บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2005 อาศัยภรรยาช่วยแก้แค้น
บทที่ 2005 อาศัยภรรยาช่วยแก้แค้น
โสวฝู่เรียกคนมานับจำนวนเหรียญทองแดง ถูกต้อง การเล่นไพ่นกกระจอกจำเป็นต้องมีคนช่วยนับเงินอยู่ข้าง ๆ
แน่นอนว่าคนที่รับผิดชอบในการช่วยหยู่เหวินเห้านับเงินก็คือมู่หรูกงกง คืนนี้ทั้งคืนมู่หรูกงกงว่างตลอด เพราะฝ่าบาทแพ้จนหมดตัวไปตั้งนานแล้ว ไม่มีอะไรให้นับ จึงทำได้แค่ยืนอยู่ว่าง ๆ
หยู่เหวินเห้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ปรายตามองมู่หรูกงกงซึ่งยืนว่าง ๆ อยู่ข้างเขาไม่มีงานอะไรให้ทำ “หรือไม่เจ้าออกไปวิ่งเป็นวงกลมเพื่อขอพรให้ข้า จะได้พลิกโชคร้ายให้กลายเป็นดี”
มู่หรูกงกงพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยวิ่งไปเจ็ดแปดรอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ โชคร้ายน่าจะหนีไปไม่เหลือแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่มันอาจจะไม่เกี่ยวกับความโชคร้าย?”
นี่เป็นปัญหาทางด้านเทคนิคจริง ๆ รึ ? เมื่อครู่เพิ่งจะบอกว่าเล่นสามหมื่นไม่ได้ เซิงจางก็ทิ้งออกไปไม่ได้ ถ้าทิ้งเมื่อไหร่โดนกั่งใส่แน่นอน
หยู่เหวินเห้าหงุดหงิดมาก “ไม่เกี่ยวกับโชคร้าย แล้วมันเกี่ยวกับอะไรล่ะ? จริงสิ ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ให้รางวัลเจ้าไปหนึ่งพวงเงินหรอกรึ? เจ้าเอามาให้ข้ายืมใช้ก่อน ในกล่องไม่มีเหรียญทองแดงมันจะหาเงินมาเติมให้เต็มไม่ได้นะ”
มู่หรูกงกงรู้อยู่แล้วว่า เงินพวงนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องส่งคืนกลับไปให้ฝ่าบาทแน่ ๆ ยังดีที่พกติดตัวตลอด เขานำเงินไปใส่ไว้ในกล่อง แล้วถอยกลับไปยืนอีกด้าน
ต่อจากนั้น เหมือนว่าทุกคนจะไล่บี้หยู่เหวินเห้าคนเดียว เขาโกรธจนกระหม่อมแทบจะมีควันสีเขียว ๆ ลอยโขมงออกมาให้ได้แล้ว”จะถอนขนแกะก็ไม่ควรถอนจากแกะตัวเดียวกันหรอกนะ จะมากเกินไปแล้ว!”
ท่านชายสี่หัวเราะร่วน “ใครบอกให้ตอนแรกเจ้าทำตัวเย่อหยิ่งอวดดีขนาดนั้นล่ะ ไม่ไล่ตามเจ้าจะให้ไล่ตามใครรึ?”
