บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2006 ถึงเวลาสอนชาวจวนอ๋องซู่แล้ว
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 2006 ถึงเวลาสอนชาวจวนอ๋องซู่แล้ว
บทที่ 2006 ถึงเวลาสอนชาวจวนอ๋องซู่แล้ว
หลังจากนับเงินแล้ว หยู่เหวินเห้าก็แจกจ่ายเหรียญทองแดงให้ทุกคนคนละสามเหรียญ ให้พวกเขามีเงินขวัญถุงติดกระเป๋าบ้าง จะได้ไม่ต้องกลับไปทั้งที่กระเป๋าโล่งโจ้ง แบบนั้นไม่เป็นมงคล
เขาประกาศออกไปว่า กิจกรรมยามว่างอย่างไพ่นกกระจอกนั้นควรถูกระงับเป็นการชั่วคราว เจ้าของพรรค์นี้ค่อนข้างจะเสพติดง่าย อาจทำให้ถลำลึกได้
ทุกคนเดินจากไปอย่างขุ่นเคือง
หยู่เหวินเห้าเดินจูงมือภรรยากลับไปอย่างมีความสุข มู่หรูกงกงเดินตามหลังอย่างเซื่องซึม หยู่เหวินเห้าให้รางวัลเขาอย่างใจกว้างไปอีกสองพวงเงิน มู่หรูกงกงถึงค่อยดูมีความสุขขึ้นมาได้
หยู่เหวินเห้าคุยจ้อไปตลอดทาง เต็มไปด้วยความชื่นชมยกย่องภรรยา “เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าเจ้าไม่เชี่ยวชาญน่ะ? ทำไมถึงร้ายกาจขนาดนี้ได้ล่ะ? เจ้าโกงหรือไม่? ทำไมไพ่พวกนั้นพอถึงมือเจ้าก็สามารถชนะจบตาได้หมดเลยล่ะ?”
หยวนชิงหลิงพูดพลางหัวเราะ“ใจเราคิดอะไรมันก็จะเป็นไปตามนั้นน่ะ เจ้าห้าเจ้าเองก็ทำได้นะ”
หยู่เหวินเห้าตกใจจนผงะ “เหมือนกับการหยิบสิ่งของออกมาจากอากาศน่ะรึ?”
“ถูกต้อง”
“นี่ก็เป็นไปได้ด้วยรึ? ” หยู่เหวินเห้าเบิกตากว้าง “ ถ้าข้ารู้ ข้าคงใช้พลังวิเศษของข้าควบแน่นจิตวิญญาณ ทำให้จิตใจสงบจนเอาชนะได้ไปนานแล้ว”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ที่คืนนี้ข้าช่วยเจ้าก็เพราะมีเจตนาว่าอยากช่วยกู้หน้าให้เท่านั้น ถ้าคิดจะเล่นไพ่นกกระจอกจริง ๆ ยังต้องใช้ทักษะและการฝึกฝนอีกมาก ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงความใจร้อนจนพาลทำให้อารมณ์เสียให้ได้”
“ เล่นต่อไม่ได้แล้วล่ะ มันง่ายที่จะเสพติด จากนี้ถ้าพอมีเวลาว่างค่อยเล่นเป็นครั้งคราวจะดีกว่า ” หยู่เหวินเห้าพูดด้วยท่าทางยับยั้งชั่งใจเต็มที่
หยวนชิงหลิงคล้องแขนของเขา “คนที่แพ้เสียเงินตลอด กับคนที่ชนะได้เงินตลอด ต่างก็ง่ายที่จะเสพติดจริง ๆ นั่นล่ะ แพ้บ้างเป็นบางครั้ง หรือชนะบ้างเป็นบางครั้ง นี่ต่างหากที่จะทำให้เล่นได้นาน”
“เจ้าพูดได้ถูกต้อง” หยู่เหวินเห้ายิ้มจนตายิบหยี “หลังจากนี้ไปสอนชาวจวนอ๋องซู่เล่นดีกว่า ให้พวกเขาเล่นฆ่าเวลาช่วงบั้นปลายชีวิต ท่านย่าบอกว่าการเล่นไพ่นกกระจอก มันสามารถป้องกันโรคหลงลืมในคนแก่ได้”
หยวนชิงหลิงยิ้มแย้ม “ได้สิ”
แต่ในใจกลับคิดว่าเจ้าห้าช่างไร้เดียงสานัก มีหรือที่พวกเขาจะตัดใจเสียเวลาไปกับการเล่นไพ่นกกระจอกได้? ทั้งยังมีการเสียเงินเสียทองในการเล่นด้วย เรียกว่าเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาได้อยู่ว่าง ๆ สักพัก ก็คิดแต่อยากจะออกไปขนอิฐขนปูนหาเงินเท่านั้นแหล่ะ
