บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1993 ช่วยดูแลแมวตัวหนึ่ง
บทที่ 1993 ช่วยดูแลแมวตัวหนึ่ง
ระหว่างที่โรงเรียนแห่งแรกดำเนินการอย่างคึกคักเร่าร้อน คู่สามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันก็กลับมา
หลังจากที่พระชายากลับมาถึงเมืองหลวง ก็เข้าวังไปคุยกับหยวนชิงหลิง พอคุยกันเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนสตรี พระชายาก็ชมไม่ขาดปากว่าทำงานนี้ได้ดีมากเหลือเกิน
อ๋องชินเฟิงอันก็ไปห้องทรงพระอักษรด้วย หลังจากชมเชยฮ่องเต้ไปตามสมควร ก็ขอร้องเรื่องเล็ก ๆ เรื่องหนึ่ง บอกว่าอีกสองวันหลังจากนี้ พวกเขาทั้งคู่ยังต้องออกไปทำธุระสำคัญเรื่องอื่นอีก อยากจะฝากแมวตัวหนึ่งให้ช่วยนำมาเลี้ยงไว้ในวัง
หยู่เหวินเห้าถามด้วยความสงสัย “แมว? เลี้ยงไว้ในจวนอ๋องซู่ไม่ได้รึ?”
“ไม่ได้ พวกเขาไม่ใช่คนรักสัตว์เลี้ยง ไม่รู้จักเมตตาเอ็นดูสัตว์”
หยู่เหวินเห้าคิดว่าวังหลวงใหญ่โตขนาดนี้ จะเลี้ยงแมวแค่ตัวเดียวไม่ได้เลยเชียวหรือ? น้อยครั้งนักที่เสด็จปู่ใหญ่จะขอร้องเขา จึงรีบตอบตกลง “ได้ หลังจากนี้ท่านก็ส่งคนนำเข้าวังมาเถอะ”
อ๋องชินเฟิงอันพูดว่า “แมวตัวนี้น่ะ จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาจากฮองเฮา”
“เจ้าหยวนไม่ใช่หมอรักษาสัตว์ .….. แต่ก็ เอาเถอะ แค่แมวป่วยตัวเดียวจะนับเป็นอะไรได้?” หยู่เหวินเห้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
“อื้ม! ถ้าอย่างนั้นก็ตามที่ฮ่องเต้ตรัสไว้ อย่างไรก็ต้องรักษาให้ดีล่ะ” อ๋องชินเฟิงอันพูดอย่างสั้นกระชับรวบรัด
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ ไม่ใช่แค่แมวป่วยตัวเดียวหรอกหรือ? ดูท่าทางเคร่งเครียดจริงจังของเสด็จปู่ใหญ่สิ ถ้ารักษาไม่หายจริง ๆ ก็แค่ส่งให้เขาใหม่สักร้อยตัวก็ได้แล้วไม่ใช่รึ?
ช่วงพลบค่ำ แมวตัวที่ว่าถูกรถเข็นสินค้าพื้นราบลากเข้ามาในวัง ล้อรถถูกทับจนเกือบจะบิดเบี้ยว คู่สามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอัน พร้อมกับเหล่าชายชราจากจวนอ๋องซู่ร่วมแรงกันอย่างหนักทั้งด้านหน้าด้านหลัง ในที่สุดก็พาแมวมาส่งถึงวังได้สำเร็จ
คืนนั้นหยู่เหวินเห้าสั่งให้คนไปบอกเจ้าหยวนล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นหยวนชิงหลิงก็รู้ว่าอ๋องชินเฟิงอันจะส่งแมวมา จึงเตรียมกระบะทรายให้แมวไว้ล่วงหน้า ทั้งยังให้คนทำอาหารประเภทเนื้อสัตว์ไว้หน่อย จะได้เอามาป้อนมัน
ตอนที่เห็นแมว หยวนชิงหลิงตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง แมวตัวนี้… เนื้อที่ปรุงไว้เหล่านั้น น่ากลัวว่าจะไม่พอติดซอกฟันของมันเลยด้วยซ้ำ
นี่ไม่ใช่เสือขนทองที่อ๋องชินเฟิงอันเคยขี่ไปไหนมาไหนหรอกหรือ? เห็นมันในหมู่ตึกเหมยวันนั้น ต้องเรียกว่ายิ่งใหญ่เกรียงไกรมีสง่าราศี แต่มาตอนนี้กลับนอนสลบอยู่บนรถลาก ไหม้เกรียมเป็นสีดำสนิทไปทั้งตัว เหมือนกับว่าถูกไฟเผาจนไหม้อย่างไรอย่างนั้น
หยู่เหวินเห้ายังจำเสือขนทองได้ เมื่อเห็นเสือขนทองมีสภาพเป็นแบบนี้ ในใจเขารู้สึกทรมานมากรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “เสือขนทองเป็นอะไรไป? ถูกไฟไหม้หรือ?”
“ถูกฟ้าผ่าน่ะ” น้ำเสียงของอ๋องชินเฟิงอันฟังดูมืดมนเล็กน้อย แสดงสีหน้าสงสารเห็นใจเจ้าเสือ
หยู่เหวินเห้าตกตะลึง ถูกฟ้าผ่า? เสือขนทองถูกฟ้าผ่า?
