บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1989 ข้าจะไม่ลงมือเอง
บทที่ 1989 ข้าจะไม่ลงมือเอง
วันรุ่งขึ้น รัชทายาทจองห้องส่วนตัวในภัตตาคารหงฝู ไว้ห้องหนึ่ง และพาทั้งหมาป่าซาลาเปา หมาป่าทังหยวน รวมถึงหมาป่าข้าวเหนียวมาด้วยทั้งหมดกระทั่งเสือของโค้กกับเซเว่นอัพที่ถูกเลี้ยงไว้ในวัง ก็ยังถูกเขาพาไปที่นั่นด้วย
เขาไม่ได้ใช้คนของเขาเอง แต่ให้โจวเม่าไปเชิญเสเพลฉินกับพรรคพวกสหายอันธพาลทั้งหลายที่มีสัมพันธ์อันดีกับเขามา เพราะเป็นเรื่องธรรมดาเลยว่า พวกที่ร่วมกันโจมตีโรงงานในวันนั้นต้องเป็นคนกลุ่มนั้นแน่ ๆ
ตอนนี้โจวเม่าเป็นขุนนางแล้ว สถานะของเขาย่อมไม่เหมือนเดิม เมื่อตระกูลฉินเห็นว่ามีคนที่เป็นขุนนางมาหา ยังบอกว่าจะไปคุยเรื่องสำคัญที่ภัตตาคารหงฝูเจ้าตัวจึงรีบตามออกไปอย่างไม่รอช้า
เขาคิดว่าน่าจะเพราะเรื่องที่เป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ในเมืองหลวงช่วงนี้แน่ความคงรู้ถึงพระกัณฑ์ฮ่องเต้แล้ว รู้สึกว่ากรมข้าราชการพลเรือนทำงานอย่างไม่ยุติธรรม จึงส่งคนออกมาจัดการ
พอคิดว่าตัวเองจะได้เจอกับขุนนางใหญ่ ในใจก็ตื่นเต้นยินดีมาก ใครบอกว่าเขามันไร้ค่า? รอให้เขาปีนไต่ขึ้นไปหาขุนนางระดับสูงได้ก่อนเถอะ จากนี้ก็แค่วิ่งเต้นหาตำแหน่งกึ่งทางการมาประดับตัวไว้ ในเมืองหลวงนี่เขาอยากได้ผู้หญิงคนไหน มีหรือจะไม่ได้มาไว้ในครอบครอง?
แต่จะพูดไป เขาก็ได้เห็นผู้หญิงมามากมาย ได้หลับนอนมาแล้วก็ไม่ใช่น้อย แต่กลับไม่มีใครที่ดูดีเท่าแม่สาวน้อยในโรงงานนั่นเลยสักคน ทั้งใบหน้าที่บริสุทธิ์งดงาม ทั้งรูปร่างที่เพรียวบางสะโอดสะโอง ทำให้ในใจเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืน แทบจะอดใจไม่ไหวอยากจะพากลับไปที่จวนแล้วรักใคร่เอ็นดูสักหลาย ๆ วัน ถึงจะพอดับความหิวกระหายที่มันคุกรุ่นอยู่ในใจได้
ระหว่างไปที่ภัตตาคารหงฝู ในใจก็ยังคิดแบบนี้อยู่ แต่เมื่อเขาไปถึงหน้าประตูภัตตาคาร กลับเห็นเหล่าสหายของตัวเองก็มาที่นี่ด้วย จึงรู้สึกเหนือคาดไปบ้าง แต่เพราะในสมองคิดแต่เรื่องต่ำช้าลามก ไม่มีพื้นที่พอให้คิดเกี่ยวกับปัญหาที่มันซับซ้อนเกินไป จึงเดินกอดคอหัวเราะเริงร่ากับพวกสหายเข้าไปข้างในทันที
รอจนพวกเขาเข้าไปในห้องส่วนตัว โจวเม่าก็ปิดประตู แล้วยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก
เมื่อพวกคุณชายฉินเข้าไปในห้องส่วนตัว ก็เห็นเพียงคุณชายที่งามสง่าดั่งหยกสลักผู้หนึ่งนั่งดื่มชาด้วยท่าทางสงบนิ่ง
คุณชายผู้นี้สวมชุดผ้าไหมสีขาวปรอดไปทั้งตัว ท่าทางสง่างามแลดูสูงศักดิ์ คุณชายฉินก็นับได้ว่าเคยเจอบุคคลระดับสูงมาบ้าง แต่ก็ยังรู้สึกว่าเขาคนนี้ไม่สามารถเอาไปเทียบกับคนธรรมดาเหล่านั้นได้เลย ชั่วขณะนั้นจึงแสดงท่าทางเคารพนับถือขึ้นมาทันที
“ไม่ทราบว่าคุณชายคือ…..”
