บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1987 รัชทายาทจะกลับมาแล้ว
บทที่ 1987 รัชทายาทจะกลับมาแล้ว
หยวนชิงหลิงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจะดึงให้หัวข้อสนทนากลับมาเป็นเรื่องเดิม พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้พวกเราต้องทำตามขั้นตอน เพื่อเปลี่ยนความคิดโดยธรรมชาติของทุกคน ประการแรกเราต้องก่อตั้งโรงเรียนสตรีขึ้นก่อน เพื่อให้พวกเด็กผู้หญิงก็ได้รับโอกาสในการร่ำเรียน ได้มีความรู้ประดับกาย ประการที่สอง องค์กรสมาพันธ์สตรีของเราต้องจัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วในทุก ๆ เมือง เพื่อขยายการทำงานให้กว้างขวาง จำไว้ว่า พวกเราไม่ได้พยายามจะต่อสู้แข่งขันกับผู้ชาย แม้ว่าในความเป็นจริงชายหญิงจะสมควรมีสถานะเท่าเทียมกันก็ตาม แต่ในตอนเริ่มต้น ไม่ควรใช้กำลังหักหาญมากเกินไป พยายามลดทอนความขุ่นเคืองและแรงต่อต้านของพวกผู้ชายที่มีต่อเรื่องนี้ให้มากที่สุด เรื่องนี้ไม่ควรทำแบบรีบร้อน ทั้งไม่ควรทำแบบไม่สนใจอะไรยึดเพียงความคิดตนเป็นที่ตั้ง พวกเราต้องมีระบบมีขั้นตอน ค่อย ๆ ดำเนินการทุกอย่างให้เป็นระเบียบและราบรื่น ในกระบวนการทั้งหมด ควรลดทอนแรงต่อต้านให้เหลือน้อยที่สุด ”
หรงเยว่พูดขึ้นว่า “พวกเรายังต้องไปสนใจอีกหรือ ว่าพวกเขาจะต่อต้านหรือไม่ต่อต้านน่ะ? ถ้าพวกเราต้องมาคอยกลัวว่าพวกเขาจะต่อต้าน การที่พวกเราทุ่มเททำเรื่องนี้ลงไปมันจะมีความหมายอะไรล่ะ? คนที่มาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้เจ้า จะไม่เท่ากับว่ายังพูดแทนพวกผู้ชายอยู่ดีหรอกหรือ? ”
หยวนชิงหลิงหันไปมองนาง “ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามเจ้าหน่อย ว่าในเวลานี้ ผู้ชายเป็นใหญ่หรือผู้หญิงเป็นใหญ่?”
“ผู้ชายน่ะสิ ดังนั้นพวกเราถึงต้องลุกขึ้นมาต่อต้านอย่างไรล่ะ”
“ในเมื่อเจ้าก็รู้อยู่ว่าผู้ชายเป็นใหญ่ เช่นนั้นแล้วถ้าพวกเขาเกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นมา แรงปะทะก็จะเพิ่มมากขึ้น ปากกาอยู่ในมือของพวกเขาใช่หรือไม่? อำนาจกำหนดกฎเกณฑ์อยู่ในมือของพวกเขาใช่หรือไม่? ถ้าพวกเรายังทำขั้นตอนแรกไม่ได้ กลับกลายเป็นการยั่วยุให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกขัดเคืองต่อต้านแล้วเรื่องที่พวกเราตั้งใจว่าจะทำ มันจะสำเร็จได้หรือไม่ล่ะ?”
หรงเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าพูดได้ถูกต้อง แต่ข้าแค่รู้สึกอึดอัดใจขัดข้องใจนิดหน่อย เพราะเวลาอยู่ที่บ้านเรามีข้าเป็นใหญ่ ให้ข้าสอนผู้หญิงทุกคนให้เป็นสะใภ้ปฏิวัติก็พอได้”
“หรงเยว่ แล้วก็ทุกคน ต้องจำไว้อย่างหนึ่งนะว่า จุดประสงค์ของพวกเราไม่ใช่การยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างชายหญิง แม้ว่าหลังจากผลักดันเรื่องนี้ออกไปแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าอาจนำไปสู่การเกิดผลกระทบที่ตามมาในภายหลัง แต่เราต้องพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ในช่วงที่พวกเราเริ่มต้น หากว่าระหว่างที่ผลักดันเรื่องนี้ออกไปแล้วเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา เราจะได้แก้ไขกันได้ทันท่วงที หรือให้คำแนะนำเชิงบวกได้อย่างเหมาะสม”
“แต่พูดกันตามจริงแล้ว สิ่งที่ผู้หญิงทำได้ ก็ไม่แน่ว่าผู้ชายจะทำได้นะ ข้าคิดว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างน้อยเนื้อต่ำใจขนาดนั้นก็ได้ จะถูกต่อต้านก็ให้ต่อต้านไปเถอะ ไม่ใช่ว่าพวกเราจะสู้กลับไม่ได้สักหน่อย”
“หรงเยว่ เจ้าจะใช้ตัวตนของเจ้ากับสถานะทางครอบครัวของตัวเอง มาสรุปสถานการณ์โดยรวมของเป่ยถังตอนนี้ไม่ได้นะ มีคนที่อยู่ในสถานะแบบเดียวกับเจ้าสักกี่คนกัน? น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ในสังคมแรงงานที่ขับเคลื่อนเป่ยถังของเราก็ยังมีผู้ชายเป็นใหญ่ ส่วนผู้หญิงจะดูแลงานในบ้านในเรือนเป็นสำคัญ ดูแลลูกหลาน รับใช้พ่อแม่สามี ต่อให้แสดงความกล้าหาญแค่ไหนก็ไม่ถูกให้ความสำคัญ เวลาจะขอเงินก็ต้องคอยมองสีหน้าคนให้ เจ้าจะให้พวกนางลุกขึ้นมาเป็นสะใภ้ปฏิวัติ มันก็เท่ากับส่งพวกนางไปเป็นกระสอบทรายให้สามีซ้อม เข้าใจหรือไม่?”
“ดังนั้นพวกเราถึงต้องมีสมาพันธ์สตรีที่เจ้าพูดถึงเมื่อครู่ไม่ใช่หรือ?”
“สมาพันธ์สตรีไม่ใช่ยาครอบจักรวาล โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการก่อตั้ง การนำแนวคิดที่เราตั้งไว้ออกมาทำให้เป็นที่ยอมรับของทุกคนได้ก็นับว่าดีมากแล้ว เจ้ากินเพียงคำเดียวจะกลายเป็นคนอ้วนไม่ได้ถูกหรือไม่? พวกเราต้องค่อย ๆ ทำไปทีละขั้นทีละตอน รอจนเป่ยถังเริ่มให้ความสำคัญต่อผู้หญิง สถานะทางสังคมของผู้หญิงยกสูงขึ้น พวกเราค่อยก้าวต่อในขั้นต่อไป อีกทั้งในช่วงเวลานี้ พวกเราจะสร้างแรงต่อต้านให้ตัวเองไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ข้าพูดว่า เราควรหลีกเลี่ยงความรู้สึกต่อต้านจากผู้ชายตั้งแต่ต้น ”
หยวนชิงหลิงพูดอย่างจริงจัง ทุกคนจึงมีท่าทีจริงจังไปด้วย ไม่มีใครหักล้างคำพูดของนาง แค่ไตร่ตรองความหมายของคำพูดของนาง บรรดาพี่น้องสะใภ้คุยกันเป็นเวลาสี่ชั่วยามเต็ม ๆ นำปัญหาทั้งหมดที่พวกนางคิดได้พูดออกมาจนหมด จิ้งเหอรับหน้าที่จดบันทึกเรื่องที่ทุกคนคุยกัน พระชายาอานรับหน้าที่เรียบเรียง ปรับแต่งรวมถึงลบหัวข้อที่ไม่จำเป็น
เมื่อวางทิศทางชัดเจนแล้ว หยวนชิงหลิงจึงส่งคนออกไปเชิญบรรดาฮูหยินทั้งภายในและภายนอกให้เข้าวังในวันพรุ่งนี้ เพื่อมาแสดงความคิดเห็นร่วมกัน
ส่วนเรื่องของทางกรมการปกครองเหนือนั่น เนื่องจากกู้ซือมีงานใหม่ที่ได้รับมอบหมาย ดังนั้น โสวฝู่เหลิ่งจึงส่งมอบเรื่องนี้ไปให้กรมข้าราชการพลเรือน กับกรมการพระนครร่วมกันจัดการแก้ไข
