บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 2010 ฆาตกร
บทที่ 2010 ฆาตกร
เสือขนทองพลิกตัว นอนแผ่ราบกับพื้น เฮ้อ!เหนื่อยจริง ๆ เลย เขายังเป็นแค่เสือที่ป่วยออดๆแอดๆตัวหนึ่งนะเข้าใจไหม? ต้องมาออกแรงสุดตัวเพื่อแสดงให้ทุกคนเข้าใจแบบนี้ ช่างไม่ง่ายเลยจริงๆ!
เจ้าตาทับทิมถามว่า “เข้าใจอะไรรึ? สรุปว่าใครฆ่าล่ะ?”
เจ๋อหลานพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ข้าสงสัยมาตลอดเลยว่า ทำไมกำไลข้อมือถึงชี้ไปที่เฉินหวู่ว่าเขาเป็นฆาตกร แล้วก็รู้สึกว่าเขามีกลิ่นไอของคนที่แบกหนี้เลือด แต่ก็คิดอยู่เสมอว่าเขาไม่ได้ฆ่าอู๋เหวิน กลับคิดว่าหวงเฉวียนมีความน่าสงสัย ข้าเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว”
“ดังนั้นแล้ว?” เจ้าตาทับทิมนั่งลง ในฐานะคนที่รับบทเป็นอู๋เหวินผู้ตาย นางจึงอยากรู้มาก ๆ ว่าตัวเองถูกใครฆ่ากันแน่
เจ๋อหลานคว้าไหล่สองข้างของนาง ในดวงตายังคงแฝงประกายตื่นเต้น “หวงเฉวียนเป็นฆาตกร เขาคิดจะบีบคออู๋เหวินให้ตาย แต่เพราะเวลานั้นอู๋เหวินยังไม่ตาย ในตอนที่ยังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายหวงเฉวียนก็วิ่งหนีไป เขาไม่ได้มีเวลามากพอจะไปตรวจสอบดูว่าอู๋เหวินตายจริงหรือไม่ เพราะตอนนั้นเฉินหวู่มาถึงที่เกิดเหตุพอดี เขาจึงทำได้แค่รีบหนีไป ตามคำให้การของเฉินหวู่ เขาถูกเถาวัลย์เกี่ยวเท้าจนสะดุดล้ม แล้วกลิ้งตกลงไปจากเนินดิน ด้วยความที่เท้าของเขาเกี่ยวอยู่กับเถาวัลย์ แล้วเถาวัลย์นั้นก็น่าจะไปพันเข้ากับอู๋เหวินผู้ตาย ดังนั้น ตอนที่เขากลิ้งลงจากเนินดินไป ก็ได้ลากเอาตัวอู๋เหวินตกลงไปด้วย สุดท้ายแล้วที่อู๋เหวินตาย น่าจะเป็นเพราะถูกเกี่ยวลงไปในลำธาร อีกทั้งตอนนั้นนางก็สลบอยู่ บวกกับตอนที่เฉินหวู่พบว่ามีร่างคนในลำธาร เขาก็วิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากนั้นไม่นานก็วิ่งกลับมา แต่เวลานั้นอู๋เหวินน่าจะตายไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ทันเห็นความพยายามต่อสู้ เพื่อที่จะยื้อลมหายใจที่อ่อนระโหยในเฮือกสุดท้ายนั้นของอู๋เหวิน”
“แต่เจ้าแน่ใจได้อย่างไรหรือ ว่าเป็นพี่ทังหยวนที่บีบคอนาง?”