รัชทายาทหันไปมองพวกเขา นัยน์ตาหงส์เชิดขึ้นเล็กน้อย ประกายแสงสีดำผุดวาบในดวงตา “ได้ยินมาว่าเมื่อสองสามวันก่อน คุณชายฉินได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งในโรงงานแกะสลักไม้ ทั้งคิดจะรับผู้หญิงคนนี้ไปเป็นอนุ มีเรื่องแบบนี้จริง ๆ น่ะหรือ?”
ตอนที่คุณชายฉินมาที่นี่ก็ยังคิดเรื่องนี้อยู่พอดี ได้ยินเขาพูดเรื่องนี้ ทั้งเห็นว่าอีกฝ่ายอายุอานามพอ ๆ กับตัวเอง ก็คิดว่าคงจะเป็นคนที่มีความคิดแบบเดียวกัน ดวงตาเป็นประกายวาบ ก่อนจะลากเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงทันที
แต่กลับได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากด้านหลังของฉากบังลมขนาดใหญ่ผืนหนึ่ง คล้ายกับว่าเป็นเสียงหายใจของอะไรบางอย่าง จึงชะงักค้างไปชั่วขณะ แต่กลับได้ยินคุณชายคนนั้นพูดขึ้นว่า “สัตว์เลี้ยงของข้าอยู่หลังฉากบังลมน่ะ”
เมื่อได้ยินว่าเป็นสัตว์เลี้ยง คุณชายฉินพลันรู้สึกว่า คุณชายท่านนี้คงเป็นคนประเภทเดียวกับเขาแน่ จึงพูดด้วยสีหน้าระรื่นว่า “คุณชายพูดถึงแม่สาวน้อยคนงามนั่น คิดว่าคงเคยได้พบมาก่อนแล้วสินะ ช่างเป็นคนงามที่งามเด่นเหนือใครจริง ๆ ข้าได้ลิ้มลองผู้หญิงมามากมาย แต่ก็ไม่มีใครที่งามล้ำเลิศเช่นนางเลยสักคน น่าเสียดายที่นางเป็นพวกดื้อรั้นเจ้าอารมณ์ ข้ายังโดนนางตีจนหัวปวดไปหมด แต่ก็ไม่เป็นไร ยิ่งพยศก็ยิ่งสนุก หลังจากนี้ข้าจะให้นาง…..”
ไม่รอให้เขาพูดจบ คุณชายตรงหน้าก็พูดตัดบทเขา น้ำเสียงนับว่าราบเรียบอย่างยิ่ง “ผู้หญิงที่เจ้ากำลังพูดถึงอยู่คนนี้ เป็นคู่หมั้นของข้า”
คุณชายฉินผุดลุกขึ้นทันที หันไปมองประสานสายตากับสหายสองสามคนด้านหลัง เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ทำท่าโกรธเคืองกระฟัดกระเฟียด ยกมือหนึ่งขึ้นตบโต๊ะแล้วพูดว่า ” ดังนั้น เจ้าเลยมาหาข้าเพื่อจะแก้แค้นอย่างนั้นรึ? อาศัยแค่เจ้า? อาศัยแค่เจ้าคนเดียวเนี่ยนะ?”