เจ้าห้าโกรธจนแทบจะล้มโต๊ะให้ได้แล้ว พลันได้ยินเสียงของฮองเฮาดังแว่วเข้ามาว่า “เจ้าห้า อยากให้ข้าช่วยเล่นแทนเจ้าสักสองตาหรือไม่ ? จะได้พลิกโชคร้ายให้กลายเป็นดี”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตู เห็นแค่ฮองเฮาเดินเข้ามาพร้อมกับพวงเงินที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอกของนางพวงหนึ่ง ยิ้มแย้มเต็มใบหน้า
ท่านชายสี่ปรายตามองนางแวบหนึ่ง “เจ้าพกเงินมาแค่พวงเดียวยังไม่พอใช้หนี้ให้สามีของเจ้าเลย”
หยวนชิงหลิงส่งเงินพวงนั้นไปให้มู่หรูกงกง “เงินพวงนี้ไม่ใช่เงินทุนแต่จะใช้เป็นเงินเพื่อออกนั่งบัญชาการเอง แล้วจะแบ่งให้พวกเจ้าเป็นเงินขวัญถุง หลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเจ้ากลับไปแบบกระเป๋าเงินว่างเปล่าหมดเนื้อหมดตัว”
หยู่เหวินเห้าถึงกับหลุดหัวเราะขึ้นมาทันที เขาชอบที่เจ้าหยวนหยิ่งผยองแบบนี้จริง ๆ
แต่เขาก็ยังอดถามไม่ได้ว่า “เจ้าเล่นเป็นรึ? ไม่เคยได้ยินเจ้าเล่าให้ฟังมาก่อนเลยว่าเจ้าเล่นเป็น”
“รู้พื้นฐานนิดหน่อย ไม่ถึงกับเชี่ยวชาญ” หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม เป็นความจริงที่เมื่อก่อนนางไม่เชี่ยวชาญ ตอนที่ทุกคนในครอบครัวมาพบปะรวมตัวกันก็มีเล่นบ้าง แต่ว่า ตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกันอีกต่อไปแล้ว
หงเย่ชิงพูดขึ้นว่า “หลังจากนี้อย่าถูกเล่นงานจนร้องไห้โฮเข้าล่ะ”
“ค่อยมาดูว่าใครกันแน่ที่จะร้องไห้” หยวนชิงหลิงตบ ๆ ที่ไหล่ของหยู่เหวินเห้าเบา ๆ “เจ้าลุกหน่อย ข้าเล่นเอง”
หยู่เหวินเห้ายืนขึ้นหลีกทางให้นาง “ได้ ข้าจะเป็นที่ปรึกษาให้เจ้าเอง จะช่วยสอนเจ้าเล่นก่อน… แต่ถ้าพวกเราแพ้ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้นะ”
หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไป กดลงบนไพ่นกกระจอกอย่างอ่อนโยนแต่ก็ดูวางอำนาจในที “บอกพวกเขาเถอะ”
ท่านชายสี่พูดเตือน “ศิษย์ข้า เจ้าไม่ลองถามเจ้าห้าดูล่ะ ว่าทำไมถึงถูกพวกเราเล่นงานจนมีสภาพน่าอเนจอนาถขนาดนี้ ก็เพราะเขาหยิ่งยโสเกินไป เจ้าเองก็ระวังหน่อยล่ะ เพราะเมื่อไหร่ที่ลงสนามรบ ย่อมไม่มีคำว่าศิษย์อาจารย์ ข้าลงมือแล้วไม่มีการปราณีเด็ดขาด”
“ได้ยินอาจารย์พูดอย่างนี้ข้าก็วางใจได้แล้วล่ะ” หยวนชิงหลิงยิ้มหวานหยด เริ่มล้างไพ่
เสียงกิ๊ก ๆ กั๊ก ๆ ของไพ่นกกระจอกที่ถูกล้างดังสนั่น หยู่เหวินเห้านั่งข้างภรรยา ตั้งท่าเตรียมพร้อมจะถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดที่มีให้แบบไม่อั้น แต่กลับเห็นนิ้วของภรรยาชั่วขณะที่เก็บไพ่นั้นรวดเร็วปานสายฟ้า แค่พลิกไปพลิกมา ไพ่ทั้งหมดก็ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
แต่เขามองไม่เห็นไพ่ ข้อศอกของเจ้าหยวนทั้งสองข้างกางออกจนกว้าง ทำให้ปิดไพ่ที่อยู่ในมือจนมิดได้พอดี แต่ดูสีหน้าของนางไม่เชิงยินดีมีความสุขนัก ดู ๆ แล้วน่ากลัวว่าเงินที่นางเอามาพวงนั้นคงจะรักษาไว้ไม่อยู่แน่แล้ว
ท่านชายสี่เป็นเจ้ามือ ทิ้งไพ่ที่ไม่ต้องการออกไป “ตง ตงเฟิง ฆ่าหมดทั้งสามทิศ กำจัดเกราะป้องกันของพวกเจ้าหมด ฆ่าเรียบไม่มีเหลือ”
หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปหยิบไพ่อักษรตงที่เขาทิ้ง โสวฝู่เตือนว่า “ฮองเฮา ถึงตาเจ้า เจ้าต้องจั่วไพ่ ไม่ใช่เก็บไพ่ที่เขาทิ้งนะ”
“ถูกต้อง เจ้าต้องจั่วไพ่มาใบหนึ่งก่อน หลังจั่วไพ่ขึ้นมาใบหนึ่งแล้วค่อยทิ้งไพ่ที่เจ้าไม่ต้องการออกไป” หงเย่หลุดหัวเราะเบาๆ “ดูท่าทางของเจ้าแล้วยังไม่เท่าฝ่าบาทเลยนะ หรือไม่เจ้าไปเรียนมาก่อน ค่อยลงสนามเล่นดีหรือไม่?”
