บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1992 แข่งกันเสนอตัวทำงาน
บทที่ 1992 แข่งกันเสนอตัวทำงาน
ทางด้านเมืองหลวง ตามความคิดริเริ่มของกลุ่มพระชายาและฮูหยินเฉิน ที่จัดตั้งกลุ่มสมาชิกขึ้นอย่างเป็นทางการ ยื่นขอให้มีโรงเรียนสตรีแห่งแรกในเมืองหลวง
โรงเรียนสตรีแห่งแรกไม่ต้องการเงินทุนจากราชสำนัก โดยมีพระชายาหรงเยว่เป็นผู้นำในการระดมทุน ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของบรรดาฮูหยินทั้งหลาย โรงเรียนสตรีแห่งแรกจึงถูกสร้างขึ้นอย่างคึกคักเร่าร้อน
ในเป่ยถัง ตระกูลที่มั่งคั่งหรือตระกูลขุนนางจะมีโรงเรียนเอกชนสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้หญิงที่รู้หนังสือหรือรอบรู้ด้านวรรณกรรมอยู่เสมอ เวลาที่หยวนชิงหลิงพูดคุยกับบรรดาฮูหยินทั้งภายในและภายนอกวัง ก็จะพูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจนักว่า ถ้าบรรดาสตรีผู้มีความรู้ความสามารถเหล่านี้ มาทำหน้าที่เป็นครูในโรงเรียนสตรีแห่งแรกได้ นั่นคงจะเป็นเรื่องที่วิเศษสุดเลยทีเดียว
หลังจากหยุดพูดไปครู่หนึ่ง นางก็พูดเสริมขึ้นอีกประโยค แน่นอนว่าบางทีพ่อหรือสามีที่บ้านก็อาจจะไม่เห็นด้วย แต่อย่างไรก็ต้องมีผู้ชายบางคนที่มีเหตุผล มีความเต็มใจที่จะให้หญิงชายมีความก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กัน นางหวังว่าจะได้เห็นผู้ชายดี ๆ แบบนี้ในเมืองหลวง
คำพูดที่ไม่ตั้งใจเหล่านี้ จะต้องแพร่สะพัดออกไปอย่างแน่นอน และผู้ชายดี ๆแบบที่ฮองเฮาปรารถนาจะได้เห็น ก็จะต้องปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน
ผู้ชายน่ะหรือ ถ้าเจ้าดุด่าเขาสักสองสามคำ เขาย่อมดื้อรั้นต่อต้าน แต่ถ้าเจ้ายกย่องชื่นชมเขาสักสองสามคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคำชมจากฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะให้เขาทำอะไร เขาก็จะยอมทำให้ทั้งนั้น
เจ๋อหลานเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืน ประกาศชัดว่าอยากเป็นครูที่โรงเรียนสตรี
การตัดสินใจนี้ของเจ๋อหลาน แม้แต่หยวนชิงหลิงก็ยังคาดไม่ถึง เพราะนางรู้ว่าลูกสาวเป็นคนที่กลัวเรื่องยุ่งยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้นางก็ต้องยุ่งอยู่กับเรื่องพวกนั้น กลางคืนแทบจะไม่ได้อยู่ในวังเลย ตอนกลางวันนอกจากนอนหลับ ก็ต้องยุ่งกับการสืบสวนอีก เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเวลาว่างเหลือเลย
นางไปคุยกับเจ๋อหลาน เจ๋อหลานเอนตัวไปพิงไหล่พลางหาวหวอด “ท่านแม่เรื่องเวลาข้าจะจัดเองให้เรียบร้อย ข้าสามารถลดระยะเวลาตรวจสอบให้สั้นลงได้ เพราะการตรวจสอบทำเพื่อความรอบคอบ แต่อันที่จริงตามการเหนี่ยวนำของข้า รวมไปถึงการเลือกกำไลคำสั่งนรก ไม่มีทางเกิดความผิดพลาดแน่ แล้วข้าค่อยใช้เวลาตอนกลางวันเป็นครู”
“แต่ตอนกลางคืนเจ้าต้องออกไปข้างนอก ตอนกลางวันก็ต้องเป็นครูอีก จะไม่ยุ่งเกินไปหรือ? เจ้าต้องรู้ก่อนนะว่าช่วงเริ่มต้นของการตั้งโรงเรียน ทุกอย่างมันจะยากลำบากมาก”
“ข้าเตรียมใจไว้พร้อมแล้วเจ้าค่ะ ข้าคิดมาแล้วถึงได้ตัดสินใจทำแบบนี้ ไม่ใช่ความคิดชั่วแล่น ข้าเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์เป่ยถัง มีหน้าที่และความรับผิดชอบในส่วนนี้ ต่อให้ไม่พูดในสถานะนี้ ข้าในฐานะลูกสาว อย่างไรก็ต้องช่วยท่านแบ่งเบาภาระหน้าที่นี้อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
“ได้!” หยวนชิงหลิงลูบหน้าผากลูกสาว รู้สึกชื่นใจเหลือเกินแล้วจริงๆ
เจ๋อหลานหาวอีกครั้ง ต่อหน้าแม่ นางสามารถทำตัวตามสบายไม่ต้องมีมารยาทอะไรทั้งสิ้น “นอกจากนี้ ข้าคิดว่าตัวเองควรทำเรื่องที่มีความหมายมากกว่านี้ ไม่อยากเสียเวลาที่มีค่า ปล่อยให้วันเวลาไหลผ่านไปอย่างสูญเปล่า มันไร้ประโยชน์”