ทังหยวนรีบเตือน “ตอนนี้เรียกว่าหวงเฉวียนได้แล้ว”
เจ้าตาทับทิมร้องอ๋อขึ้นมาเสียงหนึ่ง จริงด้วย ต้องเป็นหวงเฉวียน
เจ๋อหลานตอบว่า “ข้าไม่ได้พูดไว้หรอกหรือ? ว่าข้ามีสัญชาตญาณน่ะ แน่นอนว่าตอนนี้ไม่อาจพึ่งพาสัญชาตญาณของข้าแค่เพียงอย่างเดียวได้ เพราะกำไลข้อมือมันชี้ไปที่เฉินหวู่ ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องหาหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าหวงเฉวียนเป็นฆาตกร”
รัชทายาทพูดว่า “มิน่าล่ะ กำไลข้อมือถึงได้บอกว่าเฉินหวู่เป็นฆาตกร สาเหตุเพราะลมหายใจเฮือกสุดท้ายของอู๋เหวินเป็นเฉินหวู่ที่พรากไป หนี้เลือดนี้ย่อมถูกบันทึกไว้บนตัวของเฉินหวู่เป็นธรรมดา อีกทั้งเจ๋อหลานก็มองเห็นว่า บนร่างของเขาแบกความผิดต่อชีวิตคนชีวิตหนึ่งไว้จริง ๆ ”
แต่กำไลข้อมือนั่นก็ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย มันสามารถใช้ตัดสินได้แค่จากลมหายใจเฮือกสุดท้ายของผู้ตายเท่านั้น นี่จึงทำให้ฆาตรกรตัวจริง สามารถรอดพ้นจากการลงโทษทางกฎหมายไปได้อย่างง่ายดาย
“เป็นแบบนี้แหล่ะ มันเป็นแบบนี้จริง ๆ!” เจ๋อหลานกอดเสือขนทอง แล้วจูบติด ๆ กันหลายต่อหลายครั้ง “เสือขนทอง เจ้าช่างน่าทึ่งเหลือเกิน เจ้ารู้ได้อย่างไรรึ? ว่ามันเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในคดีน่ะ?”
เจ้าเสือกลอกตามองบนใส่อีกครั้ง กินเนื้อมาตั้งหลายปี พวกเจ้าคิดว่าข้ามีแต่กล้ามเนื้องอกเงย แต่ไม่มีสมองงอกตามอย่างนั้นรึ?
“แต่หวงเฉวียนมีพยานยืนยันที่อยู่นะ” รัชทายาทแย้ง
เจ๋อหลานพูดว่า “นี่ก็ต้องตรวจสอบด้วย ว่ามีคนพูดโกหกหรือเปล่า หรือว่าพอจะมีเวลาลอบออกไปฆ่าคนได้ไหม หรือบางทีสถานที่นัดดื่ม ก็อาจอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ”
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 2010 ฆาตกร –
เจ้าห้าเดินจากไปเงียบ ๆ รู้สึกพ่ายแพ้น้อย ๆ ทั้งยังโกรธมาก
หวงเฉวียน คนที่ช่วงนี้เขาคิดจะเลื่อนขั้นให้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
หลายปีมานี้ หวงเฉวียนทำงานได้น่าเชื่อถือดี ขยันขันแข็ง ไม่ทุจริต อยู่ในกรมข้าราชการพลเรือนมานานหลายปี ประเมินขุนนางมาแล้วนับไม่ถ้วน ทั้งเลื่อนขั้นให้คนเข้ามาทำงานรับใช้ราชสำนักแล้วไม่น้อย
เขากลับไปที่ตำหนักกลาง สั่งให้มู่หรูกงกงไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหวงเฉวียนมาให้ตนดู
หวงเฉวียนเป็นบัณฑิตทั่นฮวา (ชื่อเรียกคนที่สอบเคอจวี่ได้ลำดับสาม) ก่อนที่เขาจะขึ้นครองราชย์หนึ่งปี มีความรู้ด้านวรรณกรรมรอบด้าน รูปร่างหน้าตาคมคายหล่อเหลา หลังจากสอบได้ตำแหน่งทั่นฮวา ก็แต่งงานกับหลานสาวของฉู่ฟางเจิ้งเป็นภรรยา
เพราะตอนนั้นขณะที่เขาทำคดีนี้ เขาก็รู้จักหวงเฉวียนเหมือนกัน ด้วยเหตุที่คดีนี้ไม่อาจคลี่คลายได้มาตลอด ตอนที่ร่างของอู๋เหวินถูกส่งกลับไป เขาร้องไห้ฟูมฟายไปตลอดทาง ตอนนั้นเขายังรู้สึกเลยว่า ผู้ชายคนนี้ให้ความสำคัญกับความรักใคร่ผูกพันมากจริง ๆ
เวลาต่อมา เขาก็ลืมความตายอันน่าสลดใจของคนในดวงใจไปได้อย่างรวดเร็ว แล้วแต่งงานกับลูกสาวตระกูลฉู่ เขาก็แอบรู้สึกว่ามันเหนือคาดอยู่บ้าง
แต่ในตอนนั้นก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าจะมีอะไร คนเราย่อมต้องมองไปข้างหน้าเสมอ แต่ความรู้สึกนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นความรู้สึกจากใจจริงนัก
หวงเฉวียนในวันนี้ มีภรรยาหนึ่งอนุสาม ลูกชายลูกสาวมากกว่าสิบคน
ส่วนเฉินหวู่ จนวันนี้ก็ยังไม่แต่งงาน
“เจ้าหยวน หวงเฉวียนใช่ฆาตกรจริง ๆ หรือไม่?” ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว เงยหน้าขึ้นถามหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงหันมามองเขา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่!”