รัชทายาทดื่มชาที่เหลือในถ้วยอย่างสงบจนหมด ก่อนจะวางถ้วยชาลงเบา ๆ บนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ พลางยืนขึ้น รูปร่างสูงเพรียวงามสง่า แสดงท่าทางที่เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนต้องการจะแก้แค้น
เขามองไปที่คุณชายฉินแล้วยิ้ม “ข้าจะไม่ลงมือกับพวกเจ้าหรอก เชิญทุกท่านนั่งลงก่อน ข้าจะออกไปสั่งอาหารกับเหล้ามา ข้าอยากดื่มกับพวกเจ้าสักหน่อยเพื่อทำให้เรื่องนี้มันจบลงด้วยดี”
คุณชายฉินแค่นเสียง “เฮอะ”ในลำคอ “นับว่าเจ้ารู้มารยาทดีนี่ แม่สาวน้อยคนนั้นตีหัวข้าจนได้รับบาดเจ็บ ย่อมต้องคิดบัญชีให้มันดี ๆ หน่อย ในเมื่อเจ้ารู้จักจัดโต๊ะเลี้ยงเหล้าขอขมา ข้าก็จะเห็นแก่หน้าเจ้าสักครั้งแล้วกัน”
รัชทายาทประสานมือทำท่าคารวะ “นั่งก่อนเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา”
เขาเดินตรงไป เปิดประตูแล้วก้าวออกไปด้านนอก ก่อนจะงับประตูปิดอีกครั้ง
ในห้องส่วนตัว ฉากบังลมล้มลง หมาป่าหิมะที่มีท่าทางดุร้ายสามตัวกระโจนออกมา มีเสือสองตัวประกบหลัง ได้ยินแค่เสียงร้องโหยหวนชวนเวทนาดังมาไม่ขาดสาย กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งกระจายเต็มอากาศ
รัชทายาทยืนอยู่นอกประตู ดวงตาเย็นชา สีหน้าเย็นเฉียบประดุจน้ำแข็งกลางฤดูหนาว สร้างความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวให้แก่คนที่ได้พบเห็น
โจวเม่าถามด้วยความกังวลว่า “จะรุนแรงถึงขั้นมีคนตายหรือไม่”
จะอย่างไรสุดท้ายแล้ว เขาก็เป็นขุนนางของตำหนักบูรพา แล้วก็เป็นขุนนางของเป่ยถังด้วย คนชั่วเหล่านี้ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย การลงโทษแบบศาลเตี้ยถือว่าไม่ถูกต้อง
รัชทายาทมองออกไปข้างนอก แต่ดวงตายังคงไร้ความอบอุ่นใด ๆ “ย่อมมีเจ็บมีบาดเจ็บ แต่ไม่ถึงตาย พวกมันต่างได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี รู้จักหนักเบาว่าต้องลงมือแค่ไหน”
“จะไม่กินพวกเขาใช่หรือไม่?” โจวเม่ายังคงกังวลไม่หาย
รัชทายาทหันมามองเขา แล้วพูดด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ว่า “พวกมันเลือกกินน่ะ พวกเศษขยะจะไม่ยอมกินเด็ดขาด”
โจวเม่าคิดไปคิดมาก็เห็นด้วย ในเมื่อเป็นถึงสัตว์วิเศษของราชวงศ์ จะไม่แยกแยะจนกินพวกขยะสังคมเข้าไปได้อย่างไรล่ะ?
เสียงร้องโหยหวนยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็ค่อย ๆ เบาลงแล้ว รัชทายาทจึงพูดขึ้นช้าๆ ว่า “เรียกพวกหมอเหล่านั้นเข้ามาเถอะ หากไปดูอาการช้าเกินไป อาจเสียเลือดมากเกินไปจนตายได้ ห้ามเลือดเสร็จก็ส่งพวกนั้นกลับบ้านไปเอาค่าปรึกษา ให้พักฟื้นกับรักษาอาการบาดเจ็บสองวัน ค่อยไปจับกลับมาสอบสวนหาความผิดที่พวกนั้นเคยทำมาให้หมด”
ถ้าพาตัวไปเลยตอนนี้ จะเดือดร้อนกรมการพระนครที่ต้องจัดหาหมอกับหยูกยาให้ ต้องมาเสียเงินไปกับคนพรรค์นี้อย่างไรก็ไม่คุ้ม
“พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเม่ารับคำสั่งก็รีบออกไปจัดการ
รัชทายาทผู้มีเมตตาลดมือลง ก่อนจะเดินจากไปท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นอ่อนจาง