“เจ้าไม่ได้ใช้เวลาอย่างเปล่าประโยชน์ เจ้ามีชะตากรรมของราชวงศ์อยู่กับตัว”
“ถ้าทำได้ ก็จงทำให้มากขึ้นอีกหน่อย ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยได้ยินจากพวกปู่ ๆ ในจวนอ๋องซู่พูดว่า คนหนึ่งคนไม่จำเป็นต้องทำแค่เรื่องเดียว แต่สามารถทำหลาย ๆ เรื่องพร้อมกันได้ เพราะถึงอย่างไรเราก็เป็นคนจัดเวลาเองอยู่แล้ว ”
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 1992 แข่งกันเสนอตัวทำงาน –
หยวนชิงหลิงยิ้มแย้ม “อื้ม เจ้ามองพวกเขาเป็นตัวอย่างเถอะนะ พวกเขาเคยทำงานมาหลายอย่าง”
“ข้าอยากพยายามให้มากขึ้น พยายามทำให้ดีที่สุด”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าลูกสาวช่างรู้ความยิ่งนัก ในใจก็นึกขอบคุณคู่สามีภรรยาฉีฮั่วอีกครั้ง ที่ช่วยสอนสั่งนางให้เป็นอย่างดี
จวิ้นจู่จิ้งเหอก็เคยเสนอตัวเช่นกัน แต่หยวนชิงหลิงพิจารณาแล้ว เห็นว่าบ้านของนางมีเด็กค่อนข้างเยอะ มีบางคนที่อยู่ในช่วงวัยต่อต้าน นางไม่สามารถแยกตัวออกไปได้ ดังนั้นจึงปฏิเสธการเสนอตัวของนางไป
ฮูหยินเหยาก็เสนอตัวเช่นกัน หยวนชิงหลิงตอบตกลง ลูกของนางยังเล็ก แต่ถ้าออกไปข้างนอกตอนกลางวัน ครอบครัวของนางก็ช่วยเลี้ยงได้ ฮุ่ยเทียนเวลานี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว จำนวนคนใช้ในบ้านมีมหาศาล อีกทั้งเหล่าพี่น้องผองเพื่อนในสำนักเหลิ่งหลังก็ชื่นชอบรักใคร่ลูกของเขามาก คอยแต่จะบอกให้พากลับไปเล่นกับพวกเขาอยู่เสมอ
หยวนชิงหลิงยังแนะนำเพิ่มเติมว่า ที่โรงเรียนสามารถเปิดชั้นเรียนสำหรับคนที่สนใจด้านงานฝีมือ เพิ่มวิชาเย็บปักถักร้อย งานแกะสลักไม้ เครื่องปั้นดินเผา วาดภาพ เป็นต้น อย่างไรก็ต้องพยายามดึงดูดผู้หญิงมาให้ได้มากที่สุดเป็นอันดับแรก
ด้านช่างสวีตอบรับอย่างไร้เงื่อนไข บอกว่านางเต็มใจจะมาสอนที่โรงเรียนให้แบบไม่คิดเงิน
ช่างสวีเป็นคนที่มีชื่อเสียงไปแล้ว หลังจบคดีที่กรมการปกครองเหนือ มีการประกาศต่อสาธารณชนว่า ช่างสวีปกป้องลูกศิษย์หญิงของตนจนถูกจับไปขังคุก โดนทรมานโดยขุนนางที่ชั่วร้าย แต่ก็ยังยืนหยัดหนักแน่นไม่ยอมแพ้
อีกทั้งผู้คนต่างก็รู้เรื่องราวที่นางประสบมาเช่นกัน นิตยสารรายสัปดาห์เคยสัมภาษณ์นาง บอกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานางยืนหยัดเพียงลำพัง อบรมเลี้ยงดูลูกชายทั้งหลายให้เติบใหญ่ขึ้นมาได้อย่างเข้มแข็ง
เรื่องของช่างสวี มีความสำคัญทางการศึกษาในเชิงบวก ทำให้ทุกคนเห็นว่าผู้หญิงหากพึ่งพิงความสามารถด้านงานฝีมือ ก็ยืนหยัดด้วยตัวเองตามลำพังได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร
ยิ่งไปกว่านั้น อาชีพบัณฑิตชาวนาช่างฝีมือพ่อค้า งานด้านประกอบการฝีมือเลี้ยงชีพก็นับว่าเป็นที่นับถือของผู้คน ลูกสาวของคนธรรมดา ก็สามารถขายงานเย็บปักถักร้อยเพื่อหาเงินได้ แต่ค่าเล่าเรียนในโรงเรียนเย็บปักนั้นแพงเกินไปส่วนค่าเข้าโรงเรียนสตรีนั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะเกิดการแย่งชิงกันเพื่อลงชื่อสมัครเรียน
ฮูหยินเหยานับจำนวนผู้สมัคร แล้วรายงานไปที่ฮองเฮา
“มีคนสนใจเรียนงานฝีมือมากกว่าคนที่สนใจเรียนหนังสือเยอะเลย แบบนี้มันจะขัดกับความตั้งใจเดิมของเราหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่ ไม่หรอก พวกนางเข้าโรงเรียนแล้ว ต้องเรียนหลักสูตรอะไร เป็นหน้าที่ของโรงเรียนเราเป็นผู้จัดให้ อีกทั้งเรื่องของความสนใจเป็นสิ่งที่ต้องค่อย ๆ ปลูกฝัง พวกเราต้องใช้ความอดทนให้มาก นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีมากแล้ว”
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ทำแบบนี้ไปก่อน” ฮูหยินเหยายังคงมีท่าทีจริงจังแน่วแน่ ไม่พูดอะไรมาก ออกจากวังไปจัดการทันที