“เป็นเขาจริง ๆ!” หยู่เหวินเห้ายกมือหนึ่งขึ้นตบโต๊ะผาง โกรธจนคิ้วตาเลิกสูง “ไอ้ของต่ำค่าสารเลวนี่! เสียแรงที่ข้าเชื่อในตัวเขาขนาดนี้ ทั้งยังคิดจะให้เขาทำงานในตำแหน่งสำคัญด้วย”
หยวนชิงหลิงพูดปลอบใจ “ดังคำที่โบราณกล่าวไว้ว่า คนเรารู้หน้ารู้วาจาแต่ไม่อาจล่วงรู้จิตใจ เจ้าจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า เบื้องหลังสิ่งที่เรียกว่าหัวใจอันแสนรักใคร่เสน่หาของเขามันจะซ่อนเร้นความชั่วร้ายอำมหิตแบบนี้เอาไว้น่ะ?”
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้วมุ่น “แต่มันก็แปลกนะ ในเวลานั้น ทุกคนในตระกูลอู๋ต่างก็ยอมปล่อยวางกันหมดแล้ว ล้วนเต็มใจให้อู๋เหวินแต่งงานกับเขา ทั้งยังไปหาคนตระกูลเฉินเพื่อยกเลิกงานแต่งด้วย ทำไมเขาถึงได้ลงมือฆ่าอู๋เหวินในเวลานี้ล่ะ?”
หยวนชิงหลิงกุมมือของเขา “เพราะว่า…… ”
ในตำหนักเสือขนทอง พวกเด็ก ๆ ต่างก็กำลังครุ่นคิดถึงปัญหาข้อนี้อยู่เช่นกัน
ทุกคนต่างครุ่นคิดกันอย่างหนักเป็นนานสองนาน รัชทายาทพูดว่า “พอจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่เดิมที หวงเฉวียนก็ไม่ได้วางแผนจะแต่งงานกับอู๋เหวินตั้งแต่แรกแล้ว? แต่อาจจะแค่ต้องการเงินของอู๋เหวินเพื่อใช้สำหรับสิ่งจำเป็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสอบ? เพราะว่ากันตามจริง ตอนนั้นนโยบายของเสด็จปู่ยังเน้นด้านเกษตรกรรม ไม่เน้นการค้าขาย สถานะของชนชั้นพ่อค้าไม่สูง อีกทั้งเขามีเป้าหมายอยากจะเป็นขุนนาง จะยอมแต่งกับลูกสาวพ่อค้าได้อย่างไรล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราต้องตรวจสอบกันหน่อย ว่าสรุปแล้วอู๋เหวินเคยให้เงินหวงเฉวียนหรือเปล่า?” เจ๋อหลานพูด
เมื่อพลิกดูคำให้การ ก็ไม่ได้เอ่ยถึงประเด็นนี้ไว้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องไปถามครอบครัวของอู๋เหวิน กับสาวใช้ที่รับใช้ข้างกายอู๋เหวินในวันนั้นอีกครั้ง