หลังจากที่องครักษ์เงาดำเฒ่าเช็ดเหงื่อแล้ว ก็ลูบเจ้าเสือที่นอนอยู่บนรถลากชายชราผู้หยาบกระด้างคนนี้ถึงกับขอบตาแดงเรื่อ ใช้มือลูบจากส่วนหลังของมันขึ้นไปจนถึงหน้าผาก “เป็นเด็กดีรักษาบาดแผลอยู่ที่นี่ให้หายก่อน รอเจ้าหายดีแล้ว ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน ถึงตอนนั้นข้าจะซื้อเนื้อให้เจ้ามากเท่าที่เจ้าอยากกินเลย”
ชายชราชุดดำคนอื่น ๆ ก็เข้ามาลูบเจ้าเสือขนทองด้วย แต่ละคนมีสีหน้าอาลัยอาวรณ์มาก
สามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันเชิญหยวนชิงหลิงออกไป พูดคุยเป็นการส่วนตัว
หยวนชิงหลิงเริ่มปลุกญาณหยั่งรู้ขึ้นมาแล้ว จึงได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า นางพูดว่า “ทั้งสองท่านโปรดวางใจ ข้าจะพยายามรักษาเสือขนทองให้ดีที่สุด”
“ต้องรบกวนฮองเฮาแล้ว” อ๋องชินเฟิงอันดูทุกข์ทรมานใจมาก “แต่ก็กลัวว่าไม่รู้จะต้องใช้เวลาอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ข้ามียาเม็ดจินตันอยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าป้อนให้มันเดือนละหนึ่งเม็ด ให้มันได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศในรั้ววังของฮ่องเต้ในโลกมนุษย์ต่อไป ข้าจะกลับมาเยี่ยมดูมันเป็นครั้งคราว”
“ข้าจะพยายามดูแลมันให้ดีที่สุด” หยวนชิงหลิงรู้ว่าสองสามีภรรยามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเสือขนทองแค่ไหน เสือขนทองกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว พวกเขาจะต้องรู้สึกทุกข์ใจมากแน่
“รบกวนแล้ว” อ๋องชินเฟิงอันพูดพลาง ปลายหางเสียงถึงกับเจือก้อนสะอื้นน้อย ๆ ราวกับเขารู้ว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จึงรีบเดินจากไป
พระชายาชินเฟิงอันหันกลับไปเช็ดน้ำตา ไม่พูดอะไรสักคำ
เนื่องจากอารมณ์ของทุกคนค่อนข้างหนักอึ้งและจมดิ่งกันหมด แม้ว่าหยู่เหวินเห้าจะพยายามอย่างเต็มที่ในการฝืนระงับความสงสัยที่อัดแน่นอยู่เต็มท้อง รอจนพวกเขาจัดเตรียมที่ทางให้เสือขนทองในวังเสร็จ เขาก็ดึงหยวนชิงหลิงไปถามว่า “เจ้าหยวน นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไมเสือขนทองถึงมีสภาพเป็นอย่างนี้?”
เมื่อครู่เสด็จปู่ใหญ่เพิ่งคุยกับนางเป็นการส่วนตัว คิดว่าคงจะบอกที่ไปที่มาให้นางรู้
หยวนชิงหลิงเรียบเรียงคำพูดที่จะเล่า แล้วพูดว่า “เรื่องของเสือขนทองค่อนข้างซับซ้อน ข้าจะเปรียบเทียบให้เจ้าฟังเพื่อให้เจ้าเข้าใจได้ง่ายขึ้น เมื่อหลายปีก่อนมันเกิดธาตุไฟเข้าแทรก ถูกโจมตีโดยพลังปราณภายใน ส่งผลให้สูญเสียพลังวิเศษไปมาก สัตว์เทพผู้เกรียงไกรคิดจะใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ เตรียมใจพร้อมเป็นพร้อมตายไปกับอ๋องชินเฟิงอัน แม้ว่าในช่วงเวลานั้นจะบำเพ็ญตบะจนคมมีดคมดาบไม่สามารถฟันแทงเข้าได้แล้ว แต่สุดท้ายพลังก็ยังไม่ฟื้นคืนได้เท่ากับตอนเป็นสัตว์เทพในอดีต หากคิดอยากจะย้อนกลับไปเป็นเหมือนในอดีต จำเป็นต้องเผชิญด่านเคราะห์ คือการทนผ่านพายุฝนฟ้าคะนองทั้งห้า หากรอดมาได้ ก็จะฟื้นฟูพลังความสามารถกลับมา หากไม่รอด ก็เป็นไปได้ว่าวิญญาณอาจแตกสลาย ที่จริงเสือขนทองอดทนจนผ่านมาได้แล้ว แต่พลังชี่ดั้งเดิมก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงด้วย มีเทพบางองค์….ที่วิญญาณเทพกับพลังปราณภายในจะกระจัดกระจายออกไปข้างนอก เสด็จปู่ใหญ่กำลังไปตามหากลับมา แต่ร่างหลักของเสือขนทองก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาอีกมาก ถึงจะหลอมรวมกับพลังส่วนที่กระจัดกระจายออกไปนั้นได้ ”
หลังจากที่หยู่เหวินเห้าฟังนางอธิบายแล้ว ค่อยวิเคราะห์ตามความเข้าใจของตัวเองอีกรอบ ก็เข้าใจขึ้นมาได้หลายส่วน
แต่ถึงอย่างไร เสือขนทองก็รอดจากด่านเคราะห์ที่หนักหนาที่สุดมาได้แล้ว รอให้มันฟื้นกลับมา มันจะมีพลังที่ร้ายกาจกว่าแต่ก่อนมาก อีกทั้งสถานะก็จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ถึงขั้นพูดได้ว่า ไม่จำเป็นต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว
ติดเพียงแค่ว่าหลังจากที่เสือขนทองถูกฟ้าผ่า วิญญาณบางส่วนจะกระจัดกระจายไปอยู่ที่ไหนได้ล่ะ?