อีกทั้งตอนนี้ก็มีงานประจำให้ทำ เป็นงานที่ขับเคลื่อนความคิดเห็นของประชาชนเสียด้วย พวกเขาชอบอะไรแบบนี้ที่สุด ได้ดื่มชาไปพลางแทะเมล็ดแตงโมไปพลางในโรงน้ำชา พูดอะไรก็ได้ตามใจปากทุกเรื่อง สิ่งนี้แหล่ะ คือสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นความเพลิดเพลินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
วันรุ่งขึ้น เจ้าห้าไปเยือนจวนอ๋องซู่ด้วยตัวเอง นำไพ่นกกระจอกหยกที่ท่านชายสี่ให้สำรับนั้นติดไปด้วย บอกว่าจะไปสอนวิธีเล่นให้พวกเขา
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2006 ถึงเวลาสอนชาวจวนอ๋องซู่แล้ว –
ดวงตาของบรรดาชาวจวนอ๋องซู่เบิกกว้างยามที่ได้เห็นของน่ามหัศจรรย์ใจใหม่ ๆ ต่างแสดงท่าทางตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ
ในใจหยู่เหวินเห้ารู้สึกมีความสุขมาก รู้ว่าไม่มีใครสามารถต้านทานแรงดึงดูดของไพ่นกกระจอกได้ จึงเชื้อเชิญทุกคนมา แล้วสอนวิธีการเล่นแบบติวเข้มเน้นเนื้อหาจริงจัง
ทุกคนล้วนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก พากันมายืนเบียดเสียดรายล้อมจนห้องโถงหลักแน่นขนัดไม่เหลือช่องว่าง ก้มหน้ามองดูอย่างตั้งอกตั้งใจ เพราะกลัวว่าหากคลาดสายตาไปเพียงเสี้ยววินาที ก็อาจจะพลาดอะไรบางอย่างไป
หยู่เหวินเห้าสอนไปราว ๆ หนึ่งชั่วยาม ทุกคนตั้งใจดูอย่างอดทน ดูไปแล้วก็เหมือนว่าจะเพลิดเพลินกันไม่น้อย
หยู่เหวินเห้าพอใจมาก เอ่ยถามว่า “ทุกคนเรียนรู้ได้หมดแล้วหรือไม่?”
“ไม่เชิงว่าได้หมด แต่ก็พอรู้องค์ประกอบคร่าว ๆ แล้ว ติดแค่ว่าพวกเรามีกันหลายคน มีไพ่นกกระจอกแค่สำรับนี้สำรับเดียว น่ากลัวว่าจะไม่พอเล่น”
“เช่นนั้นก็ผลัดกันเล่นก็ได้ แบบนี้น่าจะดีกว่า” หยู่เหวินเห้าก็ยังแอบกลัวว่าพวกเขาจะเล่นจนติด เมื่อดูจากความบ้าคลั่งของการดื่มเหล้ากินเนื้อย่างของพวกเขาแล้ว จะเห็นได้ชัดเลยว่า เมื่อพวกเขาหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว จะสามารถหมกมุ่นกับสิ่งนั้นไปจนถึงขั้นสุดได้เลยทีเดียว
ทุกคนสูดลมหายใจเฮือก ดูท่าทางผิดหวังเล็กน้อย
“ฝ่าบาท งานในราชสำนักของท่านคงจะยุ่งมาก รีบกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราจะฝึกกันเอง” หลังจากที่กลุ่มชายชราชุดดำรู้แล้วว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ไพ่นกกระจอกมาเพิ่มอีกสำรับ พวกเขาก็เริ่มออกปากไล่คนให้กลับไปทันที
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ไม่ถึงกับยุ่งขนาดนั้นแล้วล่ะ ยังสามารถสอนพวกเจ้าได้อีกสักชั่วยาม….”