เห็นแค่หยวนชิงหลิงเปิดไพ่ตงเฟิงเรียงกันสามตัว “ข้ากั่งแล้ว!”
ท่านชายสี่ยื่นหน้าเหยียดยาวทันที แค่ไพ่ใบแรกก็ออกกั่งเลยรึ?
หยวนชิงหลิงยื่นมือไปจั่วไพ่ตัวหนึ่งกลับมา ทั้งสี่ตัวเรียงเป็นแถวเดียวกันวางคว่ำหน้าลง “กั่งบวกน็อคมืด”
หงเย่หันไปมองท่านชายสี่อย่างรวดเร็ว “กั่งในกั่งก็เป็นของเจ้า ก่อนหน้านี้เคยบอกกฎไปแล้วนี่”
“เข้าใจแล้วน่า” ท่านชายสี่พูดอย่างขุ่นเคือง
เมื่อเห็นว่าหยวนชิงหลิงจั่วไพ่มาอีกตัว จากนั้นก็วางคว่ำหน้าลง “น็อคมืดอีกแล้ว”
สีหน้าของท่านชายสี่ดำคล้ำมืดทะมึน “จริงหรือ? อีกครู่จะมีการตรวจสอบไพ่นะ”
หยวนชิงหลิงยิ้มแย้มแต่ไม่พูดอะไร ยื่นมือออกไปจั่วไพ่ ครั้งนี้ก็คว่ำไพ่อีกสี่ตัวลง ยิ้มจนตาหยีแทบจะขึ้นไปถึงหางคิ้วแล้ว “น็อคมืดอีกแล้ว”
ท่านชายสี่ขมวดคิ้วมุ่น ทุกคนต่างหันไปมองนางเป็นตาเดียว ไม่เชื่อเด็ดขาด คงเพราะนางเล่นไม่เป็นมากกว่า
หยู่เหวินเห้าก็ไม่เห็นไพ่เหมือนกัน ความเร็วในการคว่ำไพ่ของเจ้าหยวนเร็วเกินไป ในมือของนางเวลานี้ถือปิ่งสามตัว จากนั้นก็เห็นว่านางจั่วปิ่งกลับมาได้อีกสามตัว
หยู่เหวินเห้ามีท่าทีลังเลไปครู่หนึ่ง ถ้าอ้านกั่งที่ถูกคว่ำอยู่ล้วนเป็นของจริง เช่นนั้นตอนนี้นางก็ต้องหูแล้วล่ะ
“ไพ่ที่เจ้าคว่ำไว้เป็นของจริงรึ?” หยู่เหวินเห้ากระซิบถามเบา ๆ “ถ้าเจ้าหลอกคนอื่น นั่นถือว่าโกง เจ้าต้องชดใช้เงินค่าที่เจ้าโกงนะ”
หยวนชิงหลิงกางไพ่สองใบในมือออก “หูแล้ว”
ท่านชายสี่ทนไม่ไหวพลิกดูไพ่อ้านกั่งที่นางคว่ำไว้ขึ้นมาดู เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่านางมีอ้านกั่งมากขนาดนี้จริง ๆ พอเปิดออก ผลปรากฏว่าเป็นความจริง สองปิ่ง หนึ่งว่าน หกปิ่ง บวกกับตงเฟิงเป็นกั่ง นางหูแล้วจริง ๆ
“อ๋า!” หยู่เหวินเห้ากระโดดขึ้นทันที พุ่งเข้าไปคว้าคอท่านชายสี่ด้วยความตื่นเต้นสุดขีด “กินรวบ เจ้าโดนกินรวบแล้ว!”
ท่านชายสี่ทำหน้ายืดยาว กินรวบก็กินรวบไปสิ ไม่ใช่ว่าจ่ายไม่ไหวเสียหน่อย
หลังจากเล่นกันไปราว ๆ หนึ่งชั่วยาม พวกเขาทั้งสามผลัดกันโดนกินรวบ หยู่เหวินเห้ายังถึงกับใช้หนี้ที่ติดค้างได้จนหมด ทั้งยังได้รับเงินที่เขานับไว้ก่อนหน้านี้กลับคืนมาอีกด้วย
เขาหัวเราะจนฟันแทบจะร่วงหมดปากให้ได้แล้ว เดินนับเงินวนไปรอบ ๆ ตัวทุกคนในสภาพเหมือนเด็กน้อยแสนน่ารักก็ไม่ปาน