ฉินฮวนถูกคุมขังในคุกหลวงชั่วคราว ส่วนลูกชายของฉินฮวน ผู้ยโสโอหังนั้นก็รู้เพียงแค่ว่าพ่อของเขาติดคุก แต่กลับไม่รู้ว่าที่พ่อของเขาติดคุกก็เป็นเพราะเรื่องของเขานั่นล่ะ
เรื่องที่เกิดขึ้นในกรมการปกครองเหนือ ไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน มีแค่ขุนนางบางคนที่รู้เรื่องนี้ แต่เบื้องบนมีคำสั่งที่เข้มงวดลงมา ว่าก่อนที่คดีจะคลี่คลาย ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณชนได้โดยเด็ดขาด
สาเหตุหลักเป็นเพราะโสวฝู่ฉู่คิดวิเคราะห์แล้วว่า ฮองเฮาจะต้องนำเรื่องนี้มาเป็นคดีศึกษาแน่ เขาจึงกดเรื่องนี้ให้เงียบเอาไว้ก่อน แล้วรอรับสั่งจากฮองเฮาอีกที
คนของตระกูลฉินออกไปสอบถามทั่วทุกสารทิศ ใช้เงินไปไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครบอกความจริงกับพวกเขา มีเพียงคำตอบแบบคลุมเครือว่า เพราะไปทำให้คนใหญ่คนโตขุ่นเคืองเข้า ถึงได้ถูกส่งตัวเข้าคุก
พวกลูกศิษย์ลูกหาของตระกูลฉินก็ไปหากู้ซือที่จวน เพื่อจะไปสอบถามว่าไปทำให้ใครขุ่นเคืองกันแน่ จะได้ลองดูว่าพอจะให้ของขวัญอะไรเพื่อเป็นการชดเชยความผิดได้หรือไม่
กู้ซือไม่ได้อยู่ที่จวน ภรรยาของเขาหยวนชิงผิงส่งคนมาตอบกลับ โดยบอกให้พวกเขารีบไสหัวกลับไปซะ ทั้งหยาบคายและตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง จนตระกูลฉินถึงกับตกตะลึงอึ้งค้างไปเลย
เพราะว่าตามจริงที่แล้วมา ต่างฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับลูกน้อง สมาชิกในครอบครัวก็มีการติดต่อไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ
หลังจากสั่งให้คนไปสอบถามอีก ถึงได้รู้ว่าใต้เท้ากู้ก็ถูกลดขั้นลงไปเป็นทหารเฝ้าประตูเมืองแล้ว
คนตระกูลฉินกลับคิดว่า เบื้องบนคงอยากจะปรับแก้ภายในกองบัญชาการรักษาความสงบ ถึงได้ลากเอาฉินฮวนให้พลอยติดร่างแหไปจนถูกจับเข้าคุก เพราะภรรยาของใต้เท้ากู้เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ถึงได้ไม่ถูกจับเข้าคุก ใครที่ไม่มีคนหนุนหลังในกรมการปกครองเหนือ แต่มีชื่อขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ ล้วนไปนั่งจับเจ่าอยู่ในคุกหลวงกันถ้วนหน้า
ใครที่มีคนหนุนหลังกลับไม่เป็นเรื่องใหญ่ ใครไม่มีคนหนุนหลังก็ต้องโชคร้ายกันถ้วนทั่ว นี่มันช่างไม่ยุติธรรมเลย
หลังจากที่นายน้อยตระกูลฉินรู้เรื่องนี้ ก็ใช้เวลาพร่ำบ่นเรื่องพ่อของตัวเองอยู่ข้างนอกทั้งวันทั้งคืน พูดว่าขุนนางกรมข้าราชการพลเรือนไม่ยุติธรรม ปกป้องให้ท้ายราชวงศ์
เขามีเครือข่ายเส้นสายของตัวเองอยู่บ้าง แต่โดยพื้นฐานแล้ว ก็เป็นแค่พวกลูกผู้ดีมีเงินที่ไม่ได้ทำการทำงานอะไร กับพวกอันธพาลในเมืองหลวง วัน ๆ ชอบพ่นแต่คำพูดสวยหรูดูดี หลังจากเลือดลมพลุ่งพล่านได้ที่ ก็ช่วยเขาพร่ำบ่นเรื่องนี้ไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้เรื่องนี้ลุกลามจนกลายเป็นปัญหาใหญ่โตขึ้นมาได้จริงๆ
เรื่องยิ่งโหมกระพือไป ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ รัชทายาทจัดการธุระเสร็จก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง
บทที่ 1986 หรงเยว่คนหน้าไม่อาย