“ไม่ล่ะ มันดึกแล้ว พวกเราเคยชินกับการเข้านอนเร็วตื่นแต่เช้ากันหมดแล้วน่ะ”
“อย่างนั้นรึ?” หยู่เหวินเห้าปรายตามองทุกคนแวบหนึ่ง แต่ละคนเริ่มหาวหวอด ๆ ออกมาทันที ดูท่าแล้วเหมือนจะง่วงกันจริง ๆ
หยู่เหวินเห้ารู้สึกใจห่อเหี่ยวลงไปเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองไม่เล่นแต่ได้สอนพวกเขาแทน ก็คงพอจะหายอยากไปได้บ้าง แต่ว่า การนอนของผู้สูงอายุนั้นค่อนข้างสำคัญ เพราะฉะนั้นก็……ก็กลับก่อนดีกว่า
เขาเดินออกไป เดิมคิดว่าทุกคนคงจะเดินออกมาส่ง แต่ผลคือ ทุกคนกลับนั่งคุกเข่าอยู่ในห้องโถง นี่เป็นอะไรที่แปลกมาก แม้จะพูดได้ว่าเมื่อก่อนก็ไม่ได้มีใครเดินมาส่งแบบเฉพาะเจาะจงนัก แต่ตราบใดที่เจ้าเอาของอะไรติดไม้ติดมือมาฝาก อย่างน้อยก็จะมีคนเสแสร้งแสดงน้ำใจ ด้วยการเดินมาส่งสักสองสามก้าวแบบพอเป็นพิธีอยู่เสมอ
ดูไปแล้ว เหมือนว่าพวกเขาจะชอบเล่นไพ่นกกระจอกกันจริง ๆ กระทั่งลืมมารยาทไปเลยทีเดียว
เขาเดินไปถึงหน้าประตู กำลังจะพลิกตัวขึ้นหลังม้า กลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคำพูดของชายชราชุดดำนั้นที่จริงแล้วก็ฟังดูมีเหตุผล ทำเพิ่มให้พวกเขาอีกสักสองสำรับเถอะ เพราะถึงอย่างไร ท่านชายสี่ก็เป็นคนออกเงินอยู่แล้ว
เขาเดินกลับไป คิดจะบอกข่าวดีนี้กับทุกคน เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องล้อมหน้าล้อมหลังยื้อแย่งกันเล่นอีกต่อไปแล้ว
พอมาถึงลานส่วนหน้าของห้องโถงหลัก ก็เห็นพวกเขานั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เรียงกันเป็นแถวหลายแถว มีชายชราชุดดำคนหนึ่งถือไพ่นกกระจอกไว้ในมือ พูดเสียงดังฟังชัดว่า “ไม่ต้องแย่งไม่ต้องชิงอะไรกันทั้งนั้น ยึดตามกฎว่าหนึ่งคนได้หนึ่งชิ้น ในนี้มีอยู่ราว ๆ ร้อยตัวเห็นจะได้”
หยู่เหวินเห้าฝีเท้าชะงักค้างกลางอากาศ ก่อนจะรีบหันหลังกลับออกไปทันที หลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองไปรบกวนกิจกรรม “การแบ่งเงินด้วยความยุติธรรม” ของพวกเขา
เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ นั่นสิ ทำไมเขาถึงได้คิดไม่ถึงนะ? ไพ่นกกระจอกที่ทำจากหยกมีคุณภาพขั้นสุดยอดแบบนี้ นับเป็นงานศิลปะชั้นเอกแล้ว แค่ตัวเดียวก็สามารถเอาไปขายแลกเป็นเงินได้ไม่น้อยแน่ ๆ
สิ่งที่พวกเขาชอบคือตัวไพ่นกกระจอก ไม่ได้ชอบการเล่นไพ่นกกระจอก