระชายาอ๋องชินเข้าวังมาหลายคน แม้ว่าตอนนี้ฮูหยินเหยาจะไม่ใช่พระชายาอ๋องชินแล้ว แต่เพราะนางมีสถานะฮูหยินอยู่กับตัว รวมถึงพวกพี่น้องสะใภ้ต่างก็สนิทสนมกันจนไม่มีการแบ่งใครสูงใครต่ำแล้ว อีกทั้งนางยังเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เก่งกาจในการวางแผนกลยุทธ์ เรื่องแบบนี้จึงจำเป็นต้องให้นางมาด้วยอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ในใจของหยวนชิงหลิงก็คิดไว้แล้วว่า ฮูหยินเหยาสามารถเป็นผู้นำในเรื่องนี้ได้จริง ๆ นางเคยเป็นพระชายา เคยให้กำเนิดจวิ้นจู่ เป็นการยากสำหรับสตรีในราชวงศ์ที่จะแต่งงานใหม่ แต่นางทำมันได้สำเร็จ อีกทั้งตอนนี้ชีวิตของนางมีความสุขมาก นางสามารถให้กำลังใจและเป็นแบบอย่างให้กับผู้หญิงที่สามีต้องตายจากไปก่อน หรือพวกผู้หญิงที่ถูกแม่สามีกดขี่ทารุณ แต่ก็กลัวว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียงจนไม่ยอมหย่า
นางสามารถบอกทุกคนจากประสบการณ์ของตัวเองว่า ผู้หญิงเรา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ จงคิดถึงตัวเองให้มากขึ้นหน่อย แล้วคิดถึงความคิดเห็นของคนอื่นให้น้อยลงหน่อย
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย จึงจำเป็นต้องมีผู้ชี้นำแนวทางก่อนเป็นสำคัญ
หรงเยว่เป็นคนที่กระตือรือร้นในการถกเรื่องแบบนี้ที่สุด นางแสดงความคิดเห็นออกมาไม่น้อย
ในชั่วขณะนี้เอง จวิ้นจู่จิ้งเหอเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จาอะไรแม้แต่คำเดียว แต่เมื่อได้ยินประโยคที่ฮองเฮาบอกว่าผู้หญิงเรา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อ จงคิดถึงตัวเองให้มาก คิดถึงความคิดเห็นของคนอื่นให้น้อย นางก็ตะลึงไปชั่วขณะ แต่เพียงไม่นานก็กลับมาทำท่าทางเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พระชายาอานยังไม่ได้ออกจากเมืองหลวง นางอาศัยอยู่ที่จวนเจียงเป่ยมานานขนาดนี้ มีการติดต่อไปมาหาสู่กับคนในท้องถิ่นไม่น้อย พวกขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นบ้านของทางภาคเหนือค่อนข้างเปิดกว้าง ไม่ค่อยถูกระงับยับยั้งด้วยคำสอนโบราณคร่ำครึนัก นางจึงเห็นด้วยกับคำพูดของหยวนชิงหลิงมาก
พระชายาซุนไม่รู้อะไรมากมายขนาดนั้น แต่เมื่อฟังไป ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา จึงพูดว่า “ผู้หญิงก็ควรใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมกับการเป็นผู้หญิง อาศัยอะไรถึงต้องยอมก้มหน้าอ่อนน้อมอยู่ร่ำไปด้วยล่ะ? ต่อให้เป็นผู้หญิงก็เป็นฝ่ายเริ่มรุกก่อนได้เหมือนกัน”
ทุกคนหันไปมองนางอย่างพร้อมเพรียง แล้วแสดงท่าทีว่าพวกเรารู้ทันเจ้าหรอก
อื้ม! ข้ารู้ว่าเจ้าชอบเป็นฝ่ายรุก เจ้ารุกได้กระตือรือร้นมากเลยล่ะ
พระชายาซุนจะมองไม่ออกได้อย่างไรกัน? นางหันไปมองหรงเยว่แบบทันควัน ยื่นมือแล้วชี้ตรงไปที่นาง “ข้าพูดถึงนางต่างหาก ตอนนั้นนางเป็นฝ่ายรุกไล่ติดตามเจ้าหกชนิดกัดไม่ปล่อยเลย”
หรงเยว่หลุดหัวเราะคิกคัก “ถูกต้อง ข้ายังรู้สึกภูมิอกภูมิใจมากเลยเชียวล่ะ”
“คนหน้าไม่อาย!” ทุกคนต่างหัวเราะพลางด่านางเป็นของแถมให้ไปประโยคหนึ่ง